สืบค้นงานวิจัย
การศึกษาปัจจัยและทดสอบประสิทธิภาพการควบคุมแมลงศัตรูพืชของเชื้อราบิวเวอร์เรียสายพันธุ์กรมส่งเสริมการเกษตร 1 (กสก 1)
ลาวัลย์ จีระพงษ์ - กรมส่งเสริมการเกษตร
ชื่อเรื่อง: การศึกษาปัจจัยและทดสอบประสิทธิภาพการควบคุมแมลงศัตรูพืชของเชื้อราบิวเวอร์เรียสายพันธุ์กรมส่งเสริมการเกษตร 1 (กสก 1)
ชื่อเรื่อง (EN): Trial on an efficacy of Beauveria bassiana Strain DOAE - L1 for Insect Pests Control
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ลาวัลย์ จีระพงษ์
ผู้ร่วมงาน / ผู้ร่วมวิจัย:
คำสำคัญ:
คำสำคัญ (EN):
หมวดหมู่ AGRIS:
บทคัดย่อ: การศึกษาปัจจัยและทดสอบประสิทธิภาพการควบคุมแมลงศัตรูพืชของเชื้อราบิวเวอเรีย สายพันธุ์ กรมส่งเสริมการเกษตร(กสก-ล1)ในห้องปฏิบัติการของ ส่วนบริหารศัตรูพืช ส านักพัฒนาคุณภาพสินค้า เกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร พบว่าเส้นใย (mycelium)ใส ไม่มีสี มีผนังกั้น มีความเส้นผ่าศูนย์กลาง 2-5 µ เฉลี่ย 2.62 µ มีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน0.7625 โคนีเดีย (conidia) ใส ไม่มีสี เป็นเซลเดียว รูปร่างกลมมีขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 1-2 µ มีค่าเฉลี่ย 1.75 µค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.4352 ก้านชูโคนีเดีย (conidiophore) มี ลักษณะเป็นเส้นตรงรูปทรงกระบอก บริเวณโคนก้านชูโคนีเดีย มีลักษณะคล้ายแจกัน?? (flask like-shaped) มีความกว้างบริเวณโคน 1.7 µ บริเวณปลาย 0.5 µ ซึ่งโคนีเดียจะถูกผลิตขึ้นที่ปลายของก้านชูโคนีเดีย ลักษณะของโคโลนีบนอาหารเลี้ยงเชื้อ PDA มีรูปร่างกลม เส้นใยสีขาว ความฟูไม่มาก เส้นใยหลวม บน อาหารเลี้ยงเชื้อ SDA โคโลนีมีรูปร่างกลม เส้นใยเป็นปุยสีขาว ฟู เส้นใยอัดตัวกันแน่น มีระยะเวลาการเจริญ ของโคโลนีเต็มจานเลี้ยงเชื้อบนอาหาร??PDA และSDA ใช้เวลา 11 วัน และ 8วัน ตามล าดับ แต่เมื่อเลี้ยงเชื้อ ติดต่อกัน 3 รุ่น พบว่าในรุ่นที่ 3 ลักษณะการเจริญของเชื้อราบนอาหารPDA ดีกว่า SDA คือ เชื้อราจะฟูขาว และกระจายเต็มจาน??เลี้ยงเชื้อ ในขณะที่การเจริญบนอาหาร SDA มีลักษณะเส้นใยฟูขาวเฉพาะตรงกลางจาน เลี้ยงเชื้อ ส่วนบริเวณใกล้ขอบจานเลี้ยงเชื้อมีลักษณะขาวแต่ไม่ฟู ลักษณะการเกิดโรคที่เกิดจากเชื้อราบิวเวอ เรีย สายพันธุ์กรมส่งเสริมการเกษตร(กสก-ล1) พบหนอนกระทู้หอมกินอาหารน้อยลง หลังได้รับเชื้อรา 1-2 วัน จากนั้นจะหยุดการเคลื่อนไหว 2-3 วันหลังรับเชื้อโดยบริเวณล าตัวพบจุดสีน้ าตาลเข้มจนถึงด า และตาย ในที่สุดหลังรับเชื้อ 3-4 วัน หลังจากหนอนตาย 1-3 วัน เริ่มพบเส้นใยสีขาวขึ้นบริเวณล าตัว จากนั้น 5-7 วัน เชื้อราจะขึ้นปกคลุมล าตัว และจากการตรวจสอบการเกิดโรคด้วยกล้องจุลทรรศน์พบว่าหนอนกระทู้หอม หลังได้รับเชื้อราบิวเวอเรีย 7 วัน เริ่มมีเส้นใยแทงผ่านออกมาจากภายในล าตัว หลังจากนั้น 3 วันเส้นใยมีการ เจริญปกคลุมบริเวณผิวนอกล าตัว ผลการศึกษาลักษณะการท าลายของเชื้อราบิวเวอเรียในระดับเซลและ เนื้อเยื่อของหนอนกระทู้หอมโดยใช้กล้องอิเล็กตรอนแบบส่องผ่าน พบเชื้อราเข้าไปเจริญและเพิ่มปริมาณใน ชั้นของเนื้อเยื่อ และช่องว่างในล าตัวโดยพบ hyphalbodyและ conidia หลังได้รับเชื้อ 7 วัน กลิ่นของเชื้อราบิว เวอเรีย บาสเซียน่าสายพันธุ์กรมส่งเสริมการเกษตร(กสก-ล1) พบว่ามีกลิ่นเปรี้ยวคล้ายส่าเหล้า ผลการหา ปริมาณ conidiaในถุงข้าวโพดที่ใช้ผลิตเชื้อราบิวเวอเรียที่เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง (33o C) ที่ระยะเวลาการเก็บ 0 ,2, 4, 6, 8, 10, 12, 14 และ16 สัปดาห์ พบปริมาณ conidia12.0, 11.3, 8.4, 6.9, 6.4, 1.6, 0.6, 0.4 และ0.3 x 10 8 conidia/ml.ตามล าดับ มีน้ าหนักเส้นใย 24.9, 25.9, 20.3, 10.1, 8.5, 6.9, 5.9, 5.6 และ4.7 กรัม /ถุง ตามล าดับ และจากการเก็บเชื้อราบิวเวอเรียที่อุณหภูมิตู้เย็น (10o C) มีปริมาณ conidia13.5, 14.8, 12.0, 11.0, 11.9, 10.9, 9.3, 9.0 และ7.3 x 10 8 conidia/ml ตามล าดับ มีน้ าหนักเส้นใย 21.8, 17.7, 9.8, 6.7, 3.7, 1.7, 0.4, 0.1 และ0.1 กรัม/ถุง ตามล าดับ ผลการศึกษาอุณหภูมิและความชื้นที่มีผลต่อประสิทธิภาพของเชื้อราที่ความเข้มข้น 1x107 conidia /ml ในการท าให้เกิดโรคกับหนอนกระทู้หอม (Spodoptera exigua )วัย 3 อายุ 5 วัน พบว่าลักษณะ อาการของหนอนกระทู้หอมหลังการให้เชื้อรา 1-2 วัน คือเบื่ออาหารกินน้อย ไม่เคลื่อนไหวหลังจากได้รับ เชื้อรา 2-3 วัน ล าตัวเกิดจุดสีด าและตายหลังจากได้รับเชื้อรา 3-4 วัน และมีเส้นใยสีขาวขึ้นปกคลุมล าตัว 5-7 วัน ส าหรับผลต่อการตายของหนอนกระทู้หอมหลังจากได้รับเชื้อรา พบว่าในทุกสภาพการทดสอบมีค่าเฉลี่ย ของเปอร์เซ็นต์การตายสูงสุดในวันที่ 4 หลังได้รับเชื้อรา โดยการตายของหนอนโดยเชื้อราบิวเวอเรียที่เก็บ ไว้ในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิเฉลี่ย100 C ในสภาพที่ให้ความชื้น มีค่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์การตายของหนอนสูงสุดเท่ากับ 100 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาคือที่เก็บไว้ที่อุณหภูมิตู้ในเย็น (100 C)ไม่ให้ความชื้น อุณหภูมิตู้ในอบที่มีอุณหภูมิเฉลี่ย 350 Cให้ความชื้นและไม่ให้ความชื้น อุณหภูมิห้องที่มีอุณหภูมิเฉลี่ย 320 Cให้ความชื้นและไม่ให้ความชื้น มี เปอร์เซ็นต์การตายของหนอนเฉลี่ยเท่ากับ 96.7, 96.7, 81.7, 31.7 และ 6.7เปอร์เซ็นต์ตามล าดับ และผลจากการ วิเคราะห์ค่าทางสถิติของสภาพแวดล้อม (อุณหภูมิ ความชื้น) ที่มีผลต่อประสิทธิภาพของเชื้อราบิวเวอเรีย บาส เซียน่าสายพันธุ์กรมส่งเสริมการเกษตร(กสก-ล1) ต่อการควบคุมหนอนกระทู้หอมวัย3ในสภาพที่ไม่ให้ ความชื้น พบว่าแต่ละอุณหภูมิของการทดสอบมีความแตกต่างกันทางสถิติต่อเปอร์เซ็นต์การตายของหนอน ส าหรับในสภาพที่ให้ความชื้น พบว่าที่อุณหภูมิตู้เย็นและตู้อบไม่มีผลแตกต่างกันทางสถิติต่อเปอร์เซ็นต์ตาย ของหนอนแต่มีผลแตกต่างกันทางสถิติกับในอุณหภูมิห้อง ผลการวิเคราะห์ค่าทางสถิติของความชื้นที่มีผลต่อ เปอร์เซ็นต์การตายของหนอนกระทู้หอม พบว่าที่อุณหภูมิ100 C (อุณหภูมิในตู้เย็น) การให้ความชื้นและไม่ให้ ความชื้นไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติที่อุณหภูมิ320 C (อุณหภูมิในห้อง )การให้ความชื้นและไม่ให้ความชื้น มีความแตกต่างอย่างมีนัยส าคัญยิ่ง ที่อุณหภูมิ350 C (อุณหภูมิในตู้อบ ) การให้ความชื้นและไม่ให้ความชื้นมี ความแตกต่างอย่างมีนัยส าคัญ ค่าLC50 ของเชื้อราบิวเวอเรีย บาสเซียน่า สายพันธุ์กรมส่งเสริมการเกษตร (กสก-ล1) ต่อหนอนกระทู้หอมมีค่า 4.4x108 conidia/ mlผลการทดสอบประสิทธิภาพการควบคุม เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ เพลี้ยแป้งสีชมพู หนอนใยผัก หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนกออ้อย และไรแดงโดยให้เชื้อราบิวเวอเรียที่ความเข้มข้น1x 10 7 conidia/ml พบว่าเปอร์เซ็นต์การตายที่เกิดขึ้น ตามล าดับบน เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ เพลี้ยแป้งสีชมพู หนอนกระทู้หอม หนอนกระทู้ผัก หนอนใยผัก หนอน เจาะสมอฝ้าย หนอนกออ้อยและไรแดง เป็น 83.2,67.5,65.0,50.0,32.5,92.5,77.5,35.0 และ 95.0 เปอร์เซ็นต์ ระยะเวลาการตายเป็น 2.5,3,4,4,3,3.5,3.5,7และ 3 วัน ระยะการเกิดเส้นใยหลังการให้เชื้อรา เป็น 3,2,4,2,2,2,3,10 และ 2 วันและจ านวน conidia ที่เกิดขึ้นบนล าตัวเป็น0.3,0.3,0.6,3.2,5.5,1.5,9.3,10.2และ0.1 x105 conidia/ ml ตามล าดับ ผลการศึกษาอาหารเลี้ยงเชื้อที่เหมาะสมต่อการสร้าง conidia ของเชื้อราบิวเวอเรีย บาสเซียน่า สายพันธุ์กรมส่งเสริมการเกษตร(กสก-ล1) พบการสร้าง conidia บน ข้าวโพด ข้าวจ้าวหุงสุก ข้าว ฟ่าง ข้าวเปลือก และร าข้าว เป็น12.3 , 11.6,10.1, 8.9 และ8.3 x108 conidia/gm.ตามล าดับ และผลการ เปรียบเทียบเอกลักษณ์ทางพันธุกรรมระหว่างเชื้อราบิวเวอเรีย บาสเซียน่า สายพันธุ์ กรมส่งเสริมการเกษตร (กสก-ล1)กับเชื้อราบิวเวอเรีย บาสเซียน่า สายพันธุ์ที่แยกจากเพลี้ยไฟและด้วงหมัดผัก พบว่า พบว่าเชื้อราบิว เวอเรีย บาสเซียน่า สายพันธุ์กรมส่งเสริมการเกษตร(กสก-ล1) มีเอกลักษณ์ทางพันธุกรรมส่วนใหญ่ที่ แตกต่างกันแต่ มีค่าความเหมือนกับเชื้อราบิวเวอเรียที่แยกจากเพลี้ยไฟและ ด้วงหมัดผักเป็น 5.07% และ 4.23%
บทคัดย่อ (EN): Trial on an efficacy of Beauveria bassiana DOAE-L1 for Insect Pest Control was carried on at Pest Management Division, Bureau of Agricultural Product Quality Development, Department of Agricultural Extension. Morphology study were found that hypha slender, 2-5 µ in diameter, septate, hyaline:Conidia globose, 1-2 µ in diameter, hyaline. Conidiophore cylinder, flask- like shaped, with basal end 1.7µ wide and 0.5 µ at typical where conidia were produced. Colony on PDA was rather round and flat, white, myceliumnot patch, .growth period on full surface of Petri dish was 11 day. For SDA, colony rather round, cotton patch mycelium and and growth period on full surface of Petri dish was 8 day.For continuously inoculated of Beauveria bassiana on SDA, it was found that mass propagation of Beauveria bassiana should not more than the 3 generation because fungus growth on PDA in third generation has mycelium patch liked cotton and full scattering on all surface of Petri dish , whilegrowth onSDA has mycelium patch liked cotton only at the middle surface of Petri dish For observation of dead larval under compound microscope, mycelium penetrated from inside the body of the dead larval after fungus application 7 days and mycelium multiplied and covered larval surface after that 3 days. From histopathology and cytopathology studies of the Spodoptera exigua third instar larval aged 5 days by transmission electron microscope, the conidia were found at the cuticle of larval after 2 days of fungus application. After 3 days of fungus application, conidia developed into germ tube and penetrated through larval tissues, grew and multiplied the number of hyphal body within larval tissues.The smell of Beauveria bassiana DOAE-L1, like yeast added in alcoholic production. Number of conidia and weight of mycelium from corn seed in plastic bags incubated at average room temperature (33o C ) at the stored period of 0 ,2, 4, 6, 8, 10, 12, 14 and 16 week were 12.0, 11.3, 8.4, 6.9, 6.4, 1.6, 0.6, 0.4 and 0.3 x 10 8 conidia/ml. and 24.9, 25.9, 20.3, 10.1, 8.5, 6.9, 5.9, 5.6 and 4.7 gram/bag respectively and at average temperature of 10o C was 13.5, 14.8, 12.0, 11.0, 11.9, 10.9, 9.3, 9.0 and 7.3 x 10 8 conidia/ml and 24.9, 25.9, 20.3, 10.1, 8.5, 6.9, 5.9, 5.6 and 4.7 gram/bag respectively.Studying the effect of temperature and relative humidity to the efficiency of Beauveria bassiana DOAE-L1 at concentration of 1x107 conidia /ml to control Spodoptera exigua third instar larval aged 5 days were found that , after fungus application 1-2 days, the larval had no appetite and less feeding, paralyze 2-3 days, appearance of black spot on the larval surface occurred 3-4 days. Dead of larval occurred within 3-4 days and was covered with white mycelium after that 5-7 days. Percent larval mortality of all trail condition was highest at 4 days after fungus application, average percentage of larval mortality from larval incubated in refrigerator at the average temperature of 100 C, in hot air oven at the average temperature of 350 C and in room condition at the average temperature 320 C with and without moisture addition were 100,96.7, 96.7, 81.7, 31.7 and6.7 % respectively. From statistical analysis of temperature and relative humidity that affected to an efficiency of Beauveria bassiana DOAE-L1to Spodoptera exigua third instars larval aged 5 days, incubated incondition without moisture addition from each incubatedtemperature had statistical different among percent larval mortality but for larval incubated in condition with moisture addition had no statistical differentbetween larval incubatedin refrigerator and hot air oven but it had statistical different of larval incubated inroom temperature. Statistical analysis of relative humidity affected to percent Spodoptera exigua larval mortality was found that larval incubated in refrigerator at 100 C with or with out moisture addition had no statistical different , at room temperature of room (320 C) had highly statistical differentof percent larval mortality and at temperature 350 C in hot air oven , had no statistical different to percent mortality of Spodoptera exigua larval . LC50 of Beauveria bassiana DOAE-L1 to Spodoptera exigua larvar was 4.4 x 108 conidia/ml.For trial on control efficiency of Beauveria bassiana DOAE-L1 to insects and mite :Aphid ( Aphis sp.) ,Thrips(Scirtothrips dosalis),Mealy bug(Phenacoccus manihoti),Beet armyworm(Spodoptera exigua),Cotton leafworm (Spodoptera litura ),Diamond back moth(Plutella xylostella),Cotton bore worm(Helicoverp armigera ),Sugarcane borer(Chilo tumidicostalis) and red spider mite(Tetranychus truncates ) were found that percent mortality, date of mortality occurred, mycelium appearance period after fungus application and number of conidia on surface of insects and mite were 83.2, 67.5,65.0,50.0,32.5,92.5,57.5,35.0 and 94.9 percent respectively, mortality and mycelium appearance period after fungus application were 2.5,3,4,4,3,3.5,3.5,7 and 3 days and 3,2,4,2,2,2,3,10 and 2 days respectively. And number of conidia occurred on insects and mite surface were 0.3,0.3,0.6,3.2,5.5,1.5,9.3,10.2 and 0.1 x105 conidia/ml respectively. Kind of seeds which suitable for mass propagation of Beauveria bassiana DOAE-L1 was corn seed compared with sorghum seed, rice seed, boiled riceand rice band with the conidia production of 12.3, 10.1, 8.9 ,11.6 และ8.3 x108 conidia/gm. respectively. And for comparison of genetic symbol among Beauveria bassiana DOAE-L1 with another which separated from Thrips and Flea was found that Beauveria bassiana DOAE-L1 has genetic symbol mostly different with the other and has little similarity with Beauveria bassiana separated from Thrips 5.07% and from Flea 4.23%.
ปีเริ่มต้นงานวิจัย: 2551
ปีสิ้นสุดงานวิจัย: 2552
ปีที่ได้รับงบประมาณ (ระบุได้มากกว่า 1 ปี): 2551
เผยแพร่โดย: กรมส่งเสริมการเกษตร
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การศึกษาปัจจัยและทดสอบประสิทธิภาพการควบคุมแมลงศัตรูพืชของเชื้อราบิวเวอร์เรียสายพันธุ์กรมส่งเสริมการเกษตร 1 (กสก 1)
กรมส่งเสริมการเกษตร
2552
เอกสารแนบ 1
ราที่มีศักยภาพในอุตสาหกรรมการย่อยสลายแป้งและวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรจากระบบนิเวศวิทยาป่าอุทยานสัตว์ป่าอุบลราชธานี การประยุกต์ใช้เชื้อรา Beauveria bassiana สายพันธุ์ท้องถิ่นในการควบคุมศัตรูพืชเพื่อการผลิตผักวงศ์กะหล่ำปลอดภัยจากสารพิษ การประยุกต์ใช้เชื้อรา Beauveria bassiana สายพันธุ์ท้องถิ่นในการควบคุมศัตรูพืชเพื่อการผลิตผักวงศ์กะหล่ำปลอดภัยจากสารพิษ (ระยะขยายผล) การศึกษาความเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของกรมส่งเสริมการเกษตร การใช้ประโยชน์จากเชื้อราในการควบคุมโรคพืช การสำรวจ รวบรวมและประเมินประสิทธิภาพเชื้อราในดินในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างต่อการควบคุม ความรุนแรงในการก่อโรคและพันธุกรรมในระดับโมเลกุลของเชื้อรา Beauveria bassiana สายพันธุ์ท้องถิ่นที่เป็นผลมาจากอาหารเทียมและวัสดุเพาะเลี้ยงเพิ่มปริมาณสำหรับใช้ประโยชน์ในการควบคุมแมลงศัตรูพืชอย่างยั่งยืน การจำแนกสายพันธุ์และความต้านทานต่อโรค Streptococcosis ของปลานิล (Oreochromis niloticus Linnaeus) การใช้เชื้อรา Metarhizium anisopliae PSUM04 ควบคุมเพลี้ยอ่อนผัก Lipaphis erysimi (Kalt.) (Homoptera: Aphididae) ในผักคะน้าระบบไฮโดรโปนิกส์ การใช้ราบิวเวอเรียในรูปแกรนูลเพื่อควบคุมแมลงศัตรูพืชในมันสำปะหลัง
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก