สืบค้นงานวิจัย
การเพิ่มผลิตภาพของดินปลูกผักชีฝรั่งดัวยปุ๋ยหมักจากวัสดุอินทรีย์เหลือทิ้งเพื่อเข้าสู่ระบบเกษตรอินทรีย์
สุลักษณ์ แจ่มจำรัส - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: การเพิ่มผลิตภาพของดินปลูกผักชีฝรั่งดัวยปุ๋ยหมักจากวัสดุอินทรีย์เหลือทิ้งเพื่อเข้าสู่ระบบเกษตรอินทรีย์
ชื่อเรื่อง (EN): Productivity Enhancement of Eryngium foetidum Linn Crops Soil with Organic Wastes Compost for Transition to Organic Farm System
บทคัดย่อ: การทดลองใช้ปุ๋ยหมักจากวัสดุอินทรีย์เหลือทิ้งในแปลงปลูกผักชีฝรั่งของเกษตรกร ต.แหลนหาย อ.คลองโยง จ.นครปฐม เพื่อเพิ่มผลิตภาพของดินสำหรับการเปลี่ยนเข้าสู่ระบบเกษตรอินทรีย์ โดยวางแผนการทดลองแบบสุ่มตลอด 4 ตำรับทดลอง คือ T0 ใช้ปุ๋ยเคมี 100%, T1 ใช้ปุ๋ยเคมี 60% ร่วมกับปุ๋ยหมัก 40%, T2 ใช้ปุ๋ยเคมี 40% ร่วมกับปุ๋ยหมัก 60% และ T3 ใช้ปุ๋ยหมัก 100% ตำรับละ 3 ซ้ำ 2 ฤดูปลูก คือ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2551 – กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 และ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 – มกราคม พ.ศ. 2553 เก็บตัวอย่างดินก่อนปลูกและหลังเก็บเกี่ยวผักชีฝรั่ง วิเคราะห์สมบัติทางเคมี คือ ความเป็นกรด-ด่าง การนำไฟฟ้าของสารละลายดิน ปริมาณอินทรียวัตถุ ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ ปริมาณโพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ ปริมาณเหล็ก แมงกานีส ทองแดง และสังกะสีที่สกัดได้ สมบัติทางกายภาพ ได้แก่ เนื้อดิน ความหนาแน่นของดิน และเม็ดดินด้วยวิธีวิเคราะห์ของ AOAC และตรวจนับปริมาณจุลินทรีย์ดินทั้งหมด เก็บข้อมูลผลผลิตผักชีฝรั่งและเปรียบเทียบผลผลิตแต่ละตำรับทดลองด้วย Duncun’s New Multiple Range Test (DMRT) พบว่า ดินไม่มีความสม่ำเสมอ เนื้อดินเป็นดินเหนียวปนทรายแป้ง ดินค่อนข้างแน่น มีความหนาแน่น 1.55 – 1.78 g/cm3 มีความอุดมสมบูรณ์สูง แต่ปริมาณอินทรียวัตถุปานกลางถึงต่ำ ดินเค็มเล็กน้อย และมีความเป็นกรดปานกลางถึงกรดจัด หลังการเก็บเกี่ยวผักชีฝรั่งฤดูที่ 2 พบว่า ผลของปุ๋ยหมักต่อการเปลี่ยนแปลงสมบัติทางกายภาพและทางเคมีของดินไม่ปรากฏชัดเจน ทุกตำรับทดลองมีแนวโน้มไปทางเดียวกัน โดยความหนาแน่นของดินและร้อยละของเม็ดดินขนาดตั้งแต่ 2 มิลลิเมตรเพิ่มขึ้น แต่มีแนวโน้มว่าอินทรียวัตถุเพิ่ม ความหนาแน่นของดินลดลง ขณะที่ร้อยละขนาดเม็ดดินตั้งแต่ 2 มม. เพิ่มขึ้นตามปริมาณอินทรียวัตถุที่เพิ่มขึ้น ระดับความอุดมสมบูรณ์ยังคงสูง แต่ดินไม่เค็ม และความเป็นกรดลดลง การใช้ปุ๋ยหมัก 100% ทำให้ปริมาณจุลินทรีย์ทั้งหมดในดินเพิ่มขึ้น 28.45% การใช้ปุ๋ยหมักร่วมกับปุ๋ยเคมีให้ประสิทธิภาพสูงกว่าแยกใช้ปุ๋ยทั้งสอง การใช้ปุ๋ยหมัก 40% ร่วมกับปุ๋ยเคมี 60% ในฤดูปลูกที่ 1 ให้ผลผลิตสูงสุด 15.96 กก./8 ตร.ม. โดยจ่ายค่าปุ๋ยเพิ่ม 13.51% แต่ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 52.74% ของการใช้ปุ๋ยเคมี 100% ซึ่งให้ผลผลิตต่ำสุด การใช้ปุ๋ยหมัก 60% ร่วมกับปุ๋ยเคมี 40% ในฤดูปลูกที่ 2 ให้ผลผลิตสูงสุด 15.67 กก./8 ตร.ม. โดยมีค่าปุ๋ยเพิ่มขึ้น 18.92% แต่ให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 38.73% ของการใช้ปุ๋ยเคมี 100%
บทคัดย่อ (EN): This research work was performed on Eryngium foetidum Linn. field at Klongyong district Nakorpathom province in order to increase the productivity of the soil by using compost derived from the composting of organic waste for switching to organic farm system. Complete Randomize Design experiment was set up with 4 treatments: T0 = 100 % chemical fertilizer, T1 = 60% chemical fertilizer + 40% compost, T2 = 40% chemical fertilizer + 60% compost and T3 = 100% compost, 3 replications for each treatment. This experiment was designed on 2 seasons: May 2008 – February 2009 and February 2009 – January 2010. Soil was sampled before planting and after yield harvest. The chemical properties of soil: pH, ECe, organic matter (OM), available P, exchangeable K, Ca, Mg, extractable Fe, Mn, Cu, Zn and physical properties : texture, bulk density, soil aggregate were analyzed by AOAC method. Total plate count of soil micro-organism was observed. Plant yield data was collected and compared with Duncun’s New Multiple Range Test (DMRT). The result showed that soil was heterogeneity. Soil texture was silty clay. The density of soil was 1.55 – 1.78 g/cm3. The fertility of soil was high but soil was slightly saline and moderately acid to strong acid. After second crop harvest, the effect of compost on physical and chemical properties of soil didn’t clearly demonstrate. The result of all treatments showed the same tendency. The bulk density of soil and soil aggregate size ? 2 mm. of all treatment increased. It was likely that the increasing of soil organic matter content decreased soil bulk density and promoted soil aggregate size ? 2 mm. The fertility of soil was still high but soil was not saline and pH of soil increased. The compost trended to decreased acidity of soil acid and increased total soil microorganisms 28.45%. The combined application of compost together with chemical fertilizer was more efficient than separate allocation of compost or chemical fertilizer. The combined application of compost 40% together with chemical fertilizer 60% (T1) in first crop gave highest yield: 15.96 kg/8m2. Although the fertilizer’s cost of T1 was 13.51% higher than the application of 100% chemical fertilizer (T0) but the income was also 52.74% higher than T0 which gave lowest yield. The combined application of compost 60% together with chemical fertilizer 40% (T2) of second crop gave highest yield : 15.67 kg/8m2. with 18.92% fertilizer’s cost and 38.73% income higher than T0,
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คำสำคัญ: ผักชีฝรั่ง
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การเพิ่มผลิตภาพของดินปลูกผักชีฝรั่งดัวยปุ๋ยหมักจากวัสดุอินทรีย์เหลือทิ้งเพื่อเข้าสู่ระบบเกษตรอินทรีย์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
30 กันยายน 2552
การใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพเพื่อเพิ่มผลิตภาพของดินและผลผลิตข้าวโพดฝักอ่อนในระบบเกษตรอินทริย์ การเพิ่มผลผลิตอ้อยยอดและจำนวนอ้อยตอในดินโคราชโดยวัสดุอินทรีย์เหลือทิ้งทางการเกษตร การผลิตปุ๋ยหมักชีวภาพจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรด้วยจุลินทรีย์จากกอไผ่ เทคนิคการเพิ่มอัตราการย่อยสลายทางชีวภาพของสารพิษตกค้างในดินเพื่อลดระยะเวลาการ ปรับเปลี่ยนสู่ระบบเกษตรอินทรีย์โดยการใช้ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินและน้ำหมักมูลไส้เดือนดิน การจัดการดินเพื่อเพิ่มผลิตภาพของดินที่ยั่งยืนด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในระบบการปลูกพืชเศรษฐกิจ ผลการทดลองใช้จุลินทรีย์ป้องกันโรครากและโคนเน่า(สารเร่ง พด.3)ของผักชีฝรั่ง ในระบบเกษตรอินทรีย์ กลุ่มชุดดินที่ 4 จังหวัดนครสวรรค์ การผลิตปุ๋ยหมักจากวัสดุเหลือทิ้งจากมันสำปะหลังของชุมชนบ่อใหญ่ อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม ผลของการใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพต่อการผลิตข้าวโพดฝักอ่อนอินทรีย์ในดินชุด กำแพงแสน การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมในการผลิตปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินจากมูลวัวและขยะอินทรีย์ของเกษตรกรเพื่อเพิ่มมูลค่า ในตำบลหนองตาด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ศักยภาพของปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินท้องถิ่นไทยที่ผลิตจากขยะอินทรีย์ต่อระบบการเกษตรและสิ่งแวดล้อม
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก