สืบค้นงานวิจัย
การปรับปรุงพันธุ์ไหมพันธุ์ไทยลูกผสมรังสีเหลืองพันธุ์ใหม่
ดร.สาน วิไล - มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ชื่อเรื่อง: การปรับปรุงพันธุ์ไหมพันธุ์ไทยลูกผสมรังสีเหลืองพันธุ์ใหม่
ชื่อเรื่อง (EN): Breeding of New Yellow Cocoon 0f Thai Hybrid Silkworm
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ดร.สาน วิไล
บทคัดย่อ: จากการศึกษาวิจัย พบว่า การผสมข้ามพันธุ์ระหว่างไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้าน 2 สายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์หัวฝาย (H) และพันธุ์คอตั้ง (K) กับไหมสายพันธุ์ต่างประเทศ 4 สายพันธุ์ ได้แก่ KS1 KS3 KS5 และพันธุ์โชวะปรับปรุง (E หรือ S) การศึกษาประกอบด้วย 1) ทดสอบประสิทธิภาพของการให้ลูกผสม จำนวน 6 คู่ผสม (E x H, KS3 x H, KS3 x K, KS1 x H, KS1 x K, และ KS5 x H 2) เปรียบเทียบพันธุ์ใหม่ 4 คู่ผสม (E x H, KS3 x H, KS1 x H และ H x E) กับไหมพันธุ์มาตรฐานในท้องถิ่นต่างๆ และ 3) ทดสอบพันธุ์ไหมพันธุ์ไทยลูกผสมพันธุ์ใหม่ (H x E) ในภาคเกษตรกร จากการศึกษาทำให้ได้ไหมพันธุ์ไทยลูกผสมรังสีเหลืองพันธุ์ใหม่ที่เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างใช้ไหมพันธุ์หัวฝายเป็นแม่ ซึ่งหนอนไหมมีลักษณะแต้มลายบนลำตัวเป็นแบบปกติ รังไหมมีลักษณะหัวป้านท้ายแหลม มีสีเหลือง ผสมพันธุ์กับพันธุ์โชวะปรับปรุงเพศผู้ หนอนไหมมีลักษณะแต้มลายเป็นแบบปกติ รังไหมมีลักษณะกลมรีสีเหลือง และมีขนาดของรังสม่ำเสมอ ให้ผลผลิตเฉลี่ย 19.2 กิโลกรัมต่อแผ่นไข่ไหม สำหรับการศึกษาลายพิมพ์ดีเอ็นเอของไหมพันธ์ลูกผสมระหว่างพันธุ์หัวฝายและพันธุ์ showa (ปรับปรุง) โดยเทคนิค Random Amplified Polymorphic DNA (RAPD) และ Simple Sequqnce Repeat (SSR) การตรวจสอบด้วยเทคนิค RAPD โดยใช้ไพรเมอร์ 59 ชนิด พบว่า มีไพรเมอร์ 56 ชนิด หรือคิดเป็น 94.92% ที่สามารถเพิ่มปริมาณดีเอ็นเอได้ มีแถบดีเอ็นเอเกิดขึ้นรวมทั้งสิ้น 544 แถบ ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ประมาณ 120 ถึง 2,582 คู่เบส โดยมีแถบดีเอ็นเอที่แสดงความแตกต่างระหว่างจีโนมของไหมที่ศึกษาจำนวน 396 แถบ หรือคิดเป็น 72.79% มีไพรเมอร์จำนวน 21 ชนิด ที่สามารถให้แถบดีเอ็นเอที่พบเฉพาะในไหมสายพันธุ์หัวฝาย มีจำนวน 29 แถบ ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ประมาณ 257 ถึง 2,530 คู่เบส และมีไพรเมอร์จำนวน 21 ชนิด ที่สามารถให้แถบดีเอ็นเอที่พบเฉพาะในไหมสายพันธุ์ Showa (ปรับปรุง) มีจำนวน 31 แถบ ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ประมาณ 210 ถึง 1,998 คู่เบส การวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์ความคล้ายคลึงทางพันธุกรรมด้วยโปรแกรม NTSYSpc v 2.1 ตามวิธี UPGMA พบว่า ไหมพันธุ์ลูกผสมระหว่างพันธุ์หัวฝายและพันธุ์ showa (ปรับปรุง) และสายพันธุ์หัวฝายมีค่าดังกล่าวมากที่สุด คือ 0.852 ส่วนระหว่างไหมพันธุ์ลูกผสมระหว่างพันธุ์หัวฝายและพันธุ์ showa (ปรับปรุง) และสายพันธุ์ showa (ปรับปรุง) มีค่า 0.642 ตามลำดับ ส่วนการวิเคราะห์ลำดับนิวคลีโอไทด์โดยใช้ไพรเมอร์ที่มีความจำเพาะต่อสายพันธุ์หนอนไหมทั้ง 3 สายพันธุ์ โดยเทคนิค SSR ใช้ไพรเมอร์ จำนวน 8 คู่ คือ Sat951 Sat2604 Sat2763 X0586 Sat1423 Bmsat129 D49948 และ D4937 วิเคราะห์ลำดับนิวคลีโอไทด์ที่บริษัท Macrogen ประเทศเกาหลีใต้ พบว่า ไพรเมอร์แต่ละชนิดสามารถให้จำนวนแถบดีเอ็นเอและขนาดแตกต่างกันไปและมีลำดับนิวคลีโอไทด์ที่จำเพาะเจาะจงต่อแต่ละสายพันธุ์ซึ่งถือเป็นลายพิมพ์ดีเอ็นเอที่เป็นเอกลักษณ์ประจำพันธุ์นั่นเอง ประโยชน์ที่จะได้รับของโครงการนี้คือ ได้ไหมพันธุ์ไทยลูกผสมรังสีเหลืองพันธุ์ใหม่ และสามารถนำเส้นไหมที่ได้จากไหมพันธุ์ใหม่นี้แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะเพิ่มมูลค่าได้
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: https://epms.arda.or.th/src/Research/OldSummaryExSummary.aspx?ID=1916
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
คำสำคัญ: ไหมพันธุ์ไทยลูกผสมรังสีเหลือง
คำสำคัญ (EN): Yellow cocoon of Thai Hybrid Silkworm
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การปรับปรุงพันธุ์ไหมพันธุ์ไทยลูกผสมรังสีเหลืองพันธุ์ใหม่
ดร.สาน วิไล
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
3 ตุลาคม 2558
การปรับปรุงพันธุ์ไหมพันธุ์ไทยลูกผสมรังสีเหลืองพันธุ์ใหม่ รวบรวมจำแนก ศึกษาลักษณะประจำพันธุ์ไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้าน รวบรวม จำแนก ศึกษาลักษณะประจำพันธุ์ไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้าน พันธุ์ไหมลูกผสมต่างประเทศพันธุ์ใหม่พันธุ์ K9 x K8 การศึกษาคุณลักษณะของไหมพันธุ์ไทยพันธุ์นางเหลือง การศึกษาคุณลักษณะของไหมพันธุ์ต่างประเทศ เปรียบเทียบพันธุ์ไหมลูกผสมต่างประเทศพันธุ์ใหม่ 4 พันธุ์ในท้องถิ่นต่างๆ ปรับปรุงพันธุ์ไหมไทยลูกผสมรังสีเหลืองให้มีปริมาณและคุณภาพที่ดี เปรียบเทียบไหมพันธุ์ลูกผสมชั่วที่หนึ่ง 5 พันธุ์ การศึกษาคุณลักษณะของไหมพันธุ์ญี่ปุ่นพันธุ์ใหม่
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก