สืบค้นงานวิจัย
การพัฒนาเครือข่ายการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในจังหวัดเชียงใหม่
วินิตรา ลีละพัฒนา - มหาวิทยาลัยแม่โจ้
ชื่อเรื่อง: การพัฒนาเครือข่ายการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในจังหวัดเชียงใหม่
ชื่อเรื่อง (EN): Agrotourism Networking Development in Chiang Mai, Thailand
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: วินิตรา ลีละพัฒนา
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: จุดมุ่งหมายของการวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจบทบาทความร่วมมือของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งภาครัฐ เอกชน ชุมชนและภาคประชาชนด้านการพัฒนาเครือข่ายการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในจังหวัดเชียงใหม่ ตลอดจนเพื่อศึกษาระดับการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเครือข่ายการจัดการท่องเที่ยวเชิงเกษตร และเพื่อประเมินประสิทธิภาพเครือข่ายความร่วมมือในการจัดการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในจังหวัดเชียงใหม่ โดยการบรรยายถึงการเชื่อมโยงเครือข่ายความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตสินค้าเกษตร รวมทั้งเกษตรกร หน่วยงานภาครัฐและวิสาหกิจ และผู้ประกอบการธุรกิจภาคเอกชนในพื้นที่ที่มีการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ทั้งนี้ได้ศึกษาข้อมูลจากผู้นำชุมชน ผู้จัดการ เจ้าของธุรกิจ และสมาชิกที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร จำนวนทั้งสิ้น 155 คน ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ข้อมูลได้รวบรวมในช่วงเดือนตุลาคม 2558 – กันยายน 2559 ทั้งนี้ได้รวบรวมข้อมูลจากหลากหลายวิธีการ เช่น 1) การสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง 2) การอภิปรายกลุ่ม 3)การสังเกตจากคณะผู้วิจัย 4) การเปิดเวทีชาวบ้าน และ 5) การใช้แบบสอบถาม และนำข้อมูลมาวิเคราะห์โดยใช้สถิติแบบบรรยาย ผลการศึกษาทำให้ทราบว่า การท่องเที่ยวเชิงเกษตรนั้น เป็นการเชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรมหรือธุรกิจ 2 ประเภทเข้าด้วยกัน คือ อุตสาหกรรมที่มีการเกษตรเป็นพื้นฐาน รวมทั้งอุตสาหกรรมการบริการ และยังได้ผนวกเอาความรู้รวมทั้งประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจากการไปเยี่ยมชมหรือสัมผัสกิจกรรมต่าง ๆ ในฟาร์มของผู้ประกอบการด้านการเกษตรนั้น ๆ หรือตามตลาดการเกษตร เทศกาลการเกษตรต่าง ๆ ทั้งในระดับชุมชนท้องถิ่นหรือประเทศชาติในช่วงวันหยุดของเทศกาลเหล่านั้น อาจรวมไปถึงการเที่ยวชมสวนต่าง ๆ ทั้งของภาครัฐและเอกชน การจัดการท่องเที่ยวเชิงเกษตรเป็นเสมือนสะพานเชื่อมระหว่างประชาชนที่มีชีวิตอยู่ในเมืองและชนบท ซึ่งเป็นโอกาสให้ครอบครัวของเกษตรกรได้มีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ให้เป็นรายได้ที่หลากหลายยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ด้วยการช่วยให้มีกิจกรรมใหม่ ๆ หรือปผลผลิตทางการเกษตรใหม่ ๆ จำหน่ายและเพิ่มมูลค่าทางสินค้าได้มากยิ่งขึ้น และในบางกรณีก็ยังช่วยให้คนวัยรุ่นหนุ่มสาวได้มีความหวังในการประกอบอาชีพในชุมชนของตนเอง และไม่ต้องออกไปแสวงหาอาชีพในเมืองหรือที่ห่างไกลอีกต่อไป ตลอดจนยังเป็นปัจจัยที่ช่วยทำให้เศรษฐกิจของชุมชนชนบทได้มีการกระจายเพิ่มมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญในการที่จะก่อให้เกิดความสำเร็จและยั่งยืนของการจัดการการท่องเที่ยวเชิงเกษตรนั้น ขาดไม่ได้ซึ่งเครือข่ายความร่วมมือของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ให้มาเป็นพันธมิตรที่เกื้อกูลและเกื้อหนุนกันอย่างเหมาะสม ดังนั้น จะเห็นได้ว่ากระบวนการดำเนินงานของเครือข่ายการท่องเที่ยวเชิงเกษตรของกลุ่มต่าง ๆ ที่เข้าร่วมกันนั้น จะมาด้วยความมุ่งหวังที่ท้าทายในการพัฒนาดังตัวอย่างคือ 1) การนำเอาผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรในแต่ละประเภท และระดับที่แตกต่างกันในการพัฒนาการลงทุน และจุดมุ่งหมายมาหาข้อตกลงร่วมกันในการพัฒนาที่มีเป้าหมายเดียวกัน กำหนดวัตถุประสงค์และโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในภาพรวมของกลุ่ม 2) กระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน โดยเฉพาะทางการตลาดและความก้าวหน้าของธุรกิจ และที่สำคัญก็คือผู้ประกอบการธุรกิจเพียงแห่งเดียวหรือประเภทใดประเภทหนึ่งจะอยู่ไม่ได้ถ้าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนไม่เข้ามาร่วมกัน ทั้งนี้ เนื่องจากความต้องการซื้อในกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรนั้นเป็นลูกค้าหรือตลาดเฉพาะที่ต้องมีความเข้าใจกันอย่างแท้จริง เพราะการท่องเที่ยวเชิงเกษตรเป็นเพียงแต่แนวคิดและในเชิงปฏิบัติจริง ๆ อาจก่อให้เกิดผลกระทบทางลบได้เช่นกัน ถ้าไม่ร่วมกันวางแผนให้ดีนั่นเอง 3) ผลการดำเนินงานทางด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยทั่วไปของผู้ประกอบการในพื้นที่ยังไม่ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวของตนเท่าที่ควรจะเป็น และ 4) ถ้าไม่มีการรวมกลุ่มหรือการสร้างและพัฒนาเครือข่ายการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในพื้นที่ หรือแม้แต่ขาดกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งในการเข้าร่วมเครือข่ายไป ก็อาจทำให้ธุรกิจไม่ยั่งยืนได้ ดังนั้นทุกฝ่ายจะต้องมาร่วมกันปรับเปลี่ยนหรือยืดหยุ่นความต้องการของตนและขององค์กรร่วมกัน ซึ่งเป็นสิ่งท้าทายที่จะให้ทุกภาคส่วนมาเปิดใจพูดคุยและมีข้อตกลงร่วมกันของเครือข่ายอย่างจริงจังนั่นเอง
บทคัดย่อ (EN): The main purpose of this research paper are aims to explore the cooperative role of stakeholders in the public, private, community and public sectors in the development of agricultural tourism networks in Chiang Mai. As well as to study the level of participation in the development of an agro-tourism management network and to evaluate the efficiency of cooperation networks in agro-tourism management in Chiang Mai Province also to describe how developing linkages among agriculture producers as government sector, private sector and famers who were needed there to become tourism destination. The 155 respondents of this research as all leaders, managers, owners, and members of agro-tourism activities in Chiang Mai Province. Data collection during October 2015 - September 2016 was analyzed by descriptive statistics using the following methods; 1) structured interview, 2) group discussion, 3) observation by researcher 4) group forum and 5) questionnaire. Agro-tourism is a marriage between two major industries. It is a collection of Agricultural-based attractions, events and services that include experiences like farm visits and tours, farmer’s market, agriculture festivals and fairs, country vacation farms, guest ranches and market gardens. Agro-tourism can help to bridge the gap between urban and rural populations. It is also one opportunity for farm families to diversify revenues sources for their operation. It provides new market opportunities and adds value to what they are already producing. In some cases the addition of an agro-tourism venture has been known to assist in succession planning, encouraging the younger generation to say or the farm and add enough revenue to support more than one generation. Variable farms contribute to variable rural economics. An agro-tourism cluster was defined as a group of like-minded stakeholders and operators who come together to increase the profile for their operations and geographic area along an agro-tourism theme. A flexible process such as the agro-tourism cluster development initiative does not come without its challenges. For example: 1) bringing together different players who are at different level of development and commitment, and who have different needs, can present a strangle when trying to find common ground. Even when common goals and objectives are set, groups can sometime lose size of these as projects develop and evolve, 2) learning tends to happen or an incremental level and marketing continues to be a learning progression. Marketing strategizing and tracking have presented a significant uphill learning curve, not only for operators, but also for stakeholders as the specific market demands for agro-tourism are still in the process of being realized and understood. In fact, the concept of agro-tourism can still carry a somewhat negative stigma among some conventional or traditional players in both the tourism and agriculture industries, as any emerging sector often does, 3) the result of an industry still in its infancy stages is that there are operators who do not even realize they have something to offer in agro-tourism and thereby don’t consider themselves a part of the industry and 4) with the exception of one cluster group, most have opted to maintain a fairly loose business structure. Although the flexibility can be beneficial for changing players and needs, it can also present a challenge when issues arise or the need for a formal body is required to apply for funding or speak to the group needs.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://researchex.rae.mju.ac.th/research60/library/ab/MJU1-59-050.2.pdf
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยแม่โจ้
คำสำคัญ: การพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือ
คำสำคัญ (EN): Networking/ Cluster Development
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยแม่โจ้
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การพัฒนาเครือข่ายการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในจังหวัดเชียงใหม่
มหาวิทยาลัยแม่โจ้
2559
โครงการย่อยที่ 2 การพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับ Virtual Tourism Academy เพื่อการพัฒนาทุนมนุษย์ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการในประเทศไทย การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตรบนฐานทรัพยากรและภูมิปัญญาท้องถิ่นของเทศบาลแม่หล่ายอย่างมีส่วนร่วม โครงการพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวเชิงเกษตร โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ในภาคตะวันออก : ระยอง จันทบุรี ตราด และสระแก้ว วิจัยและพัฒนาศักยภาพทรัพยากรท่องเที่ยว เพื่อรองรับการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ในชุมชนมลาบรี อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ การวิเคราะห์ห่วงโซ่มูลค่าของธุรกิจกล้วยไม้ตัดดอกในจังหวัดเชียงใหม่ ข้อจำกัดของการมีตลาดรองรับผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์อย่างเพียงพอในจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน แนวทางการพัฒนาศักยภาพและเครือข่ายการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในจังหวัดเชียงใหม่ การพัฒนาและยกระดับต้นแบบมาตรฐานการวิจัยในมนุษย์เครือข่ายภูมิภาค การพัฒนาความเข้มแข็งของธุรกิจสปาและนวดแผนไทยโดยชุมชนในจังหวัดเชียงใหม่ การพัฒนามาตรฐานฟาร์มสาหร่ายสไปรูลิน่าสำหรับกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรในเขตภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก