สืบค้นงานวิจัย
การใช้เหง้ามันเพื่อเลี้ยงเส้นใยเห็ด Lentinus polychrous Lev. เพื่อผลิตเอนไซม์ในกลุ่ม ligninolytic ในการย่อยสลายสีย้อม
ภคมน จิตประเสริฐ - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: การใช้เหง้ามันเพื่อเลี้ยงเส้นใยเห็ด Lentinus polychrous Lev. เพื่อผลิตเอนไซม์ในกลุ่ม ligninolytic ในการย่อยสลายสีย้อม
ชื่อเรื่อง (EN): Use of cassava stem as a solid substrate for the production of dyestuff degraded ligninolytic enzymes by the cultivation of Lentinus polychrous Lev.
บทคัดย่อ: โครงการวิจัยนี้ศึกษาการใช้เหง้ามันสำปะหลังเพื่อเลี้ยงเส้นใยเห็ด Lentinus polychrous Lev. แล้วนำไปใช้กำจัดสีย้อมสังเคราะห์ซึ่งปนเปื้อนอยู่ในน้ำเสียจากอุตสาหกรรมสิ่งทอ จากการศึกษาพบว่าเหง้ามันสามารถใช้เป็นวัสดุในการเพาะเลี้ยง L. polychrous Lev. ได้ดี ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเจริญของ L. polychrous Lev. อย่างมีนัยสำคัญคือขนาดของเหง้ามันโดยขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง (< 5mm) จะทำให้ราเจริญได้มาก ส่วนปัจจัยร่วมที่มีอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญคือขนาดของเหง้ามันร่วมกับอุณหภูมิ โดยที่อุณหภูมิสูง (ไม่เกิน 37oC) และเหง้ามันขนาดเล็กจะส่งผลให้ราเจริญได้มากที่สุด แต่เมื่ออุณหภูมิสูงและขนาดของเหง้ามันใหญ่จะส่งผลในทางตรงกันข้าม ส่วนที่อุณหภูมิต่ำนั้น (<30oC) ขนาดของเหง้ามันไม่มีอิทธิพลต่อการเจริญ การกำจัดสีย้อมสังเคราะห์ 3 ชนิดคือ Cibacron blue, Erionyl red และ Cibacron yellow โดย L. polychrous Lev. ที่เจริญบนเหง้ามันในสภาวะที่เหมาะสม (อุณหภูมิ 37oC ความชื้นเริ่มต้น 70% ใช้เหง้ามันขนาด 0.85-1.4mm และบ่มเป็นเวลา 3 สัปดาห์) พบว่าสามารถกำจัดสีย้อม Reactive blue 49 และ Erionyl red ความเข้มข้น 50mg/l ได้ทั้งหมดภายในเวลา 24 ชั่วโมง ส่วนสี Reactive yellow WR นั้นไม่สามารถกำจัดได้เนื่องจากเชื้อไม่สามารถย่อยสลายสี และวัสดุเหง้ามันไม่สามารถดูดซับสีได้ อีกทั้งเหง้ามันในน้ำยังให้สีเฉดเดียวกับ Reactive yellow WR อีกด้วย ส่วนการศึกษาผลกระทบของความชื้นเริ่มต้นของเหง้ามันที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงต่อการกำจัดสีย้อมที่ให้สีน้ำเงิน พบว่า L. polychrous Lev. ที่เจริญบนเหง้ามันที่ระดับความชื้นเริ่มต้น 70% ให้ประสิทธิภาพในการกำจัดสีย้อมสังเคราะห์ได้ดีที่สุด นอกจากนี้ยังพบว่าสีที่มีลักษณะโครงสร้างเป็น diazo ถูกย่อยสลายด้วยเอนไซม์จาก L. polychrous Lev. ได้ยากกว่าสีที่มีโครงสร้างแบบ anthraquinone และเหง้ามันสามารถดูดซับสีประเภท acid ได้ดีกว่าสีประเภท reactive ระบบบำบัดน้ำสีย้อมจำลองแบบต่อเนื่องที่ประกอบด้วย L. polychrous Lev. ที่เจริญอยู่บนเหง้ามันสำปะหลัง บรรจุอยู่ในคอลัมน์สามารถกำจัดสีย้อมที่ทดสอบได้ดี โดยสามารถบำบัดน้ำสีได้ 2.8 ลิตร เมื่อใช้อัตราการไหล 108ml/h และมีความสามารถในการบำบัด 14.8ml ต่อกรัมน้ำหนักแห้งของเหง้ามันสำปะหลัง การฟื้นฟูประสิทธิภาพของระบบโดยการหยุดป้อนน้ำสีและให้อากาศต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 1 และ 2 สัปดาห์ ไม่สามารถฟื้นฟูประสิทธิภาพของระบบได้โครงการวิจัยนี้ศึกษาการใช้เหง้ามันสำปะหลังเพื่อเลี้ยงเส้นใยเห็ด Lentinus polychrous Lev. แล้วนำไปใช้กำจัดสีย้อมสังเคราะห์ซึ่งปนเปื้อนอยู่ในน้ำเสียจากอุตสาหกรรมสิ่งทอ จากการศึกษาพบว่าเหง้ามันสามารถใช้เป็นวัสดุในการเพาะเลี้ยง L. polychrous Lev. ได้ดี ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเจริญของ L. polychrous Lev. อย่างมีนัยสำคัญคือขนาดของเหง้ามันโดยขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง (< 5mm) จะทำให้ราเจริญได้มาก ส่วนปัจจัยร่วมที่มีอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญคือขนาดของเหง้ามันร่วมกับอุณหภูมิ โดยที่อุณหภูมิสูง (ไม่เกิน 37oC) และเหง้ามันขนาดเล็กจะส่งผลให้ราเจริญได้มากที่สุด แต่เมื่ออุณหภูมิสูงและขนาดของเหง้ามันใหญ่จะส่งผลในทางตรงกันข้าม ส่วนที่อุณหภูมิต่ำนั้น (<30oC) ขนาดของเหง้ามันไม่มีอิทธิพลต่อการเจริญ การกำจัดสีย้อมสังเคราะห์ 3 ชนิดคือ Cibacron blue, Erionyl red และ Cibacron yellow โดย L. polychrous Lev. ที่เจริญบนเหง้ามันในสภาวะที่เหมาะสม (อุณหภูมิ 37oC ความชื้นเริ่มต้น 70% ใช้เหง้ามันขนาด 0.85-1.4mm และบ่มเป็นเวลา 3 สัปดาห์) พบว่าสามารถกำจัดสีย้อม Reactive blue 49 และ Erionyl red ความเข้มข้น 50mg/l ได้ทั้งหมดภายในเวลา 24 ชั่วโมง ส่วนสี Reactive yellow WR นั้นไม่สามารถกำจัดได้เนื่องจากเชื้อไม่สามารถย่อยสลายสี และวัสดุเหง้ามันไม่สามารถดูดซับสีได้ อีกทั้งเหง้ามันในน้ำยังให้สีเฉดเดียวกับ Reactive yellow WR อีกด้วย ส่วนการศึกษาผลกระทบของความชื้นเริ่มต้นของเหง้ามันที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงต่อการกำจัดสีย้อมที่ให้สีน้ำเงิน พบว่า L. polychrous Lev. ที่เจริญบนเหง้ามันที่ระดับความชื้นเริ่มต้น 70% ให้ประสิทธิภาพในการกำจัดสีย้อมสังเคราะห์ได้ดีที่สุด นอกจากนี้ยังพบว่าสีที่มีลักษณะโครงสร้างเป็น diazo ถูกย่อยสลายด้วยเอนไซม์จาก L. polychrous Lev. ได้ยากกว่าสีที่มีโครงสร้างแบบ anthraquinone และเหง้ามันสามารถดูดซับสีประเภท acid ได้ดีกว่าสีประเภท reactive ระบบบำบัดน้ำสีย้อมจำลองแบบต่อเนื่องที่ประกอบด้วย L. polychrous Lev. ที่เจริญอยู่บนเหง้ามันสำปะหลัง บรรจุอยู่ในคอลัมน์สามารถกำจัดสีย้อมที่ทดสอบได้ดี โดยสามารถบำบัดน้ำสีได้ 2.8 ลิตร เมื่อใช้อัตราการไหล 108ml/h และมีความสามารถในการบำบัด 14.8ml ต่อกรัมน้ำหนักแห้งของเหง้ามันสำปะหลัง การฟื้นฟูประสิทธิภาพของระบบโดยการหยุดป้อนน้ำสีและให้อากาศต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 1 และ 2 สัปดาห์ ไม่สามารถฟื้นฟูประสิทธิภาพของระบบได้
บทคัดย่อ (EN): This research project studied the utilization of cassava rhizomes to cultivate mycelia of Lentinus polychrous Lev. for decolorisation of dye contaminated wastewater from textile industries. The study revealed that cassava rhizomes was a good substrate for the cultivation of L. polychrous Lev. The particle size was the significant main effect on the growth of L. polychrous Lev. as small to medium size cassava rhizomes (<5mm) supported well growth of the fungus. The particle size and temperature was the significant interaction effect. The best fungus growth was obtained when small cassava rhizomes were used with high incubation temperature (not higher than 37oC) while contrary effect arose when high incubation temperature in conjuction with large particle size was used. At low temperature (<30oC), the size of cassava rhizomes had no influence on the growth. Decolorisation of 3 synthetic dyes i.e. Reactive blue 49, Erionyl red, and Reactive yellow WR by L. polychrous Lev. cultivated on cassava rhizomes at suitable conditions (37oC, 70% onset moisture content, 0.85-1.4mm particle size, and 3 weeks of incubation) showed that 50mg/l of Reactive blue 49 and Erionyl red were completely decolorized within 24h while Reactive yellow WR was not decolorised as the fungus and the cassava rhizomes could not degrade and did not adsorb the dye, respectively. Moreover, cassava rhizomes in water gave yellow colour which was similar to that of Reactive yellow WR. In the study of the effects of the onset moisture content for cultivation on the decolorisation of blue dyestuffs, the most effective decolorisation was observed when 70% onset moisture content was used. Furthermore, it was noticed that diazo dye was enzymatically degraded more difficult than anthraquinone dye and cassava rhizomes adsorbed acid dye better than reactive dye. The continuous wastewater treatment system composed of L. polychrous Lev. grown on cassava rhizomes in plastic columns removed the tested dye in 2.8 litre of dye solution when 108ml/h flow rate were applied and the system could treat 14.8ml dye solution/g dry weight of cassava rhizomes. Recovery of the treatment efficiency of the system by stop dye solution feeding and maintained aeration for 1 and 2 weeks was not successful.This research project studied the utilization of cassava rhizomes to cultivate mycelia of Lentinus polychrous Lev. for decolorisation of dye contaminated wastewater from textile industries. The study revealed that cassava rhizomes was a good substrate for the cultivation of L. polychrous Lev. The particle size was the significant main effect on the growth of L. polychrous Lev. as small to medium size cassava rhizomes (<5mm) supported well growth of the fungus. The particle size and temperature was the significant interaction effect. The best fungus growth was obtained when small cassava rhizomes were used with high incubation temperature (not higher than 37oC) while contrary effect arose when high incubation temperature in conjuction with large particle size was used. At low temperature (<30oC), the size of cassava rhizomes had no influence on the growth. Decolorisation of 3 synthetic dyes i.e. Reactive blue 49, Erionyl red, and Reactive yellow WR by L. polychrous Lev. cultivated on cassava rhizomes at suitable conditions (37oC, 70% onset moisture content, 0.85-1.4mm particle size, and 3 weeks of incubation) showed that 50mg/l of Reactive blue 49 and Erionyl red were completely decolorized within 24h while Reactive yellow WR was not decolorised as the fungus and the cassava rhizomes could not degrade and did not adsorb the dye, respectively. Moreover, cassava rhizomes in water gave yellow colour which was similar to that of Reactive yellow WR. In the study of the effects of the onset moisture content for cultivation on the decolorisation of blue dyestuffs, the most effective decolorisation was observed when 70% onset moisture content was used. Furthermore, it was noticed that diazo dye was enzymatically degraded more difficult than anthraquinone dye and cassava rhizomes adsorbed acid dye better than reactive dye. The continuous wastewater treatment system composed of L. polychrous Lev. grown on cassava rhizomes in plastic columns removed the tested dye in 2.8 litre of dye solution when 108ml/h flow rate were applied and the system could treat 14.8ml dye solution/g dry weight of cassava rhizomes. Recovery of the treatment efficiency of the system by stop dye solution feeding and maintained aeration for 1 and 2 weeks was not successful.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คำสำคัญ: เหง้ามัน
คำสำคัญ (EN): dye
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

ภคมน จิตประเสริฐ. "การใช้เหง้ามันเพื่อเลี้ยงเส้นใยเห็ด Lentinus polychrous Lev. เพื่อผลิตเอนไซม์ในกลุ่ม ligninolytic ในการย่อยสลายสีย้อมUse of cassava stem as a solid substrate for the production of dyestuff degraded ligninolytic enzymes by the cultivation of Lentinus polychrous Lev.". มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 2553

ภคมน จิตประเสริฐ. "การใช้เหง้ามันเพื่อเลี้ยงเส้นใยเห็ด Lentinus polychrous Lev. เพื่อผลิตเอนไซม์ในกลุ่ม ligninolytic ในการย่อยสลายสีย้อมUse of cassava stem as a solid substrate for the production of dyestuff degraded ligninolytic enzymes by the cultivation of Lentinus polychrous Lev.". มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 2553. Print.



TARR Wordcloud:
การใช้เหง้ามันเพื่อเลี้ยงเส้นใยเห็ด Lentinus polychrous Lev. เพื่อผลิตเอนไซม์ในกลุ่ม ligninolytic ในการย่อยสลายสีย้อม
ภคมน จิตประเสริฐ
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
30 กันยายน 2553
การกำจัดสีย้อมจุลินทรีย์ด้วยเส้นใยเห็ดที่คัดเลือก การสกัดสารสีดำจากมะเกลือเพื่อใช้เป็นสีย้อมไหม การย้อมสีเส้นฝ้ายด้วยสีย้อมธรรมชาติจากใบสัก การศึกษาการย้อมสีเส้นด้ายฝ้ายด้วยสีย้อมจากเปลือกนนทรี โครงการวิจัยและพัฒนาสีย้อมธรรมชาติพร้อมใช้จากพืชให้สีบนพื้นที่สูง เทคนิคการย้อมไหมด้วยสีธรรมชาติแบบย้อมทับและผสมสีย้อม การกำจัดสีย้อมและสารพิษในน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมด้วยเอนไซม์ย่อยลิกนินจากเชื้อรา การย้อมสีเส้นด้ายฝ้ายด้วยสีย้อมจากต้นรักสำหรับอุตสาหกรรมครอบครัว การศึกษาพัฒนาสีย้อมธรรมชาติสำเร็จรูป และนำร่องการผลิตเชิงพาณิชย์ โครงการศึกษาพัฒนาสีย้อมธรรมชาติสำเร็จรูป และนำร่องการผลิตเชิงพาณิชย์
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair