สืบค้นงานวิจัย
การเปรียบเทียบองค์ประกอบของสารชีวโมเลกุลในเนื้อกระบือที่ได้จากแหล่งเลี้ยงต่างกันโดยใช้เทคโนโลยีเมตาโบโลมิกส์
ดร.จีรศักดิ์ เพิ่มฉลาด - สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
ชื่อเรื่อง: การเปรียบเทียบองค์ประกอบของสารชีวโมเลกุลในเนื้อกระบือที่ได้จากแหล่งเลี้ยงต่างกันโดยใช้เทคโนโลยีเมตาโบโลมิกส์
ชื่อเรื่อง (EN): A comparative study of biomolecular profile of fresh buffalo meat from different sources using metabolomics technology
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ดร.จีรศักดิ์ เพิ่มฉลาด
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณภาพเนื้อและการใช้เทคโนโลยีเมตาโบโลมิกส์ควบคู่ กับการวิเคราะห์ทางสถิติหลายตัวแปรเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างทางภูมิศาสตร์ในตัวอย่างเนื้อ กระบือที่ได้จากแหล่งผลิตต่างกัน โดยเก็บตัวอย่างเนื้อสันนอกกระบือเพศผู้และเพศเมียจำนวน 120 ตัวอย่าง จาก 6 พื้นที่เป้าหมาย ได้แก่ จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดนครพนม (อ.นาแก) จังหวัดนครพนม (อ.บ้านแพง) จังหวัดสกลนคร จังหวัดอำนาจเจริญ และจังหวัดแพร่ มาวัดคุณภาพเนื้อ ได้แก่ ปริมาณ น้ำอิสระ (Aw) ความเป็นกรด-ด่าง สี ความสามารถอุ้มน้ำของเนื้อ ค่าแรงตัดผ่าน เนื้อสัมผัส และกลิ่น และวัดองค์ประประกอบของสารชีวโมเลกุลโดยใช้ 1H NMR และ UHPLC-ESI-QTOF-MS/MS จาก การศึกษาไม่พบอิทธิพลร่วมระหว่างพื้นที่และเพศต่อคุณภาพเนื้อ (P>0.05) เนื้อกระบือจังหวัด นครพนม 1 (อ.นาแก) มีค่าปริมาณน้ำอิสระสูง ที่สุด (P<0.05) เนื้อกระบือจากจังหวัดอำนาจเจริญมี ค่าความสว่าง (lightness, L*) สูงที่สุด แต่มีค่าความเป็นสีแดง (redness, a*) เปอร์เซ็นต์สูญเสียน้ำ ระหว่างการเก็บรักษา (drip loss) ค่าเปอร์เซ็นต์สูญเสียน้ำระหว่างการปรุง (cooking loss) ต่ำที่สุด (P<0.05) ด้านองค์ประกอบทางเคมีพบว่าเนื้อกระบือจากจังหวัดแพร่มีเปอร์เซ็นต์ความชื้นต่ำที่สุด และมีเปอร์เซ็นต์โปรตีนสูงที่สุด (P<0.05) เนื้อกระบือจากจังหวัดอำนาจเจริญมีเปอร์เซ็นต์ไขมันสูง ที่สุด ส่วนเปอร์เซ็นต์คอลลาเจนพบว่าเนื้อกระบือจากจังหวัดสกลนครและแพร่มีค่าต่ำกว่ากลุ่มอื่นๆ (P<0.05) เนื้อกระบือจากจังหวัดแพร่มีค่าแรงตัดผ่านเนื้อสูงสุดและค่าความเหนียวสูงกว่าพื้นที่อื่นๆ (P<0.05) ลักษณะทางเครื่องมือสัมผัสของเนื้อกระบือพบว่ามีค่าส่วนใหญ่ไม่แตกต่างกัน ยกเว้นค่า ความคืนตัว การตอบสนองต่อกลิ่นของเนื้อกระบือพบว่าเนื้อกระบือจากจังหวัดนครพนม 1 (อ.นาแก) มี ค่ าต อ บ ส น อ งต่ อ sensor 1 (combustible gases) แ ล ะ sensor 8 (ammonia, low concentration) ต่ำที่สุด (P<0.05) แต่มีการตอบสนองต่อ sensor 4 (methyl mercaptan and trimethyl amine) และค่ากลิ่นรวมสูงกว่าทุกกลุ่ม (P<0.05) เนื้อกระบือจากจังหวัดนครพนม 2 (อ. บ้านแพง) มีค่า sensor 2 และเนื้อกระบือจากจังหวัดนครพนม 2 (อ.บ้านแพง) และจังหวัดแพร่มีค่า sensor 3 (organic solvent vapor) ต่ำที่สุด (P<0.05) ส่วนเนื้อจังหวัดสกลนครมีค่า sensor 5 (Iso-butane, ammonia, ethanol) ต่ำที่สุด (P<0.05) ด้านลักษณะทางประสาทสัมผัสพบว่าพบว่า ความชอบด้านกลิ่นและรส ความเหนียวนุ่ม ความชุ่มฉ่ำและความชอบโดยรวมของเนื้อกระบือจาก พื้นที่จังหวัดนครพนม (อ.บ้านแพง) และแพร่มีค่าสูงที่สุด (P<0.05) ด้านองค์ประประกอบของสารชีวโมเลกุลพบว่า ผลการวิเคราะห์ด้วย NMR พบสารชีว โมเลกุลหลักจำนวน 28 ชนิด สารส่วนใหญ่พบมากในเนื้อจากนครพนม (อ.นาแก) และพบน้อยที่สุด ในเนื้อจากอำนาจเจริญ โดยสารชีวโมเลกุลจำนวน 14 ตัว สามารถแยกความแตกต่างของเนื้อจาก อำนาจเจริญและอ.บ้านแพง สารชีวโมเลกุลจำนวน 10 ตัว แบ่งเนื้อจากอำนาจเจริญออกจากมุกดาหาร สารชีวโมเลกุลจำนวน 11 ตัว แยกความแตกต่างของเนื้อจากอำนาจเจริญและนครพนม (อ.นาแก) สารชีวโมเลกุลจำนวน 9 ตัว แยกความแตกต่างของเนื้อจากอำนาจเจริญและแพร่ สารชีว โมเลกุลจำนวน 12 ตัว แยกความแตกต่างของเนื้อจากอำนาจเจริญและสกลนคร สารชีวโมเลกุล จำนวน 8 ตัว แยกความแตกต่างของเนื้อจากนครพนม (อ.บ้านแพง) และแพร่ สารชีวโมเลกุลจำนวน 14 ตัว แยกความแตกต่างของเนื้อจากนครพนม (อ.นาแก) และแพร่ และสารชีวโมเลกุลจำนวน 7 ตัว ใช้แยกความแตกต่างของเนื้อจากแพร่และสกลนคร ผลการวิเคราะห์ด้วย UHPLC-ESI-QTOFMS/MS พบสารใน ESI- พบสาระสำคัญ 11 ตัว เป็นสารที่มีนัยสำคัญทางสถิติ 3 ตัว ได้แก่ creatinine, inosine และ xanthine พบสารใน ESI+ 20 ตัว เป็นสารที่มีนัยสำคัญทางสถิติ 7 ตัว ได้ แ ก่ carnosine, 4-pyrimidine methanamine (hydrochloride), anserine, glycerophosphocholine, creatine, acetylcarnitine และ hypoxanthine วิธีการวิเคราะห์ด้วย NMR และ UHPLC-ESI-QTOF-MS/MS ร่วมการวิเคราะห์เคโมเมตริกซ์เป็นเทคนิคใหม่ที่ใช้ในการวิเคราะห์ ตัวอย่างเนื้อกระบือซึ่งยังไม่เคยมีการรายงานมาก่อน ข้อมูลจากผลการวิจัยนี้ในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึง ศักยภาพของเทคนิคนี้ในการใช้หาองค์ประกอบของสารชีวโมเลกุลในตัวอย่างเนื้อสัตว์ที่สามารถใช้ เป็นสารบ่งชี้ทางชีวภาพ วิธีการนี้สามารถประยุกต์ใช้ในงานปศุสัตว์ที่หลากหลาย มีประโยชน์ และ สามารถพัฒนาความก้าวหน้าให้กับวงการปศุสัตว์ได
บทคัดย่อ (EN): This research aims to examine meat quality and the use of metabolomics technology coupled with multivariate statistical analysis to compare geographic origins among buffalo beef from different production areas. A total of 120 longissimus dorsi muscles of males and females from 6 target areas of Mukdahan (MD), Nakhon Phanom 1 (Na Kae, NP), Nakhon Phanom 2 (Ban Phaeng, BP), Sakon Nakhon (SK), Amnat Charoen (AN), and Phrae (PR) provinces were collected and measured for meat quality such as water activity, pH, surface color, water holding capacity, shear force, texture profiles, and odor. The biomolecular profiles were evaluated by 1HNMR and UHPLC-ESI-QTOF-MS/MS techniques. The result did not show any difference between location and sex on meat quality (P>0.05). Buffalo meat from NP had the highest free water content (Aw, P<0.05). The lightness (L*) of the buffalo meat from AN was the greatest, whereas the redness (a*), drip loss, and cooking loss were the lowest (P<0.05). For proximate composition, PR buffalo meat had the lowest moisture content and the highest protein content (P<0.05). The most fat was in AN buffalo meat. The proportion of collagen in SK and PR was found to be lower than in other groups (P<0.05). PR Buffalo meat had the highest shear force and toughness (P<0.05). The texture profiles of the buffalo meat were homogeneous, except for its resilience value. For sensing response, NP buffalo meat had the weakest odor on sensors 1 (combustible gases) and 8 (ammonia, low concentration) (P<0.05). Nonetheless, the sensitivity to sensor 4 (methyl mercaptan and trimethyl amine) and overall odor were greater than other groups (P<0.05). NP buffalo meat found the lowest sensor 2 odor. Additionally, BP and PR meat had the lowest sensor 3 (organic solvent vapor), whiles SK had the lowest sensor 5 (isobutane, ammonia, ethanol) (P<0.05). Sensory analysis showed that PR and BP had the best flavor, tenderness, juiciness, and overall appearance (P<0.05). The biomolecular profiles revealed that 28 main metabolites were detected using NMR. Most of them were found in NP meat and the fewest were found in AN meat. The AN and BP meat were distinguished by fourteen different biomolecules, the AN and MD beef by ten different biomolecules, the AN and NP beef by eleven different biomolecules, the AN and SK beef by twelve different biomolecules, the BP and PR beef by eight different biomolecules, the NP and PR beef by fourteen different biomolecules, and the AN and SK beef by seven different biomolecules. The UHPLC-ESI-QTOF-MS/MS study revealed eleven biomolecular profiles in ESI-, three of which had statistical significance: creatinine, inosine, and xanthine. Twenty biomolecules were matched in ESI+. Carnosine, 4-pyrimidine methanamine (hydrochloride), anserine, glycerophosphocholine, creatine, acetylcarnitine, and hypoxanthine were the seven significant compounds. In summary, NMR and UHPLCESI-QTOF-MS/MS analysis methods with chemometric analysis are the novel approach used to examine samples of buffalo meat not previously described. The results of this study show that this novel method could be used to figure out the biomolecule profiles of meat that act as possible biomarkers. We suggest that this strategy is applicable to a wide range of livestock applications, is advantageous, and can advance the livestock industry.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
คำสำคัญ: เทคโนโลยีเมตาโบโลมิกส์
เจ้าของลิขสิทธิ์: โครงการจัดตั้งวิทยาเขตอำนาจเจริญ มหาวิทยาลัยมหิดล
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การเปรียบเทียบองค์ประกอบของสารชีวโมเลกุลในเนื้อกระบือที่ได้จากแหล่งเลี้ยงต่างกันโดยใช้เทคโนโลยีเมตาโบโลมิกส์
สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
2564
การพัฒนาตํารับยาห้ารากชนิดสกัดเพื่อรักษาโรคลัมปีสกินในโค-กระบือ การออกแบบลักษณะเนื้อสัมผัสผลิตภัณฑ์อาหารจากข้าวไทยโดยใช้โครงสร้างโมเลกุลขององค์ประกอบทางเคมีในข้าว การทดลองเลี้ยงปลานิลโดยใช้หญ้าเนเปียร์ของเกษตรกร อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย การค้นหาตำรับยาแผนไทยที่มีศักยภาพในการบรรเทาอาการโรคโควิด-19 ผ่านการวิเคราะห์ตามทฤษฎีทางการแพทย์แผนไทย การเปรียบเทียบเทียบความเหมือนของสารออกฤทธิ์ที่เคยศึกษามาก่อน การใช้คอมพิวเตอร์โมเดลและการศึกษาฤทธ การสร้างไบโอฟิล์มของเชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรคในปลานิลและการค้นหาและทดสอบสารต้านหรือยับยั้งการสร้างไบโอฟิล์มของเชื้อดังกล่าวจากสารสกัดธรรมชาติเพื่อนามาทดแทนการใช้ยาปฏิชีวนะ การสร้างไบโอฟิล์มของเชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรคในปลานิลและการค้นหาและทดสอบสารต้านหรือยับยั้งการสร้างไบโอฟิล์มของเชื้อดังกล่าวจากสารสกัดธรรมชาติเพื่อนามาทดแทนการใช้ยาปฏิชีวนะ ปีที่ 2 ฤทธิ์ทางชีวภาพของไขอ่อนและไขแข็งจากรําข้าวในเซลล์เพาะเลี้ยงเพื่อประยุกต์ใช้ในเครื่องสําอาง โครงการสร้างประชากรพ่อแม่พันธุ์กุ้งขาวปลอดโรคและโตดีเพื่อการเพาะเลี้ยงในประเทศไทยและการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน การใช้เศษเหลือจากการผลิตลำไยเพื่อผลิตเป็นอาหารเสริมทดแทนการขาดแคลนอาหารในธรรมชาติสำหรับเลี้ยงผึ้งพันธุ์ (Apis mellifera L.) การใช้ประโยชน์จากสารสกัดสมุนไพรคนที่เขมาในทางสัตวแพทย์: ทางเลือกในการรักษามะเร็งในสุนัขและป้องกันการเกิดท้องเสียจากการติดเชื้อแบคทีเรียในสุกรหลังหย่านม
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก