สืบค้นงานวิจัย
การจัดการด้านการสืบพันธุ์ในช่วงก่อนวัยหนุ่มสาวในแพะพื้นเมืองไทย
ไชยณรงค์ นาวานุเคราะห์ - มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ชื่อเรื่อง: การจัดการด้านการสืบพันธุ์ในช่วงก่อนวัยหนุ่มสาวในแพะพื้นเมืองไทย
ชื่อเรื่อง (EN): Prepubertal period reproductive management in Thai-native goat.
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ไชยณรงค์ นาวานุเคราะห์
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Chainarong Navanukraw
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
ชุดเอกสาร: การวิจัยเพื่อสังเคราะห์องค์ความรู้ด้านชีววิทยาการสืบพันธุ์ในแพะพื้นเมืองไทย
บทคัดย่อ: งานวิจัยนี้วัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) เพื่อศึกษาวิธีการจัดการการให้อาหารในช่วงก่อนวัยหนุ่มสาวของแพะพื้นเมืองไทย และ 2) เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพฮอร์โมนโปรเจสเทอโรนสังเคราะห์ 2 ชนิดในช่วงก่อนวัยหนุ่มสาวของแพะพื้นเมืองไทย ซึ่งประกอบด้วย 2 การทดลอง ดังนี้ การทดลองที่ 1 ใช้แพะพื้นเมืองเพศเมียหลังหย่านมอายุเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 3 เดือน จำนวน 12 ตัวที่มีน้ำหนักตัวเฉลี่ย 7.5 กิโลกรัม จากนั้นสุ่มแพะเพศเมียที่ได้รับการจัดการด้านอาหารที่แตกต่างกัน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 แพะได้รับอาหารหยาบเป็นหญ้ารูซี่สด โดยให้กินอย่างเต็มที่ (ad 1ibitum) และกลุ่มที่ 2 แพะได้รับอาหารหยาบเป็นหญ้าสด โดยให้กินอย่างเต็มที่ (ad libitum) และเสริมด้วยอาหารข้น 1.5% ของน้ำหนักตัว อาหารนั้นมีระดับโปรตีนประมาณ 14% หรือให้ได้รับประมาณ 110 กรัม/ตัว/วัน การให้อาหารขั้นเสริมจะเสริม 2 เวลาช่วงเช้าและเย็น จากผลการทดลองแสดงให้ปริมาณการกินได้ของอาหารหยาบในแพะทั้งสองกลุ่มไม่มีความแตกต่างกัน (P>0.05) อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาปริมาณการกินได้รวม พบว่าแพะในกลุ่มที่ได้รับอาหารข้นเสริม 1.5% ของน้ำหนักตัวมีปริมาณการกินได้รวมสูงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้เสริม (P<0.05) อัตราการเจริญเติบโตของแพะในกลุ่มที่1 แตกต่างอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (P>0.05) กับแพะในกลุ่มที่ 2 อัตราการเจริญเติบโตของแพะในกลุ่มที่ 1 แตกต่างอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (P>0.05) กับแพะในกลุ่มที่ 2 และแพะทั้ง 2 กลุ่มมีประสิทธิภาพการเปลี่ยนอาหารเป็นน้ำหนักไม่แตกต่างกัน (P>0.05) โดยมีประสิทธิภาพการเปลี่ยนอาหารเป็นน้ำหนัก เท่ากับ 5.20 และ 6.40 ตามลาดับ การทดลองที่ 2 ใช้แพะพื้นเมืองเพศเมียอายุเฉลี่ย 8 เดือน และไม่ตั้งท้อง จากนั้นสุ่มแพะเพศเมียที่ได้รับโปรเจสเทอโรนสังเคราะห์ที่แตกต่างกัน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ทำการสอด fluorgestone acetate (FGA; Chronogest) ขนาด 30 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นโปรเจสเทอโรนสังเคราะห์ ในช่องอวัยวะสืบพันธุ์เพศเมียเป็นเวลา 14 วัน และทำการฉีดฮอร์โมน PGF 2 alpha (Lutalyse) ขนาด 5 มิลลิกรัม และกลุ่มที่ 2 ทำการสอด medroxy progesterone (MAP, Sincrocel) ขนาด 60 มิลลิกรัม ในช่องอวัยวะสืบพันธุ์เพศเมียเช่นเดียวกับกลุ่ม 1 เป็นเวลา 14 วัน และทำการฉีดฮอร์โมน PGF 2 alpha(Lutalyse) ขนาด 5 มิลลิกรัม โดยวันที่ทำการถอน FGA หรือ MAP ออกจากตัวสัตว์กำหนดให้เป็น วันที่ 0 (Day 0) ของวงรอบการเป็นสัด ตรวจสอบการเป็นสัดโดยการใช้แพะเพศผู้ที่ตัดท่อนำน้ำเชื้อออก (vasectomized buck) ภายหลังจากการถอน FGA หรือ MAP นับจำนวน corpora hemorrhagica (CH) ที่เวลา 48 และ 72 ชั่วโมง ภายหลังจากการถอน FGA หรือ Map (วันที่ 0) และนับจํานวน corpora lutea (CL.) ที่เวลา 192 ชั่วโมง โดยวิธี laparotomy และทำการเก็บตัวอย่างเลือดในวันที่ 0 2 3 และ 8 เพื่อนำไปวิเคราะห์หาความเข้มข้นของโปรเจสเทอโรน (P4) จากผลการทดลองพบว่าแพะในกลุ่มที่ได้รับฮอร์โมน FGA แสดงอาการเป็นสัดภายหลังการถอนฮอร์โมนในเวลาที่สั้นกว่า (P-0.01) แพะในกลุ่มที่ได้รับฮอร์โมน MAP (33.5 และ 45.2 ชม. ตามลำดับ) อย่างไรก็ตามระยะเวลาที่แพะแสดงอาการเป็นสัดของทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกันในทางสถิติ อัตราการตกไข่โดยพิจารณาจากจำนน CH ในชั่วโมงที่ 48 และ 72 เทียบกับจำนวน CL .ในชั่วโมงที่ 192 พบว่าแพะในกลุ่มที่ได้รับฮอร์โมน MAP มีแนวโน้มของอัตราการตกไข่ (P=0.07) สูงกว่ากลุ่มที่ได้รับ FGA และมีอัตราการตกไข่สูงกว่า (P-10,01) ในชั่วโมงที่ 48 และ 72 ผลของงานวิจัยฉบับนี้พบว่า อัตราการเจริญเติบโต การกินได้ และอัตราการเปลี่ยนอาหารของแพะในกลุ่มที่ได้รับอาหารหยาบเป็นหน้าสดอย่างเดียวในช่วงก่อนวัยสาวไม่มีความแตกต่างทางสถิติ กับแพะในกลุ่มที่ได้รับอาหารหยาบและเสริมด้วยอาหาร ซึ่งผลการศึกษาถึงอัตราการเจริญเติบโต ปริมาณในการกินอาหารของแพะในช่วงก่อนวัยหนุ่มสาว เป็นข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญในการจัดการการสืบพันธุ์ช่วงก่อนวัยหนุ่มสาวโดยใช้เทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งไม่ซับซ้อนและมีต้นทุนต่ำ เช่น เทคโนโลยีการสืบพันธุ์ขั้นพื้นฐานซึ่งได้แก่ การเหนี่ยวนำแพะมาควบคุมการทำงานของรังไข่ จากผลการทดลองครั้งนี้ให้เห็นว่า การใช้ฮอร์โมน FGA สอดผ่านช่องคลอดร่วมกับ PGA 2 alpha หรือ MAP สอดผ่านช่องคลอดร่วมกัน PGA 2 alpha สามารถใช้เป็นโปรแกรมในการเหนี่ยวนำการพัฒนาการของฟอลลิเคิล และการตกไข่ในแพะเพศเมียพื้นเมืองไทยได้
บทคัดย่อ (EN): The aims of the research were to 1) determine the feeding management regime during the prepubertal period in Thai-native gout, and 2) compare the efficiency of 2 synthetic progesterones for estrus synchronization during the prepubetal period in Thai-native goat. Two experiments were conducted in Thai native goats to meet the objectives of the research as follows. Experiment 1. Twelve post weaning Thai-native female goats (age > 3 months) were randomly from the herd with the average weight of 7.5 Kg. The goats were randomly assigned into two groups with difference in two feeding regimes. Regime I; goats were offered fresh Ruzi grass for ad libitum. Regime II; goats were offered fresh Ruzi grass for ad libitum and were supplemented with 1.5% BW of concentrate (14% CP) or approximately 110 g/d, two times daily feeding. The average of dry matter feed intake of roughage was not significantly different between two regimes (P<0.05), but total feed intake in goats received regime II was greater than that of goats in regime I (P<0.05). The average daily gain (ADG) and feed conversion ratio (FCR) of goats did not differ between two regimes (P>0.05). Experiment 2. Non Thai-native pregnant goats (1-12; 8 months of age) were used in this experiment. The goats were randomly assigned into two group different types of synthetic progesterone as follow: Group I received intravaginally fluorgestone acetate (FGA: Chronogest) 30 mg for 14 days, and intramuscularly injected with PGF 2 alpha (Lutalyse) 5 mg. Group 2: animals received intravaginally (MAP: Sincrocel) for 14 days, and intramuscularly injected with PGF 2 alpha (Llyse) 5 mg. The day of FGA or MAP removal was designated as day 0 (Day 0) of the estrous cycles. Estrus was detected using vasectomized male goats after FGA or MAP removal. Goats underwent laparotomy at 48 and 72 h after FGA or MAP (Day 0) to count corpora hemorrhagica (CH) and at 192 h to count corpora lutea (CL). Blood samples were taken to determine plasma progesterone (P4) concentration on day 0, 2, 3 and 8. after hormone removal, goats received FGA exhibited estrus sooner than (P=0.01) that of goats received MAP (33.5 and 45.2 h, respectively). However, the onset of the estrus was similar in both groups (P>0.05). Although number of CH and CL were not significantly different at 48, 72 and 192 h the ovulation rate of goats received MAP was greater (P<0.05) than goats received FGA at 72 h. In conclusion, results from the research herein described the growth rate, feed intake and feed conversion ratio which were not statistically different in goats fed Ruzi grass alone and goats fed Ruzi grass and supplemented with concentrate during pubertal period. Feeding management regime during of as pubertal period in goats can be used with assisted reproductive technology such as induction and superovulation using intravaginally FGA and PGF 2 alpha or intravaginally MAP and PGF 2 alpha.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: https://tnrr.nriis.go.th/#/services/research-report/detail/252371
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยขอนแก่น
คำสำคัญ: แพะที่ได้รับการผ่าตัดท่อนำเชื้อ
คำสำคัญ (EN): vasectomized buck
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การจัดการด้านการสืบพันธุ์ในช่วงก่อนวัยหนุ่มสาวในแพะพื้นเมืองไทย
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
2556
การวิจัยเพื่อสังเคราะห์องค์ความรู้ด้านชีววิทยาการสืบพันธุ์ในแพะพื้นเมืองไทย ผลของฮอร์โมนโกนาโดโทรปินรีลิสซิ่งครึ่งโดส ในการเหนี่ยวนำการเป็นสัดด้วยวิธี Ovsynch ในโคลูกผสมบราห์มันไทยพื้นเมืองในภาคใต้ของประเทศไทย ผลการเหนี่ยวนำการเป็นสัด 2 วิธี ต่อการตั้งท้องในกระบือปลักไทย ประสิทธิภาพการลดฮอร์โมน PMSG ในการเหนี่ยวนำการเป็นสัดและผสมเทียมด้วยน้ำเชื้อแช่แข็งในแพะ ประสิทธิภาพการลดฮอร์โมน PMSG ในการเหนี่ยวนำการเป็นสัดและผสมเทียมด้วยน้ำเชื้อแช่แข็งในแพะ ผลของการเหนี่ยวนำการเป็นสัดด้วยฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนแบบฝังใบหูต่ออัตราการตั้งท้องในแพะลูกผสม วิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีการจัดการสืบพันธุ์กระบือและโคพื้นเมืองไทยแบบบูรณาการเพื่อการอนุรักษ์และขยายพันธุ์อย่างยั่งยืน และการสร้างเครือข่ายเกษตรกรรายย่อยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผลของการจำกัดแสงในช่วงระยะเจริญเติบโตที่มีต่อสมรรถภาพทางการสืบพันธุ์ของห่านพันธุ์จีน ผลของใช้เปลือกตาลหมักเพื่อเป็นแหล่งอาหารหยาบทดแทนในช่วงฤดูแล้งต่อสมรรถนะการเจริญเติบโตและการย่อยได้ของแพะ การประยุกต์ใช้การเจริญเติบโตทดแทนในการเพิ่มประสิทธิภาพทางการสืบพันธุ์ในแพะพื้นเมืองไทยของเกษตรกรรายย่อยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก