สืบค้นงานวิจัย
ประเมินสภาวะทรัพยากรปลาหน้าดินในน่านน้ำไทย
อำนวย คงพรหม - กรมประมง
ชื่อเรื่อง: ประเมินสภาวะทรัพยากรปลาหน้าดินในน่านน้ำไทย
ชื่อเรื่อง (EN): Stock Assessment of Demersal Fishes in Thai Waters
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: อำนวย คงพรหม
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): amnuay kongprom
คำสำคัญ:
บทคัดย่อ: น่านน้ำไทยทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามันครอบคลุมพื้นที่ 476,000 ตารางกิโลเมตร เป็นแหล่งประมงที่สำคัญมีผลจับสัตว์น้ำสูงถึง 2.83 ล้านตัน แต่จากการพัฒนาการประมงทะเลของประเทศไทยที่ผ่านมา โดยเฉพาะการประมงอวนลากที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจับสัตว์น้ำ ทำให้ผลจับสัตว์น้ำหน้าดินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนทำให้สภาวะทรัพยากรสัตว์น้ำหน้าดินอยู่ในสภาพที่เสื่อมโทรม ทั้งนี้เนื่องจากมีการนำทรัพยากรสัตว์น้ำหน้าดินขึ้นมาใช้ประโยชน์มากเกินศักย์การผลิต โดยเฉพาะอ่าวไทยพบว่ามีการใช้ประโยชน์ทรัพยากรสัตว์น้ำหน้าดินตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516 สภาวะดังกล่าวทำให้ชาวประมงจับสัตว์น้ำได้น้อยลง กอรปกับในปัจจุบันต้นทุนในการทำการประมงสูงขึ้นเนื่องจากน้ำมันและอุปกรณ์การทำการประมงราคาแพง ทำให้ชาวประมงประสบกับปัญหาการขาดทุน ต้องหยุดทำการประมง ส่งผลให้อุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเลขาดวัตถุดิบ ต้องนำเข้าจากต่างประเทศทำให้ต้นทุนในการผลิตสูงไม่สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งฟื้นฟูทรัพยากรปลาหน้าดินอย่างเร่งด่วน การควบคุมการทำการประมงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้เกิดการใช้ประโยชน์สัตว์น้ำอย่างยั่งยืน การดำเนินงานแผนงานวิจัยการประเมินสภาวะทรัพยากรปลาหน้าดินทำให้ทราบศักย์การผลิตสูงสุดและระดับการลงแรงที่เหมาะสม รวมถึงชีววิทยาของปลาหน้าดิน สามารถนำไปกำหนดนโยบายในการบริหารจัดการทรัพยากรปลาหน้าดินได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม เกิดการใช้ประโยชน์สูงสุดและยั่งยืน ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีแผนงานวิจัยการประเมินสภาวะทรัพยากรปลาหน้าดินในน่านน้ำไทย ซึ่งได้ดำเนินการระหว่างปีงบประมาณ 2550-2551 โดยเก็บข้อมูลตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนธันวาคม 2550 จากเครื่องมืออวนลากแผ่นตะเฆ่ขนาดเล็ก อวนลากแผ่นตะเฆ่ขนาดกลาง และอวนลากคู่ ซึ่งภายใต้ชุดโครงการฯ มีโครงการย่อย 13 เรื่อง ดังนี้ การประเมินสภาวะทรัพยากรปลาทรายแดงชนิด Nemipterus hexodon และ N. peronii ในอ่าวไทย พบว่าปลาทรายแดง ชนิด N. hexodon มีสมการการเติบโตของ von Bertalanffy เท่ากับ Lt = 30.65 [1-e-1.59(t+0.00)] ส่วน N. peronii มีสมการการเติบโตของ von Bertalanffy เท่ากับ Lt = 28.95 [1-e-1.46(t+0.00)] สำหรับพารามิเตอร์การตายพบว่าปลาทรายแดงชนิด N. hexodon มีค่าสัมประสิทธิ์การตายรวม (Z) เท่ากับ 4.237 ต่อปี ค่าสัมประสิทธิ์การตายโดยธรรมชาติ (M) เท่ากับ 2.46 ต่อปี และค่าสัมประสิทธิ์การตายเนื่องจากการทำประมง (F) มีค่าเท่ากับ 1.776 ต่อปี ส่วนปลาทรายแดงชนิด N. peronii มีค่าสัมประสิทธิ์การตายรวม เท่ากับ 3.162 ต่อปี ค่าสัมประสิทธิ์การตายโดยธรรมชาติ เท่ากับ 2.36 ต่อปี และค่าสัมประสิทธิ์การตายเนื่องจากการทำประมง เท่ากับ 0.802 ต่อปี การประเมินสภาวะทรัพยากรปลาทรายแดงชนิด Nemipterus delagoae (Valenciennes, 1830) ทางฝั่งทะเลอันดามันของไทย พบว่าปลาทรายแดงชนิด Nemipterus delagoae มีสมการการเติบโตของ von Bertalanffy เท่ากับ Lt = 37.20[1-e-1.20(t+0.00)] ค่าสัมประสิทธิ์การตายรวม (Z) เท่ากับ 4.58 ต่อปี ค่าสัมประสิทธิ์การตายโดยธรรมชาติ (M) เท่ากับ 1.94 ต่อปี และค่าสัมประสิทธิ์การตายเนื่องจากการทำประมง (F) เท่ากับ 2.64 ต่อปี ขนาดความยาวแรกที่เข้ามาทดแทนในแหล่งประมงมีขนาดความยาวตลอดตัว 3.0 - 4.0 เซนติเมตร จำนวน 111.61 ล้านตัว มีผลผลิตสูงสุดที่ยั่งยืน (MSY) เท่ากับ 1,571 เมตริกตัน ณ ระดับการลงแรงประมงสัมพัทธ์ (F-factor) เท่ากับ 0.40 และมูลค่าสูงสุดที่ยั่งยืน (MEY) 34.42 ล้านบาท ณ ระดับการลงแรงประมงสัมพัทธ์ (F-factor) เท่ากับ 0.30 แสดงให้เห็นว่ามีการลงแรงประมงเกินกำลังผลิตของปลาทรายแดงชนิดนี้แล้ว 2 การประเมินสภาวะทรัพยากรปลาตาหวานจุด (Priacanthus tayenus Richardson, 1846) ในอ่าวไทย พบว่าปลาตาหวานจุด มีสมการการเติบโตของ von Bertalanffy เท่ากับ Lt = 30.00[1-e-1.20(t-0.00)] ค่าสัมประสิทธิ์การตายรวม (Z) เท่ากับ 6.15 ต่อปี ค่าสัมประสิทธิ์การตายโดยธรรมชาติ (M) เท่ากับ 2.06 ต่อปี และค่าสัมประสิทธิ์การตายเนื่องจากการทำประมง (F) เท่ากับ 4.09 ต่อปี ปลาตาหวานจุดมีความยาวแรกที่เริ่มเข้าสู่ข่ายการประมงมีความยาว 2.50 เซนติเมตร มีจำนวน 1,563 ล้านตัว มีระดับผลผลิตสูงสุดที่ยั่งยืน (MSY) และมูลค่าสูงสุดที่ยั่งยืน (MEY) เท่ากับ 18,393 ตัน และ 231.83 ล้านบาท ตามลำดับ ระดับการลงแรงประมงที่เหมาะสม เท่ากับร้อยละ 60 และ 50 ของการลงแรงประมงใน พ.ศ. 2550 การประเมินสภาวะทรัพยากรปลาตาหวานจุด (Priacanthus tayenus Richardson, 1846) ทางฝั่งทะเลอันดามันของไทย พบว่ามีสมการการเติบโตของ von Bertalanffy เท่ากับ Lt = 30.80[1-e-1.00(t+0.00)] ค่าสัมประสิทธิ์การตายรวม (Z) เท่ากับ 7.42 ต่อปี ค่าสัมประสิทธิ์การตายโดยธรรมชาติ (M) เท่ากับ 1.81 ต่อปี และค่าสัมประสิทธิ์การตายเนื่องจากการทำประมง (F) เท่ากับ 5.61 ต่อปี มีผลผลิตสูงสุดที่ยั่งยืน (MSY) เท่ากับ 2,909 เมตริกตัน ณ ระดับการลงแรงประมงสัมพัทธ์ (F-factor) เท่ากับ 0.40 และมูลค่าสูงสุดที่ยั่งยืน (MEY) เท่ากับ 34.209 ล้านบาท ณ ระดับการลงแรงประมงสัมพัทธ์ (F-factor) เท่ากับ 0.30 ประเมินสภาวะทรัพยากรปลาปากคมชนิด Saurida elongata (Temminck & Schlegel, 1846) และ S. undosquamis (Richardson, 1848) ในอ่าวไทย พบว่าปลาปากคมชนิด Saurida elongata มีสมการการเติบโตเท่ากับ Lt = 43.25[1-e-1.70(t-0.00)] ค่าสัมประสิทธิ์การตายรวม (Z) เท่ากับ 8.91 ต่อปี ค่าสัมประสิทธิ์การตายโดยธรรมชาติ (M) เท่ากับ 2.27 ต่อปี และค่าสัมประสิทธิ์การตายเนื่องจากการทำประมง (F) เท่ากับ 6.64 ต่อปี ส่วนปลาปากคมชนิด S. undosquamis มีสมการการเติบโต เท่ากับ Lt = 39.75 [1-e-1.76(t-0.00)] ค่าสัมประสิทธิ์การตายรวม (Z) เท่ากับ 10.97 ต่อปี ค่าสัมประสิทธิ์การตายโดยธรรมชาติ (M) เท่ากับ 2.27 ต่อปี และค่าสัมประสิทธิ์การตายเนื่องจากการทำประมง (F) เท่ากับ 8.70 ต่อปี ระดับผลผลิตสูงสุดที่ยั่งยืน (MSY) และมูลค่าสูงสุดที่ยั่งยืน (MEY) ของปลาปากคมทั้งสองชนิดเท่ากับ 25,949 ตัน และ 398.90 ล้านบาท ตามลำดับ ระดับการลงแรงประมงที่เหมาะสมของปลาทั้งสองชนิดเท่ากับ ร้อยละ 20 ของการลงแรงประมงใน พ.ศ. 2550 การประเมินสภาวะทรัพยากรปลาปากคมชนิด Saurida undosquamis (Richardson, 1848) และ S. elongata (Temminck & Schlegel, 1846) ทางฝั่งทะเลอันดามัน พบว่า ปลาปากคมชนิด S. undosquamis มีสมการการเติบโต คือ Lt = 44.50[1-e-1.06(t+0.0410)] ค่าสัมประสิทธิ์การตายรวม (Z) เท่ากับ 9.29 ต่อปี ค่าสัมประสิทธิ์การตายโดยธรรมชาติ (M) เท่ากับ 1.70 ต่อปี และค่าสัมประสิทธิ์การตายเนื่องจากการทำประมง (F) เท่ากับ 7.59 ต่อปี ส่วนปลาปากคมชนิด S. elongata มีสมการการเจริญเติบโต คือ Lt = 47.85[1-e-0.76(t+0.0000)] ค่าสัมประสิทธิ์การตายรวม ค่าสัมประสิทธิ์การตายโดยธรรมชาติ และค่าสัมประสิทธิ์การตายเนื่องจากการทำประมง เท่ากับ 4.64 1.34 และ 3.30 ต่อปี ตามลำดับ ผลผลิตสูงสุดที่ยั่งยืน (MSY) และมูลค่าสูงสุดที่ยั่งยืน (MEY) ของปลาปากคมทั้งสองชนิดเท่ากับ 1,477.97 ตัน และ 20.61 ล้านบาท ที่ระดับการลงแรงประมงสัมพัทธ์ (F-factor) เท่ากับ 0.35 และ 0.30 ตามลำดับ การปรับลดการลงแรงประมงของเรือประมงอวนลากทุกประเภทลงร้อยละ 70 จะทำให้ได้ผลผลิตและมูลค่าเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับผลผลิตและมูลค่าสูงสุดที่ยั่งยืน การประเมินสภาวะทรัพยากรปลาแป้นกระดาน (Photopectoralis bindus (Valenciennes, 1835)) ในอ่าวไทย พบว่าสมการการเติบโตตาม von Bertalanffy คือ Lt = 9.50[1-e-1.47(t-0.00)] ค่าสัมประสิทธิ์การตายรวม (Z) เท่ากับ 7.382 ต่อปี ค่าสัมประสิทธิ์การตายโดยธรรมชาติ (M) 3.242 ต่อปี และค่าสัมประสิทธิ์การตายโดยการประมง (F) 4.140 ต่อปี มีระดับผลผลิตสูงสุดที่ยั่งยืน (MSY) และมูลค่าสูงสุดที่ยั่งยืน (MEY) เท่ากับ 3 13,411.28 ตัน และ 53.64 ล้านบาท ที่ระดับการลงแรงประมงสัมพัทธ์ (F-factor) เท่ากับ 1.20 ซึ่งสามารถเพิ่มการลงแรงประมงเพื่อจับปลาแป้นกระดานได้อีก ร้อยละ 20 แต่การคงไว้ให้อยู่ในระดับเดิมจะมีความเหมาะสมมากกว่า ประเมินสภาวะทรัพยากรปลาแพะเหลือง Upeneus sulphureus (Cuvier, 1829) ทางฝั่งทะเลอันดามัน พบว่ามีสมการการเจริญเติบโตของ von Bertalanffy คือ Lt = 21.50[1-e-1.01(t+0.0175)] ค่าสัมประสิทธิ์การตายรวม (Z) เท่ากับ 7.90 ต่อปี ค่าสัมประสิทธิ์การตายโดยธรรมชาติ (M) เท่ากับ 2.01 ต่อปี และค่าสัมประสิทธิ์การตายเนื่องจากการทำประมง (F) เท่ากับ 5.89 ต่อปี มีผลผลิตสูงสุดที่ยั่งยืน (MSY) เท่ากับ 536,010.61 กิโลกรัม ณ ระดับการลงแรงประมงสัมพัทธ์ (F-factor) เท่ากับ 0.5 และมูลค่าสูงสุดที่ยั่งยืน (MEY) เท่ากับ 6 ล้านบาท ณ ระดับการลงแรงประมงสัมพัทธ์ เท่ากับ 0.4 ซึ่งปัจจุบันปริมาณการลงแรงประมงมีมากเกินกำลังผลิตของปลาแพะเหลืองแล้ว ชีววิทยาการสืบพันธุ์ของปลาปากคมชนิด Saurida elongata (Temminck & Schlegel, 1846) ในอ่าวไทย พบว่าปลาปากคมชนิดนี้มีความยาวเหยียดระหว่าง 11.00 - 46.00 (25.8±4.94) เซนติเมตร มีน้ำหนักตัวอยู่ระหว่าง 9.00 - 740.00 (143.24±93.30) กรัม มีความสัมพันธ์ระหว่างความยาวเหยียดกับน้ำหนักตัว ในรูปสมการ W = 0.0041TL3.176 ปลาเพศผู้ มีความยาวเหยียดระหว่าง 12.20 - 39.30 (24.56±3.85) เซนติเมตร มีน้ำหนักตัวอยู่ระหว่าง 11.00 - 380.00 (116.95±55.89) กรัม มีความสัมพันธ์ระหว่างความยาวเหยียดกับน้ำหนักตัว ในรูปสมการ W = 0.0045TL3.149 และปลาเพศเมีย มีความยาวเหยียดระหว่าง 11.00 - 46.00 (26.73±5.40) เซนติเมตร มีน้ำหนักตัวอยู่ระหว่าง 9.00 - 740.00 (161.11±108.08) กรัม มีความสัมพันธ์ระหว่างความยาวเหยียดกับน้ำหนักตัว ในรูปสมการ W = 0.0038TL3.196 มีการเติบโตแบบ allometric อัตราส่วนระหว่างเพศผู้ต่อเพศเมีย เท่ากับ 1:1.46 ขนาดความยาวเแรกเริ่มสืบพันธุ์โดยเฉลี่ยของปลาเพศผู้ และเพศเมีย เท่ากับ 25.15 และ 31.62 เซนติเมตร ตามลำดับ สามารถวางไข่ได้ตลอดปี มีช่วงวางไข่มากอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน ถึงเมษายน ความดกไข่ 34,348 - 169,674 (82,691.02+34,197.82) ฟอง ที่ความยาวเหยียด 23.50 - 43.50 เซนติเมตร มีสมการความสัมพันธ์ระหว่างความดกไข่กับความยาวเหยียด ในรูปสมการ F = 3.4379TL2.8417 ชีววิทยาการสืบพันธุ์ของปลาปากคมหางจุด Saurida undosquamis (Richardson, 1848) ในอ่าวไทย พบว่าปลาปากคมหางจุด มีความยาวเหยียดระหว่าง 6.20 - 34.50 (20.91±4.42) เซนติเมตร มีน้ำหนักอยู่ระหว่าง 1.37 - 310.00 (72.83±44.52) กรัม มีความสัมพันธ์ระหว่างความยาวเหยียดกับน้ำหนักตัว ในรูปสมการ W = 0.0032TL3.246 ปลาปากคมหางจุดเพศผู้ มีความยาวเหยียดระหว่าง 8.00 - 34.40 (21.49±2.97) เซนติเมตร มีน้ำหนักอยู่ระหว่าง 5.33 - 204.00 (74.89±31.86) กรัม มีความสัมพันธ์ระหว่างความยาวเหยียดกับน้ำหนักตัว ในรูปสมการ W = 0.0044TL3.155 และเพศเมียมีความยาวเหยียดระหว่าง 11.50 - 34.50 (22.81±3.74) เซนติเมตร มีน้ำหนักตัวอยู่ระหว่าง 8.90 - 310.00 (91.71±44.90) กรัม มีความสัมพันธ์ระหว่างความยาวเหยียดกับน้ำหนักตัว ในรูปสมการ W = 0.0041TL3.172 อัตราส่วนระหว่างเพศผู้ต่อเพศเมีย เท่ากับ 1:1.65 แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญ (P<0.05) ขนาดความยาวแรกเริ่มสืบพันธุ์โดยเฉลี่ยของปลาเพศผู้ และเพศเมีย เท่ากับ 20.48 และ 28.26 เซนติเมตร ตามลาดับ สามารถวางไข่ได้ตลอดปี มีช่วงวางไข่มากอยู่ระหว่างเดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ ความดกไข่ระหว่าง 78,890 - 183,726 (111,815±28,756) ฟอง ความยาวเหยียด 23.50 - 32.50 เซนติเมตร มีสมการความสัมพันธ์ระหว่างความดกไข่กับความยาวเหยียด ในรูปสมการ F = 7.3616TL2.8673 ชีววิทยาการสืบพันธุ์ของปลาตาหวานจุด (Priacanthus tayenus Richardson, 1846) ในอ่าวไทย พบว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างความยาวตลอดตัวกับน้ำหนักตัว แบบรวมเพศ อยู่ในรูปสมการ W=0.0430TL2.6156 มีความยาวเหยียดอยู่ในช่วง 9.00 - 28.50 เซนติเมตร และมีน้ำหนักอยู่ในช่วง 14.00 - 255.55 กรัม เพศผู้มีสมการความสัมพันธ์ระหว่างความยาวเหยียดกับน้ำหนักตัว W = 0.0420TL2.6121 ความยาวเหยียดอยู่ในช่วง 9.70 - 28.50 4 เซนติเมตร และมีน้ำหนักอยู่ในช่วง 17.00 - 255.55 กรัม และ เพศเมีย W=0.0273TL2.7841 มีความยาวเหยียดอยู่ในช่วง 9.00 - 26.50 เซนติเมตร และน้ำหนักอยู่ในช่วง 14.00 - 244.22 กรัม ตามลำดับ มีการเจริญเติบโตแบบ allometric อัตราส่วนเพศผู้ต่อเพศเมีย เท่ากับ 1:0.71 ขนาดแรกเริ่มสืบพันธุ์ของเพศผู้ และเพศเมีย เท่ากับ 17.38 และ 14.83 เซนติเมตร ตามลำดับ สามารถวางไข่ได้ตลอดทั้งปี มีช่วงการวางไข่มาก 2 ช่วง คือในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน และช่วงเดือนมิถุนายนถึงธันวาคม โดยวางไข่สูงสุดในเดือนธันวาคม ความดกไข่ มีค่าอยู่ในช่วง 44,858 – 115,383 ฟอง จำนวนไข่เฉลี่ย 78,326 ฟอง ที่ขนาดความยาวเหยียด 15.00 - 22.40 เซนติเมตร และความสัมพันธ์ระหว่างความยาวเหยียดกับความดกไข่ อยู่ในรูปสมการ F = 0.1074.6TL1.4630 ชีววิทยาการสืบพันธุ์ของปลาแพะเหลือง (Upeneus sulphureus (Cuvier, 1829)) ทางฝั่งทะเลอันดามัน พบว่าความสัมพันธ์ระหว่างความยาวเหยียดกับน้ำหนักตัวของปลาแพะเหลือง อยู่ในรูปสมการ W = 0.01133TL3.1066 โดยปลาเพศผู้มีความยาวเหยียดเฉลี่ย 12.48 เซนติเมตร น้ำหนักตัวเฉลี่ย 29.48 กรัม ส่วนปลาเพศเมีย มีความยาวเหยียดเฉลี่ย 13.56 เซนติเมตร น้ำหนักตัวเฉลี่ย 39.85 กรัม มีการวางไข่ตลอดทั้งปี โดยวางไข่มากสองช่วง คือ ช่วงแรกในเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม สูงสุดเดือนมิถุนายน และช่วงที่สองในเดือนตุลาคมถึงธันวาคม สูงสุดเดือนธันวาคม อัตราส่วนเพศผู้ต่อเพศเมีย เท่ากับ 1:1.46 ปลาเพศผู้ มีขนาดความยาวแรกเริ่มสืบพันธุ์เฉลี่ย เท่ากับ 13.24 เซนติเมตร และเพศเมีย เท่ากับ 12.30 เซนติเมตร ไข่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ย เท่ากับ 0.55 มิลลิเมตร และความสัมพันธ์ระหว่างความดกไข่กับความยาวเหยียดอยู่ในรูปสมการ F = 0.5624TL4.1496 การประเมินสภาวะทรัพยากรปลาแป้นกระดาน Photopectoralis bindus (Valenciennes, 1835) ทางฝั่งทะเลอันดามัน พบว่ามีสมการเติบโตของ von Bertalanffy เท่ากับ Lt = 13.07[1-e–1.70 (t-0.0000)] ค่าสัมประสิทธิ์การตายรวม (Z) เท่ากับ 8.45 ต่อปี ค่าสัมประสิทธิ์การตายโดยธรรมชาติ (M) เท่ากับ 3.25 ต่อปี และค่าสัมประสิทธิ์การตายเนื่องจากการทำประมง (F) เท่ากับ 5.20 ต่อปี ปลาแป้นกระดานมีขนาดความยาวแรกที่เข้ามาทดแทนในเหล่งประมงเท่ากับ 2.50 เซนติเมตร จำนวน 641,731,032 ตัว มีผลผลิตสูงสุดที่ยั่งยืน (MSY) เท่ากับ 2,044,206.34 กิโลกรัม ณ ระดับการลงแรงประมงสัมพัทธ์ (F-factor) เท่ากับ 1.10 และมูลค่าสูงสุดที่ยั่งยืน (MEY) เท่ากับ 9,934,574.20 บาท ณ ระดับการลงแรงประมงสัมพัทธ์ เท่ากับ 1.10 เช่นกัน โดยพบว่าปริมาณการลงแรงประมงในปัจจุบันยังน้อยกว่าการลงแรงประมงที่เหมาะสมของกำลังผลิตสูงสุดที่น่านน้ำไทยทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามันครอบคลุมพื้นที่ 476,000 ตารางกิโลเมตร เป็นแหล่งประมงที่สำคัญมีผลจับสัตว์น้ำสูงถึง 2.83 ล้านตัน แต่จากการพัฒนาการประมงทะเลของประเทศไทยที่ผ่านมา โดยเฉพาะการประมงอวนลากที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจับสัตว์น้ำ ทำให้ผลจับสัตว์น้ำหน้าดินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนทำให้สภาวะทรัพยากรสัตว์น้ำหน้าดินอยู่ในสภาพที่เสื่อมโทรม ทั้งนี้เนื่องจากมีการนำทรัพยากรสัตว์น้ำหน้าดินขึ้นมาใช้ประโยชน์มากเกินศักย์การผลิต โดยเฉพาะอ่าวไทยพบว่ามีการใช้ประโยชน์ทรัพยากรสัตว์น้ำหน้าดินตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516 สภาวะดังกล่าวทำให้ชาวประมงจับสัตว์น้ำได้น้อยลง กอรปกับในปัจจุบันต้นทุนในการทำการประมงสูงขึ้นเนื่องจากน้ำมันและอุปกรณ์การทำการประมงราคาแพง ทำให้ชาวประมงประสบกับปัญหาการขาดทุน ต้องหยุดทำการประมง ส่งผลให้อุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเลขาดวัตถุดิบ ต้องนำเข้าจากต่างประเทศทำให้ต้นทุนในการผลิตสูงไม่สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งฟื้นฟูทรัพยากรปลาหน้าดินอย่างเร่งด่วน การควบคุมการทำการประมงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้เกิดการใช้ประโยชน์สัตว์น้ำอย่างยั่งยืน การดำเนินงานแผนงานวิจัยการประเมินสภาวะทรัพยากรปลาหน้าดินทำให้ทราบศักย์การผลิตสูงสุดและระดับการลงแรงที่เหมาะสม รวมถึงชีววิทยาของปลาหน้าดิน สามารถนำไปกำหนดนโยบายในการบริหารจัดการทรัพยากรปลาหน้าดินได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม เกิดการใช้ประโยชน์สูงสุดและยั่งยืน ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีแผนงานวิจัยการประเมินสภาวะทรัพยากรปลาหน้าดินในน่านน้ำไทย ซึ่งได้ดำเนินการระหว่างปีงบประมาณ 2550-2551 โดยเก็บข้อมูลตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนธันวาคม 2550 จากเครื่องมืออวนลากแผ่นตะเฆ่ขนาดเล็ก อวนลากแผ่นตะเฆ่ขนาดกลาง และอวนลากคู่ ซึ่งภายใต้ชุดโครงการฯ มีโครงการย่อย 13 เรื่อง ดังนี้ การประเมินสภาวะทรัพยากรปลาทรายแดงชนิด Nemipterus hexodon และ N. peronii ในอ่าวไทย พบว่าปลาทรายแดง ชนิด N. hexodon มีสมการการเติบโตของ von Bertalanffy เท่ากับ Lt = 30.65 [1-e-1.59(t+0.00)] ส่วน N. peronii มีสมการการเติบโตของ von Bertalanffy เท่ากับ Lt = 28.95 [1-e-1.46(t+0.00)] สำหรับพารามิเตอร์การตายพบว่าปลาทรายแดงชนิด N. hexodon มีค่าสัมประสิทธิ์การตายรวม (Z) เท่ากับ 4.237 ต่อปี ค่าสัมประสิทธิ์การตายโดยธรรมชาติ (M) เท่ากับ 2.46 ต่อปี และค่าสัมประสิทธิ์การตายเนื่องจากการทำประมง (F) มีค่าเท่ากับ 1.776 ต่อปี ส่วนปลาทรายแดงชนิด N. peronii มีค่าสัมประสิทธิ์การตายรวม เท่ากับ 3.162 ต่อปี ค่าสัมประสิทธิ์การตายโดยธรรมชาติ เท่ากับ 2.36 ต่อปี และค่าสัมประสิทธิ์การตายเนื่องจากการทำประมง เท่ากับ 0.802 ต่อปี การประเมินสภาวะทรัพยากรปลาทรายแดงชนิด Nemipterus delagoae (Valenciennes, 1830) ทางฝั่งทะเลอันดามันของไทย พบว่าปลาทรายแดงชนิด Nemipterus delagoae มีสมการการเติบโตของ von Bertalanffy เท่ากับ Lt = 37.20[1-e-1.20(t+0.00)] ค่าสัมประสิทธิ์การตายรวม (Z) เท่ากับ 4.58 ต่อปี ค่าสัมประสิทธิ์การตายโดยธรรมชาติ (M) เท่ากับ 1.94 ต่อปี และค่าสัมประสิทธิ์การตายเนื่องจากการทำประมง (F) เท่ากับ 2.64 ต่อปี ขนาดความยาวแรกที่เข้ามาทดแทนในแหล่งประมงมีขนาดความยาวตลอดตัว 3.0 - 4.0 เซนติเมตร จำนวน 111.61 ล้านตัว มีผลผลิตสูงสุดที่ยั่งยืน (MSY) เท่ากับ 1,571 เมตริกตัน ณ ระดับการลงแรงประมงสัมพัทธ์ (F-factor) เท่ากับ 0.40 และมูลค่าสูงสุดที่ยั่งยืน (MEY) 34.42 ล้านบาท ณ ระดับการลงแรงประมงสัมพัทธ์ (F-factor) เท่ากับ 0.30 แสดงให้เห็นว่ามีการลงแรงประมงเกินกำลังผลิตของปลาทรายแดงชนิดนี้แล้ว 2 การประเมินสภาวะทรัพยากรปลาตาหวานจุด (Priacanthus tayenus Richardson, 1846) ในอ่าวไทย พบว่าปลาตาหวานจุด มีสมการการเติบโตของ von Bertalanffy เท่ากับ Lt = 30.00[1-e-1.20(t-0.00)] ค่าสัมประสิทธิ์การตายรวม (Z) เท่ากับ 6.15 ต่อปี ค่าสัมประสิทธิ์การตายโดยธรรมชาติ (M) เท่ากับ 2.06 ต่อปี และค่าสัมประสิทธิ์การตายเนื่องจากการทำประมง (F) เท่ากับ 4.09 ต่อปี ปลาตาหวานจุดมีความยาวแรกที่เริ่มเข้าสู่ข่ายการประมงมีความยาว 2.50 เซนติเมตร มีจำนวน 1,563 ล้านตัว มีระดับผลผลิตสูงสุดที่ยั่งยืน (MSY) และมูลค่าสูงสุดที่ยั่งยืน (MEY) เท่ากับ 18,393 ตัน และ 231.83 ล้านบาท ตามลำดับ ระดับการลงแรงประมงที่เหมาะสม เท่ากับร้อยละ 60 และ 50 ของการลงแรงประมงใน พ.ศ. 2550 การประเมินสภาวะทรัพยากรปลาตาหวานจุด (Priacanthus tayenus Richardson, 1846) ทางฝั่งทะเลอันดามันของไทย พบว่ามีสมการการเติบโตของ von Bertalanffy เท่ากับ Lt = 30.80[1-e-1.00(t+0.00)] ค่าสัมประสิทธิ์การตายรวม (Z) เท่ากับ 7.42 ต่อปี ค่าสัมประสิทธิ์การตายโดยธรรมชาติ (M) เท่ากับ 1.81 ต่อปี และค่าสัมประสิทธิ์การตายเนื่องจากการทำประมง (F) เท่ากับ 5.61 ต่อปี มีผลผลิตสูงสุดที่ยั่งยืน (MSY) เท่ากับ 2,909 เมตริกตัน ณ ระดับการลงแรงประมงสัมพัทธ์ (F-factor) เท่ากับ 0.40 และมูลค่าสูงสุดที่ยั่งยืน (MEY) เท่ากับ 34.209 ล้านบาท ณ ระดับการลงแรงประมงสัมพัทธ์ (F-factor) เท่ากับ 0.30 ประเมินสภาวะทรัพยากรปลาปากคมชนิด Saurida elongata (Temminck & Schlegel, 1846) และ S. undosquamis (Richardson, 1848) ในอ่าวไทย พบว่าปลาปากคมชนิด Saurida elongata มีสมการการเติบโตเท่ากับ Lt = 43.25[1-e-1.70(t-0.00)] ค่าสัมประสิทธิ์การตายรวม (Z) เท่ากับ 8.91 ต่อปี ค่าสัมประสิทธิ์การตายโดยธรรมชาติ (M) เท่ากับ 2.27 ต่อปี และค่าสัมประสิทธิ์การตายเนื่องจากการทำประมง (F) เท่ากับ 6.64 ต่อปี ส่วนปลาปากคมชนิด S. undosquamis มีสมการการเติบโต เท่ากับ Lt = 39.75 [1-e-1.76(t-0.00)] ค่าสัมประสิทธิ์การตายรวม (Z) เท่ากับ 10.97 ต่อปี ค่าสัมประสิทธิ์การตายโดยธรรมชาติ (M) เท่ากับ 2.27 ต่อปี และค่าสัมประสิทธิ์การตายเนื่องจากการทำประมง (F) เท่ากับ 8.70 ต่อปี ระดับผลผลิตสูงสุดที่ยั่งยืน (MSY) และมูลค่าสูงสุดที่ยั่งยืน (MEY) ของปลาปากคมทั้งสองชนิดเท่ากับ 25,949 ตัน และ 398.90 ล้านบาท ตามลำดับ ระดับการลงแรงประมงที่เหมาะสมของปลาทั้งสองชนิดเท่ากับ ร้อยละ 20 ของการลงแรงประมงใน พ.ศ. 2550 การประเมินสภาวะทรัพยากรปลาปากคมชนิด Saurida undosquamis (Richardson, 1848) และ S. elongata (Temminck & Schlegel, 1846) ทางฝั่งทะเลอันดามัน พบว่า ปลาปากคมชนิด S. undosquamis มีสมการการเติบโต คือ Lt = 44.50[1-e-1.06(t+0.0410)] ค่าสัมประสิทธิ์การตายรวม (Z) เท่ากับ 9.29 ต่อปี ค่าสัมประสิทธิ์การตายโดยธรรมชาติ (M) เท่ากับ 1.70 ต่อปี และค่าสัมประสิทธิ์การตายเนื่องจากการทำประมง (F) เท่ากับ 7.59 ต่อปี ส่วนปลาปากคมชนิด S. elongata มีสมการการเจริญเติบโต คือ Lt = 47.85[1-e-0.76(t+0.0000)] ค่าสัมประสิทธิ์การตายรวม ค่าสัมประสิทธิ์การตายโดยธรรมชาติ และค่าสัมประสิทธิ์การตายเนื่องจากการทำประมง เท่ากับ 4.64 1.34 และ 3.30 ต่อปี ตามลำดับ ผลผลิตสูงสุดที่ยั่งยืน (MSY) และมูลค่าสูงสุดที่ยั่งยืน (MEY) ของปลาปากคมทั้งสองชนิดเท่ากับ 1,477.97 ตัน และ 20.61 ล้านบาท ที่ระดับการลงแรงประมงสัมพัทธ์ (F-factor) เท่ากับ 0.35 และ 0.30 ตามลำดับ การปรับลดการลงแรงประมงของเรือประมงอวนลากทุกประเภทลงร้อยละ 70 จะทำให้ได้ผลผลิตและมูลค่าเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับผลผลิตและมูลค่าสูงสุดที่ยั่งยืน การประเมินสภาวะทรัพยากรปลาแป้นกระดาน (Photopectoralis bindus (Valenciennes, 1835)) ในอ่าวไทย พบว่าสมการการเติบโตตาม von Bertalanffy คือ Lt = 9.50[1-e-1.47(t-0.00)] ค่าสัมประสิทธิ์การตายรวม (Z) เท่ากับ 7.382 ต่อปี ค่าสัมประสิทธิ์การตายโดยธรรมชาติ (M) 3.242 ต่อปี และค่าสัมประสิทธิ์การตายโดยการประมง (F) 4.140 ต่อปี มีระดับผลผลิตสูงสุดที่ยั่งยืน (MSY) และมูลค่าสูงสุดที่ยั่งยืน (MEY) เท่ากับ 3 13,411.28 ตัน และ 53.64 ล้านบาท ที่ระดับการลงแรงประมงสัมพัทธ์ (F-factor) เท่ากับ 1.20 ซึ่งสามารถเพิ่มการลงแรงประมงเพื่อจับปลาแป้นกระดานได้อีก ร้อยละ 20 แต่การคงไว้ให้อยู่ในระดับเดิมจะมีความเหมาะสมมากกว่า ประเมินสภาวะทรัพยากรปลาแพะเหลือง Upeneus sulphureus (Cuvier, 1829) ทางฝั่งทะเลอันดามัน พบว่ามีสมการการเจริญเติบโตของ von Bertalanffy คือ Lt = 21.50[1-e-1.01(t+0.0175)] ค่าสัมประสิทธิ์การตายรวม (Z) เท่ากับ 7.90 ต่อปี ค่าสัมประสิทธิ์การตายโดยธรรมชาติ (M) เท่ากับ 2.01 ต่อปี และค่าสัมประสิทธิ์การตายเนื่องจากการทำประมง (F) เท่ากับ 5.89 ต่อปี มีผลผลิตสูงสุดที่ยั่งยืน (MSY) เท่ากับ 536,010.61 กิโลกรัม ณ ระดับการลงแรงประมงสัมพัทธ์ (F-factor) เท่ากับ 0.5 และมูลค่าสูงสุดที่ยั่งยืน (MEY) เท่ากับ 6 ล้านบาท ณ ระดับการลงแรงประมงสัมพัทธ์ เท่ากับ 0.4 ซึ่งปัจจุบันปริมาณการลงแรงประมงมีมากเกินกำลังผลิตของปลาแพะเหลืองแล้ว ชีววิทยาการสืบพันธุ์ของปลาปากคมชนิด Saurida elongata (Temminck & Schlegel, 1846) ในอ่าวไทย พบว่าปลาปากคมชนิดนี้มีความยาวเหยียดระหว่าง 11.00 - 46.00 (25.8±4.94) เซนติเมตร มีน้ำหนักตัวอยู่ระหว่าง 9.00 - 740.00 (143.24±93.30) กรัม มีความสัมพันธ์ระหว่างความยาวเหยียดกับน้ำหนักตัว ในรูปสมการ W = 0.0041TL3.176 ปลาเพศผู้ มีความยาวเหยียดระหว่าง 12.20 - 39.30 (24.56±3.85) เซนติเมตร มีน้ำหนักตัวอยู่ระหว่าง 11.00 - 380.00 (116.95±55.89) กรัม มีความสัมพันธ์ระหว่างความยาวเหยียดกับน้ำหนักตัว ในรูปสมการ W = 0.0045TL3.149 และปลาเพศเมีย มีความยาวเหยียดระหว่าง 11.00 - 46.00 (26.73±5.40) เซนติเมตร มีน้ำหนักตัวอยู่ระหว่าง 9.00 - 740.00 (161.11±108.08) กรัม มีความสัมพันธ์ระหว่างความยาวเหยียดกับน้ำหนักตัว ในรูปสมการ W = 0.0038TL3.196 มีการเติบโตแบบ allometric อัตราส่วนระหว่างเพศผู้ต่อเพศเมีย เท่ากับ 1:1.46 ขนาดความยาวเแรกเริ่มสืบพันธุ์โดยเฉลี่ยของปลาเพศผู้ และเพศเมีย เท่ากับ 25.15 และ 31.62 เซนติเมตร ตามลำดับ สามารถวางไข่ได้ตลอดปี มีช่วงวางไข่มากอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน ถึงเมษายน ความดกไข่ 34,348 - 169,674 (82,691.02+34,197.82) ฟอง ที่ความยาวเหยียด 23.50 - 43.50 เซนติเมตร มีสมการความสัมพันธ์ระหว่างความดกไข่กับความยาวเหยียด ในรูปสมการ F = 3.4379TL2.8417 ชีววิทยาการสืบพันธุ์ของปลาปากคมหางจุด Saurida undosquamis (Richardson, 1848) ในอ่าวไทย พบว่าปลาปากคมหางจุด มีความยาวเหยียดระหว่าง 6.20 - 34.50 (20.91±4.42) เซนติเมตร มีน้ำหนักอยู่ระหว่าง 1.37 - 310.00 (72.83±44.52) กรัม มีความสัมพันธ์ระหว่างความยาวเหยียดกับน้ำหนักตัว ในรูปสมการ W = 0.0032TL3.246 ปลาปากคมหางจุดเพศผู้ มีความยาวเหยียดระหว่าง 8.00 - 34.40 (21.49±2.97) เซนติเมตร มีน้ำหนักอยู่ระหว่าง 5.33 - 204.00 (74.89±31.86) กรัม มีความสัมพันธ์ระหว่างความยาวเหยียดกับน้ำหนักตัว ในรูปสมการ W = 0.0044TL3.155 และเพศเมียมีความยาวเหยียดระหว่าง 11.50 - 34.50 (22.81±3.74) เซนติเมตร มีน้ำหนักตัวอยู่ระหว่าง 8.90 - 310.00 (91.71±44.90) กรัม มีความสัมพันธ์ระหว่างความยาวเหยียดกับน้ำหนักตัว ในรูปสมการ W = 0.0041TL3.172 อัตราส่วนระหว่างเพศผู้ต่อเพศเมีย เท่ากับ 1:1.65 แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญ (P<0.05) ขนาดความยาวแรกเริ่มสืบพันธุ์โดยเฉลี่ยของปลาเพศผู้ และเพศเมีย เท่ากับ 20.48 และ 28.26 เซนติเมตร ตามลาดับ สามารถวางไข่ได้ตลอดปี มีช่วงวางไข่มากอยู่ระหว่างเดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ ความดกไข่ระหว่าง 78,890 - 183,726 (111,815±28,756) ฟอง ความยาวเหยียด 23.50 - 32.50 เซนติเมตร มีสมการความสัมพันธ์ระหว่างความดกไข่กับความยาวเหยียด ในรูปสมการ F = 7.3616TL2.8673 ชีววิทยาการสืบพันธุ์ของปลาตาหวานจุด (Priacanthus tayenus Richardson, 1846) ในอ่าวไทย พบว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างความยาวตลอดตัวกับน้ำหนักตัว แบบรวมเพศ อยู่ในรูปสมการ W=0.0430TL2.6156 มีความยาวเหยียดอยู่ในช่วง 9.00 - 28.50 เซนติเมตร และมีน้ำหนักอยู่ในช่วง 14.00 - 255.55 กรัม เพศผู้มีสมการความสัมพันธ์ระหว่างความยาวเหยียดกับน้ำหนักตัว W = 0.0420TL2.6121 ความยาวเหยียดอยู่ในช่วง 9.70 - 28.50 4 เซนติเมตร และมีน้ำหนักอยู่ในช่วง 17.00 - 255.55 กรัม และ เพศเมีย W=0.0273TL2.7841 มีความยาวเหยียดอยู่ในช่วง 9.00 - 26.50 เซนติเมตร และน้ำหนักอยู่ในช่วง 14.00 - 244.22 กรัม ตามลำดับ มีการเจริญเติบโตแบบ allometric อัตราส่วนเพศผู้ต่อเพศเมีย เท่ากับ 1:0.71 ขนาดแรกเริ่มสืบพันธุ์ของเพศผู้ และเพศเมีย เท่ากับ 17.38 และ 14.83 เซนติเมตร ตามลำดับ สามารถวางไข่ได้ตลอดทั้งปี มีช่วงการวางไข่มาก 2 ช่วง คือในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน และช่วงเดือนมิถุนายนถึงธันวาคม โดยวางไข่สูงสุดในเดือนธันวาคม ความดกไข่ มีค่าอยู่ในช่วง 44,858 – 115,383 ฟอง จำนวนไข่เฉลี่ย 78,326 ฟอง ที่ขนาดความยาวเหยียด 15.00 - 22.40 เซนติเมตร และความสัมพันธ์ระหว่างความยาวเหยียดกับความดกไข่ อยู่ในรูปสมการ F = 0.1074.6TL1.4630 ชีววิทยาการสืบพันธุ์ของปลาแพะเหลือง (Upeneus sulphureus (Cuvier, 1829)) ทางฝั่งทะเลอันดามัน พบว่าความสัมพันธ์ระหว่างความยาวเหยียดกับน้ำหนักตัวของปลาแพะเหลือง อยู่ในรูปสมการ W = 0.01133TL3.1066 โดยปลาเพศผู้มีความยาวเหยียดเฉลี่ย 12.48 เซนติเมตร น้ำหนักตัวเฉลี่ย 29.48 กรัม ส่วนปลาเพศเมีย มีความยาวเหยียดเฉลี่ย 13.56 เซนติเมตร น้ำหนักตัวเฉลี่ย 39.85 กรัม มีการวางไข่ตลอดทั้งปี โดยวางไข่มากสองช่วง คือ ช่วงแรกในเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม สูงสุดเดือนมิถุนายน และช่วงที่สองในเดือนตุลาคมถึงธันวาคม สูงสุดเดือนธันวาคม อัตราส่วนเพศผู้ต่อเพศเมีย เท่ากับ 1:1.46 ปลาเพศผู้ มีขนาดความยาวแรกเริ่มสืบพันธุ์เฉลี่ย เท่ากับ 13.24 เซนติเมตร และเพศเมีย เท่ากับ 12.30 เซนติเมตร ไข่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ย เท่ากับ 0.55 มิลลิเมตร และความสัมพันธ์ระหว่างความดกไข่กับความยาวเหยียดอยู่ในรูปสมการ F = 0.5624TL4.1496 การประเมินสภาวะทรัพยากรปลาแป้นกระดาน Photopectoralis bindus (Valenciennes, 1835) ทางฝั่งทะเลอันดามัน พบว่ามีสมการเติบโตของ von Bertalanffy เท่ากับ Lt = 13.07[1-e–1.70 (t-0.0000)] ค่าสัมประสิทธิ์การตายรวม (Z) เท่ากับ 8.45 ต่อปี ค่าสัมประสิทธิ์การตายโดยธรรมชาติ (M) เท่ากับ 3.25 ต่อปี และค่าสัมประสิทธิ์การตายเนื่องจากการทำประมง (F) เท่ากับ 5.20 ต่อปี ปลาแป้นกระดานมีขนาดความยาวแรกที่เข้ามาทดแทนในเหล่งประมงเท่ากับ 2.50 เซนติเมตร จำนวน 641,731,032 ตัว มีผลผลิตสูงสุดที่ยั่งยืน (MSY) เท่ากับ 2,044,206.34 กิโลกรัม ณ ระดับการลงแรงประมงสัมพัทธ์ (F-factor) เท่ากับ 1.10 และมูลค่าสูงสุดที่ยั่งยืน (MEY) เท่ากับ 9,934,574.20 บาท ณ ระดับการลงแรงประมงสัมพัทธ์ เท่ากับ 1.10 เช่นกัน โดยพบว่าปริมาณการลงแรงประมงในปัจจุบันยังน้อยกว่าการลงแรงประมงที่เหมาะสมของกำลังผลิตสูงสุดที่ยั่งยืนของปลาแป้นกระดาน ซึ่งสามารถเพิ่มการลงแรงประมงเพื่อจับปลาแป้นกระดานได้อีก ร้อยละ 10
ปีเริ่มต้นงานวิจัย: 2549-10-01
ปีสิ้นสุดงานวิจัย: 2551-12-31
ลิขสิทธิ์: แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย (CC BY-NC-ND 3.0 TH)
เผยแพร่โดย: กรมประมง
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ประเมินสภาวะทรัพยากรปลาหน้าดินในน่านน้ำไทย
กรมประมง
31 ธันวาคม 2551
กรมประมง
การประเมินสภาวะทรัพยากรหมึกกล้วยชนิด Photololigo chinensis และ P. duvaucelii ในอ่าวไทย การประเมินสภาวะทรัพยากรกุ้งแชบ๊วยบริเวณอ่าวไทยตอนกลาง ประเมินสภาวะทรัพยากรปลาผิวน้ำในน่านน้ำไทย การประเมินสภาวะทรัพยากรหมึกกระดอง ชนิด Sepia aculeta และ Sepia recurvirosta ในอ่าวไทย การประเมินสภาวะทรัพยากรปลากะตักในอ่าวไทย ประเมินสภาวะทรัพยากรปลาสีกุนตาโต Selar cumenohpthalmus ในอ่าวไทย ทรัพยากรปลาโอในน่านน้ำไทย การประเมินสภาวะทรัพยากรกั้งกระดาน (Thenus unimaculatus Burton and Davie, 2007) ทางฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทย สภาวะทรัพยากรและชีววิทยาการสืบพันธุ์ของหอยตลับ (Meretrix casta Gmelin, 1791) ในแหล่งทำการประมงจังหวัดสมุทรสงคราม การประเมินสภาวะการมีส่วนร่วมของประชาชนในการบริหารทรัพยากรประมงในแม่น้ำน่าน

แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย (CC BY-NC-ND 3.0 TH)
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก