สืบค้นงานวิจัย
การวิเคราะห์คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุชาวล้านนา จังหวัดเชียงใหม่
มธุรส สว่างบำรุง - มหาวิทยาลัยแม่โจ้
ชื่อเรื่อง: การวิเคราะห์คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุชาวล้านนา จังหวัดเชียงใหม่
ชื่อเรื่อง (EN): Analysis of quality of life of Lanna Aging People in Chiang Mai
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: มธุรส สว่างบำรุง
คำสำคัญ:
  1. คุณภาพชีวิต
  2. ผู้สูงอายุ
  3. ชาวล้านนา
บทคัดย่อ: การวิเคราะห์คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุชาวล้านนาจังหวัดเชียงใหม่ครั้งนี้ เป็นการศึกษาเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาข้อมูลโดยทั่วไป วิเคราะห์ผลจากการได้รับสวัสดิการทางสังคมและการดำเนินงานจากหน่วยงานภาครัฐ ปัจจัยทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรมประเพณี การเกื้อหนุนจากครอบครัว พฤติกรรมสุขภาพ ศึกษาปัญหาอุปสรรค และความคาดหวังของผู้สูงอายุ กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย กลุ่มประธานชมรมผู้สูงอายุ และผู้นำชุมชน หรือ ผู้นำท้องถิ่น จำนวน 106 คน และ กลุ่มผู้สูงอายุโดยทั่วไปที่เป็นสมาชิกชมรมผู้สูงอายุ จำนวน 408 คน รวมทั้งสิ้น จำนวน 514 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา และ การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ผลการศึกษาข้อมูลโดยทั่วไป พบว่า กลุ่มผู้สูงอายุส่วนใหญ่เป็น เพศหญิง คิดเป็น ร้อยละ 57.2 มีอายุระหว่าง 60 -70 ปี คิดเป็นร้อยละ 55.1 สำเร็จการศึกษาระดับสูงสุดชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 คิดเป็นร้อยละ 81.1 พักอาศัยอยู่กับสมาชิกในครอบครัว คิดเป็นร้อยละ 71.0 รายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต คิดเป็นร้อยละ 59.5 ประเมินสุขภาพของตนเองอยู่ในระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 62.3 มีความพึงพอใจต่อนโยบายสวัสดิการด้านสุขภาพของรัฐ ระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 47.5 มีการตรวจสุขภาพทุกปี คิดเป็นร้อยละ 64.0 ใช้สวัสดิการของรัฐ คิดเป็นร้อยละ 76.5 มีความพึงพอใจในวัฒนธรรมชุมชนและสิ่งแวดล้อมทางสังคม คิดเป็นร้อยละ 54.3 มีความสุขต่อคุณภาพชีวิตในปัจจุบัน อยู่ในระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 67.9 อุปสรรค ที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต คือ รายได้น้อย คิดเป็นร้อยละ 77.8 ข้อดีของสวัสดิการสังคม ที่ได้รับประโยชน์ คือ การมีสุขภาพจิต สุขภาพกายดีขึ้น คิดเป็นร้อยละ 86.6 มีความต้องการให้เพิ่มเบี้ยยังชีพ คิดเป็นร้อยละ 90.6 โดยมีจำนวนเงินขั้นต่ำ 1,000 - 1,500 บาทต่อเดือน คิดเป็นร้อยละ 96.8 และมีความคิดเห็นต่อระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุล้านนาอยู่ในระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 76.9 ผลการวิเคราะห์จากการจัดสวัสดิการทางสังคมและการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ พบว่า ผู้สูงอายุได้รับการยกระดับคุณภาพชีวิตให้เกิดการรวมกลุ่มทางสังคมของผู้สูงอายุในทุกระดับ เกิดการสร้างเครือข่ายทางสังคมกับหน่วยงานภาครัฐ องค์กรต่างๆ ส่งผลให้ผู้สูงอายุ มีบทบาทใหม่ทางสังคม มีการพัฒนาตนเอง และแสดงศักยภาพทางสังคมของผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ส่วนโยบายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละหน่วยงานในชุมชนมีผลทำให้ผู้สูงอายุล้านนามีคุณภาพชีวิตแตกต่างกัน หากได้รับการส่งเสริมจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นอกจากนั้น ผู้สูงอายุมีความมั่นคงในชีวิตเพิ่มขึ้นจากหลักประกันในเรื่องรายได้เบี้ยยังชีพ รวมถึงมีสุขภาพจิตและสุขภาพกายที่ดีจากการได้รับสวัสดิการด้านหลักประกันสุขภาพ คุณภาพชีวิตด้านปัจจัยทางเศรษฐกิจ พบว่า ผู้สูงอายุส่วน ใหญ่มีรายได้ระดับพอประคับประคองให้อยู่รอดได้ ต้องอาศัยจากสมาชิกครอบครัว และสวัสดิการเบี้ยยังชีพ มีรายจ่ายหลักเพื่อการทำบุญ และจ่ายค่าสมาชิกฌาปนกิจสงเคราะห์ ไร้ภาระการผ่อนชำระหนี้ มีการบริโภคอาหารตามวิถีพื้นบ้านในอัตราส่วนที่น้อยลง ส่งผลให้ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านอาหาร คุณภาพชีวิตด้านวัฒนธรรมประเพณี พบว่า ผู้สูงอายุได้แสดงบทบาทเป็นผู้นำทางด้านวัฒนธรรมประเพณีในชุมชนและเป็นต้นแบบในการอนุรักษ์มรดกทางสังคมให้สืบทอดต่อไป วัฒนธรรมประเพณีทำให้เกิดการรวมกลุ่มทางสังคมของผู้สูงอายุอย่างไม่เป็นทางการ และได้สร้างความภาคภูมิใจและมีสุขภาพจิตที่ดี คุณภาพชีวิตด้านความเกื้อหนุนจากครอบครัว พบว่า วัฒนธรรมครอบครัวล้านนามีค่านิยม ที่ดีในการแสดงความกตัญญูแก่บิดามารดา ส่งผลให้ผู้สูงอายุมีความอบอุ่นมั่นคงในชีวิต ส่วนใหญ่ครอบครัวมีส่วนเกื้อหนุนด้านต่างๆในระดับปานกลาง แต่ระบบเครือญาติ เครือข่ายเพื่อนบ้านในชุมชนให้การเกื้อหนุนทางสังคมทดแทนระบบครอบครัวเมื่อผู้สูงอายุต้องอยู่ห่างไกลจากครอบครัว หรือ พักอาศัยตามลำพัง ส่วนคุณภาพชีวิตด้านพฤติกรรมสุขภาพ พบว่า ผู้สูงอายุมีความรัก เอาใจใส่สุขภาพตนเองเพิ่มมากขึ้น ต้องการไปพบแพทย์บ่อยครั้ง ถึงแม้ว่าจะปรากฏอาการเจ็บป่วยเพียงเล็กๆน้อยๆ และไปพบตามนัดอย่างสม่ำเสมอ มีการปรับตัวพัฒนาความรู้ทางด้านสุขภาพสูงขึ้นสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมสมัยใหม่สามารถประยุกต์ความรู้เพื่อใช้ประโยชน์ต่อการดูแลสุขภาพตนเองในชีวิตประจำวันได้ดี และการออกกำลังกาย ถือเป็นศูนย์รวมแห่งการสร้างสังคมสุขภาพของกลุ่มผู้สูงอายุ ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า ปัจจัยทางเศรษฐกิจเป็นปัญหาสำคัญที่กระทบต่อคุณภาพชีวิต และการดำเนินงานของหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสร้างความไม่เสมอภาคด้านคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตาม ในด้านอื่นๆ พบว่า มีคุณภาพชีวิตอยู่ในระดับดี ปัญหาอุปสรรคที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุล้านนา ได้แก่ ปัญหาหมอกควันในเขตภาคเหนือ ความเชื่อและวิถีการปฏิบัติในการเผาขยะของผู้สูงอายุเอง ปัญหามลภาวะสิ่งแวดล้อมในระบบนิเวศชุมชน ปัญหายาเสพติดในชุมชน ปัญหาความขัดแย้งระดับท้องถิ่นของกลุ่มผู้สูงอายุและความขัดแย้งภายในชุมชน ปัญหาแรงงานต่างด้าวในชุมชน และปัญหา สวัสดิภาพและความปลอดภัยในการสัญจรบนถนน ส่วนความคาดหวังของผู้สูงอายุ คือ ต้องการให้รัฐบาลเพิ่มจำนวนเงินเบี้ย ยังชีพขั้นต่ำอย่างน้อย จำนวน 1,000 บาทต่อเดือน และต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนเงินงบประมาณการลงทุนเพื่อส่งเสริมรายได้ในการประกอบผลิตภัณฑ์อาชีพของกลุ่มชมรมผู้สูงอายุ พร้อมทั้งจัดหาตลาดส่งออกสินค้าผลิตภัณฑ์อาชีพอย่างเป็นทางการในระดับจังหวัด หรือ ระดับประเทศ
บทคัดย่อ (EN): This analytic study on the quality of life of Lanna elderly people in Chiang Mai province is both qualitative and quantitative. It aims to investigate general information of elderly people as well as to analyse qualities of social welfare and the government sectors working procedure ,as well as elderly people’s economic conditions, culture and tradition, family support, and heath behaviour. The study also focuses on elderly people’s problems and obstructions and their expectations. The sample group was 514 people, 106 of whom were chairpersons of elderly people’s clubs, community chiefs, and local administrative heads, and 408 members of elderly people’s clubs. The data were analysed with the use of descriptive statistics and content analysis. The study revealed that 57.2 % of the elderly people studied were female, 55.1 % were aged between 60 and 70 years old, 81.1 % were Grade-4 educated, 71.0 % were living with family members. Fifty nine point five percent had insufficient income, 62.3 % had average health self-estimation, 47.5 % had average satisfaction for the government sector’s health welfare policies, 64.0 % had an annual health check-up, 76.5 % used a health insurance card issued by the government, 54.3 % were satisfied with cultural and social environments in their communities, 67.9 % were averagely happy with the existing quality of life. Obstruction affecting the quality of life of the elderly people was low income, which was calculated as 77.8 %. The benefit of social welfare received was improved physical and mental health, which was calculated as 86.6 %. Ninety point six percent of the elderly people wanted to have pension increased at least 1,000-1,500 Baht a month. Seventy six point nine percent of the sample group saw the quality of life of Lanna elderly people at an average level. The findings of the analysis on social welfare service and on the working procedure of the government sectors revealed that overall quality of life of the elderly people of all levels of social groups was elevated. Social networking amongst the elderly people themselves and with organisations in the government sector was established, resulting in the elderly people’s new social role, self-development, and significant establishment of their improved social status. Besides, policies of local administrative organisations in different communities regulated different results of the well being of Lanna elderly people, to whom if supports were appropriately given, a better quality of life would be guaranteed. Furthermore, the elderly people were more secure in their life through pension assurance and their physical and mental health improved through health insurance. On economic condition, it revealed that the majority of the elderly people had a surviving rate of income with supports from their family members and government pension. Their principal expenses were for merit making and funeral fund. They did not have debt. Food consumption in a traditional habit amongst the elderly people reduced and resulted in an economical expense in food. On account of cultural and traditional life quality, it was founded that the elderly people played a leading role in the cultural life of the community and could become a role model for social heritage conservation. Cultural activities led to informal social gathering and networking amongst the elderly people and resulted in their improved self-esteem and mental health. In the aspect of family support, it revealed that Lanna family culture has provided a good social value in that the senior members in the family are always given high respect and good treatment. This value promoted security and warmth in life amongst the elderly people. However, family was found to have average contribution to improved condition of the elderly people. The kinship systems and neighbours were found to be the substitutes of family support for those elderly people who lived away from their family or on their own. In the aspect of health behaviour, the elderly people were found to be more conscious of their health. They frequently visited a doctor, however small a symptom, and never missed an appointment. They showed increased knowledge of health care relevant to the changing situation of modern society and could apply the knowledge for taking care of themselves in daily life. Exercising was central for the elderly people to keep fit and maintain their healthiness. It, therefore, concluded that the economic condition was the main problem that had effects on the quality of life of the elderly people and the working of the local administrative organisations created inequality in the quality of life of the elderly, though their quality of life in other aspects were in a good level. The problems and obstructions found to have affected Lanna elderly people’s quality of life were smog pollution in the northern region during the dry season, their habitual practice of burning rubbish in the open air, other environmental pollutions affecting the community ecosystem, addicted drugs in the community, conflicts between the elderly people’s different social groups and other community conflicts, foreign migrant workers in the community, and unsafe transportation and use of roads. The elderly people’s expectations were to have support from the government sector on a minimum pension raise of 1,000 Baht a month as well as on investment budget for career development and extra income, including providing the market for their products in the provincial or national level.
แผนยุทธศาสตร์งานวิจัย – ระดับกระทรวง: คณะศิลปศาสตร์
เลขทะเบียนวิจัยกรม: มจ.1-51-008
ชื่อแหล่งทุน: งบประมาณแผ่นดินมหาวิทยาลัยแม่โจ้
ปีเริ่มต้นงานวิจัย: 2551
ปีสิ้นสุดงานวิจัย: 2551
เอกสารแนบ: http://researchex.rae.mju.ac.th/research60/library/ab/MJU1-51-008.pdf
ลิขสิทธิ์: แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย (CC BY-NC-ND 3.0 TH)
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยแม่โจ้
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

มธุรส สว่างบำรุง. "การวิเคราะห์คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุชาวล้านนา จังหวัดเชียงใหม่Analysis of quality of life of Lanna Aging People in Chiang Mai". มหาวิทยาลัยแม่โจ้. 2551

มธุรส สว่างบำรุง. "การวิเคราะห์คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุชาวล้านนา จังหวัดเชียงใหม่Analysis of quality of life of Lanna Aging People in Chiang Mai". มหาวิทยาลัยแม่โจ้. 2551. Print.



TARR Wordcloud:
การวิเคราะห์คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุชาวล้านนา จังหวัดเชียงใหม่
มธุรส สว่างบำรุง
มหาวิทยาลัยแม่โจ้
2551
เอกสารแนบ 1
รูปแบบแรงสนับสนุนทางสังคมต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในเขตชายแดนไทย-พม่า: กรณีศึกษาหมู่บ้านเลตองคุ ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก การสำรวจสภาวะและปัจจัยของการใส่ฟันปลอมรวมถึงผลกระทบต่อการใส่ฟันปลอมต่อรอยโรคในช่องปาก สภาวะโภชนาการและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในจังหวัดพิษณุโลก การศึกษาคุณภาพชีวิตและปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อคุณภาพชีวิตของเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่ภาคใต้ ผักสดอ่อนนุ่มสำหรับผู้สูงอายุ ศึกษาแนวโน้มความต้องการการบริโภคเนื้อคุณภาพสูงและเนื้อคุณภาพปานกลางภายในจังหวัดเชียงใหม่ ระบบบันทึกและประเมินการเดินแบบสามมิติในผู้สูงอายุ การเกื้อหนุนของครอบครัวต่อการป้องกันการหกล้มของผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว รูปแบบการจัดการความรู้ในการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ตามลำพังในเขตภาคเหนือตอนล่าง คุณภาพชีวิตการทำงานของผู้ปฏิบัติงานด้านการเงินและบัญชีของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ระบบการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุในชุมชนเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร

แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย (CC BY-NC-ND 3.0 TH)
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair