สืบค้นงานวิจัย
การเพิ่มผลผลิตผักปลอดสารเคมีทางการเกษตร แบบ มีส่วนร่วมของเกษตรกรในจังหวัดเพชรบูรณ์
สุวิทย์ วรรณศรี - มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์
ชื่อเรื่อง: การเพิ่มผลผลิตผักปลอดสารเคมีทางการเกษตร แบบ มีส่วนร่วมของเกษตรกรในจังหวัดเพชรบูรณ์
ชื่อเรื่อง (EN): Methodology increase Product of Clean vegetable production through Participation of Farmers in Phechabun Province.
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: สุวิทย์ วรรณศรี
บทคัดย่อ: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์และระเบียบวิธีดังนี้ การวิจัย เพื่อศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการใช้สารเคมีทางการเกษตรของเกษตรกร เพื่อศึกษารูปแบบกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนและองค์กรในชุมชนเกี่ยวกับการลดการใช้สารเคมีทางการเกษตร และเพื่อศึกษาทางเลือกที่เหมาะสมในการใช้สิ่งทดแทนการใช้สารเคมีทางการเกษตร ใช้วิธีวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมของเกษตรกรโดยการสุ่มเกษตรกรโดยใช้สูตรของยามาเน่ ตำบลวังบาล อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ จาก 16 หมู่บ้านจำนวน 350คน วิธีการและเครื่องมือที่ใช้ เก็บข้อมูลจากแบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ ทดลองปลูกผักและจัดกิจกรรมศึกษาดูงาน มีผลการศึกษาดังนี้ ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ร้อยละ 68.28 อายุระหว่าง 40-49 ปีกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่สมรสแล้ว ร้อยละ 93.43 สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาร้อยละ 88.28 อายุมีพื้นที่ทำการเกษตรเป็นที่ดินของตนเอง ร้อยละ 86.29 ปลูกข้าว ร้อยละ 58.57 อายุระหว่าง 40-49 ปีกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ใช้สารเคมีทางการเกษตรกำจัดวัชพืช ร้อยละ 52.00 อุปกรณ์ส่วนใหญ่เป็นแบบสะพายหลังใช้มือฉีด ร้อยละ 42.57 ความรู้เกี่ยวกับการใช้สารเคมีทางการ เกษตรกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ร้อยละ 100.00ทราบถึงอันตรายที่ได้รับ เกษตรกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ร้อยละ 28.00ทราบว่าเป็นอันตรายต่อผู้อยู่ใกล้ขณะฉีดพ่น ร้อยละ 100.00ทราบถึงอันตรายต่อผู้ใช้เอง และพบว่า ระดับการศึกษา อาชีพหลัก การเข้ารับการอบรม การรับรู้ข่าวสาร ในการลดการใช้สารเคมีทางการเกษตรอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ความรู้เกี่ยวกับการลดการใช้สารเคมีทางการเกษตร มีผลต่อการลดการใช้สารเคมีทางการเกษตร ระยะเวลาที่ได้อาศัยอยู่ในท้องถิ่น มีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อการลดการใช้สารเคมีทางการเกษตร นอกจากนี้แล้วพบว่า การไม่รู้ข้อมูลที่ใช้ประกอบการพิจารณาใด ๆ ที่จะสามารถยืนยันความปลอดภัยของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชต่อสุขภาพของเกษตรกร ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อมมีความสัมพันธ์เชิงลบต่อการลดการใช้สารเคมีทางการเกษตร ส่วนผลการศึกษาทางเลือกที่เหมาะสมในการใช้สิ่งทดแทนการใช้สารเคมีทางการเกษตร พบว่าการใช้สิ่งทดแทนการใช้สารเคมีทางการเกษตร มีผลต่อการลดการใช้สารเคมีทางการเกษตร ทัศนคติเกี่ยวกับการใช้ ร้อยละ 97.14 ทราบว่าการสารเคมีทางการเกษตร ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ ร้อยละ 96.57 ไม่เห็นด้วยว่าการปิดฝาขวดสารเคมีทางการเกษตร ที่ยังใช้ไม่หมดให้สนิทแล้ววางไว้ที่ไหนก็ได้ ร้อยละ 76.29 ไม่เห็นด้วยว่าการสวมหน้ากาก ถุงมือและเสื้อผ้าให้มิดชิดขณะพ่นสารเคมีทางการเกษตร ทำให้อึดอัด ทำงานไม่สะดวก ร้อยละ 88.00 เห็นด้วยว่าเมื่อฉีดพ่นแล้วควรป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงเข้าไปในบริเวณที่ฉีด วัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนและองค์กรในชุมชนเกี่ยวกับการลดการใช้สารเคมีทางการเกษตร เพื่อศึกษาทางเลือกที่เหมาะสมในการใช้สิ่งทดแทนการใช้สารเคมีทางการเกษตร เพื่อ เปรียบเทียบ การสะสมสารเคมีกลุ่ม ออร์กาโนฟอสเฟสและคาร์บาเมตในดินและกะหล่ำปลีที่ปลูกโดยใช้และไม่ใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชในบ้านน้ำดุกอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ และเพื่อศึกษาเทคนิคการเพิ่มผลผลิตขิงโดยเกษตรกร ตำบลวังบาล อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ วิธีการและเครื่องมือที่ใช้ เก็บข้อมูลจากการวิจัยแบบมีส่วนร่วมกับเกษตรกรพบว่า ในแปลงที่ปลูกโดยวิธีใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ดินมีลักษณะร่วนซุยและชุ่มน้ำ กะหล่ำปลีเจริญเติบโตดี ใบแผ่ขยายใหญ่ ทุกต้น ส่วนแปลงที่ปลูกโดยวิธีใช้สารเคมีทางการเกษตร ดินมีลักษณะแข็งไม่ร่วนซุยและไม่ชุ่มน้ำ กะหล่ำปลีเจริญเติบโตไม่สม่ำเสมอ ใบแผ่ขยายใหญ่เป็นบางส่วน จากการเก็บตัวอย่างดินเพื่อหาสารเคมีตกค้างในดิน โดยใช้ชุดตรวจหาสารฆ่าแมลง จีที (GT –Pesticide Test Kit) พบว่า กะหล่ำปลีใช้สารเคมีทางการเกษตรพบการสะสมสารเคมีทางการเกษตร กลุ่มออร์กาโนฟอสเฟตและคาร์บาเนต มากกว่ากะหล่ำปลีปลอดสารเคมีทางการเกษตรซึ่งใช้ปุ๋ยอินทรีย์ (12 ตัวอย่างพบร้อยละ80.00 รองลงมาพบในระดับไม่ปลอดภัย 2 ตัวอย่างที่พบร้อยละ 13.33)และพบว่า กะหล่ำปลีใช้สารเคมีทางการเกษตร พบระดับความปลอดภัย ของการสะสมสารเคมีทางการเกษตร กลุ่มออร์กาโนฟอสเฟตและคาร์บาเนต (6 ตัวอย่างพบร้อยละ40.00 รองลงมาพบในระดับไม่ปลอดภัย 5 ตัวอย่างที่พบร้อยละ 33.34) ระดับการสะสมสารเคมีกลุ่ม กลุ่มออร์กาโนฟอสเฟตและคาร์บาเนตในกะหล่ำปลี ไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างการสะสมสารเคมีกลุ่ม กลุ่มออร์กาโนฟอสเฟตและคาร์บาเนตในกะหล่ำปลีที่ปลูก (p > .05 ) ระดับการสะสมสารเคมีกลุ่ม กลุ่มออร์กาโนฟอสเฟตและคาร์บาเนตในดินที่ปลูกกะหล่ำปลี มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ (p< 0.05 ซึ่งในดินที่แปลงปลูกกะหล่ำปลีที่ปลูกแบบใช้สารเคมีทางการเกษตรและที่ปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ มีระดับการสะสมสารเคมีกลุ่ม กลุ่มออร์กาโนฟอสเฟตและคาร์บาเนตแตกต่างกัน โดยดินที่แปลงปลูกกะหล่ำปลีที่ปลูกแบบใช้สารเคมีทางการเกษตรพบว่า ระดับความไม่ปลอดภัยมากกว่า จากการตรวจหาระดับเอนไซม์ โคลีนเอสเตอเรสในซีรั่ม ในเลือดเกษตรกร โดยใช้กระดาษทดสอบพิเศษ โดยใช้กระดาษทดสอบพิเศษ (Reactive paper) กองอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่า พบว่า ร้อยละของ เอ็นไซม์โคลีนเอสเตอเรสในซีรั่มเกษตรกรที่ปลูกแบบใช้สารเคมีทางการเกษตรและแบบเกษตรอินทรีย์ได้พบว่าระดับเอ็นไซม์โคลีนเอสเตอเรสในซีรั่มเกษตรกรที่ปลูกกะกล่ำปลีแบบใช้สารเคมีทางการเกษตรส่วนใหญ่ได้พบในระดับมีความเสี่ยง ร้อยละ 60.66 รองลงมาได้พบในระดับไม่ปลอดภัยร้อยละ 46.66 และระดับปลอดภัย 6.66 ตามลำดับ และได้พบว่าระดับเอ็นไซม์โคลีนเอสเตอเรสในซีรั่มเกษตรกรปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ส่วนใหญ่ได้พบในระดับปกติร้อยละ53.33ระดับมีความเสี่ยง ร้อยละ 46.66 ไม่พบในระดับปลอดภัย ผลการเปรียบเทียบ ระดับเอ็นไซม์โคลีนเอสเตอเรสในซีรั่มเกษตรกรระหว่างการปลูกแบบใช้สารเคมีทางการเกษตรกับแบบเกษตรอินทรีย์ได้พบว่าระดับเอ็นไซม์โคลีนเอสเตอเรสในซีรั่มเกษตรกรกับลักษณะการปลูกกะหล่ำปลี อย่างมีความสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (p = 0.004 นั่นคือ p<.05) แสดงว่าเกษตรกรที่ปลูกกะหล่ำแบบเกษตรอินทรีย์ และใช้สารเคมีทางการเกษตร มีระดับระดับเอ็นไซม์โคลีนเอสเตอเรสในซีรั่มแตกต่างกัน โดยเกษตรกรที่ปลูกกะหล่ำปลีแบบเกษตรอินทรีย์ มีเอ็นไซม์โคลีนเอสเตอเรสในซีรั่มในระดับที่ไม่ปลอดภัยและมีความเสี่ยงน้อยกว่าเกษตรกรที่ปลูกกะหล่ำปลีแบบใช้สารเคมีทางการเกษตร ผลการศึกษาเทคนิคการเพิ่มผลผลิตขิงโดยเกษตรกร ตำบลวังบาล อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเทคนิควิธีการขยายพันธุ์ขิงและเพื่อเพิ่มผลผลิต มีดังนี้ การศึกษาการเจริญเติบโตของขนาดของใบและความสูงของต้นเทียมของขิง ผลการศึกษาพบว่า จำนวนใบเมื่อขิงอายุได้ 3 เดือน ที่ใช้วัสดุปลูกตามวิธีการที่ 5 (วัสดุที่ใช้ปลูก ทราย 1 ส่วน, มูลสุกร 1 ส่วน, น้ำ 1 ส่วน)ขิงมีการเจริญเติบโตนับจำนวนใบ ได้มากที่สุดรวม 48 ใบ การศึกษาจำนวนหน่อเมื่อขิงอายุได้ 3 เดือน พบว่า ใช้วัสดุปลูกตาม วิธีการที่ 5 ขิงมีการเจริญเติบโตมีจำนวนหน่อ มากที่สุดรวม 10 หน่อ การศึกษาความสูงของต้นเทียม เมื่อขิงอายุได้ 3 เดือน พบว่า ขิงมีความสูงมากที่สุดรวม 45.8 ซม. การศึกษาความยาวของใบขิง อายุ 3 เดือนพบว่า พบว่า ใช้วัสดุปลูกตาม วิธีการที่ 2 (ทราย 1 ส่วน, น้ำ 1 ส่วน) ขิงมีการเจริญเติบโตโดยวัดความยาวของใบ ยาวที่สุดรวม 31.00 ซม. การศึกษาน้ำหนักของหัวขิง สังเกตการเจริญเติบโตของขิง โดยการชั่งน้ำหนักเมื่อขิงอายุได้ 1 เดือน พบว่า ใช้วัสดุปลูกตาม วิธีการที่ 5 ขิงมีน้ำหนักสดของหัวของ เท่ากับ 29.93 กรัม/หัว/เหง้า การศึกษาน้ำหนักของหัวขิง อายุ 2 เดือน พบว่า ใช้วัสดุปลูกตาม วิธีการ ที่ 5 ขิงมีน้ำหนักสดของหัวของ เท่ากับ 26.70 กรัม/หัว/เหง้า การศึกษาน้ำหนักของหัวขิงอายุ 3 เดือน พบว่า การใช้วัสดุปลูกขิง ตาม วิธีการที่ 1 – 5 สังเกตการเจริญเติบโตของขิง โดยการชั่งน้ำหนักเมื่อขิงอายุได้ 2 เดือน พบว่า ใช้วัสดุปลูกตาม วิธีการที่ 5 ขิงมีน้ำหนักสดของหัวของ เท่ากับ 41.00 กรัม/หัว/เหง้า ผลการจากการทดลองใช้วัสดุคลุมแปลง พบว่า การเจริญเติบโตของขิงที่ปลูกด้วยหน่อตัดตรง แล้วคลุมด้วยใบไม้แห้งต่างกัน พบว่า ขิงที่ปลูกแล้วคลุมด้วยใบจามจุรี เจริญเติบโตได้ดีที่สุด รองลงมา คือ ขิงที่ปลูกแล้วคลุมด้วยฟางข้าว และขิงที่ปลูกแล้วคลุมด้วยใบมะขาม ตามลำดับ และ ผลการศึกษาการเจริญเติบโตจากการตัดหน่อ ขิงที่ปลูกด้วยหน่อตัดเฉียงแล้วคลุมด้วยใบไม้แห้งต่างชนิดกัน พบว่า ขิงที่ปลูกแล้วคลุมด้วยใบจามจุรี เจริญเติบโตได้ดีที่สุด คำสำคัญ สารเคมีทางการเกษตรสารเคมีทางการเกษตร กะหล่ำปลี สารประกอบออร์แกนโนฟอสเฟต การสะสมสารเคมีทางการเกษตร ระดับเอนไซม์โคลินเอสเตอเรส การวิจัยแบบมีส่วนร่วม เกษตรกร ปุ๋ยอินทรีย์ ขิง สารเคมีทางการเกษตร เกษตรกร การเจริญเติบโต เทคนิควิธีการ เหง้า ต้นเทียม วัสดุคลุมแปลง
บทคัดย่อ (EN): Research of no using Agricultural Chemicals Participation of Famers :The Case Study Famers in Wung Ban Amphoe Lom Sak Phechabun Province.The result of this study showed that the participation of famers in Tumbon Wung Ban Amphoe Lom Khow Phechabun Province was at a low level. Factors affecting participation of no using agricultural chemicals are : education, information availability, training received It was found that most farmers (100.00 %) were aware of health and environmental problems caused by the use of agricultural chemicals in term of health and knowledge about agricultural chemical use. Most farmers (86.29 %) has area of rice. Most farmers (58.57 %) 40-49 year. Most farmers (52.00 ) Most farmers (42.57) were used the back box. Knowledge about of agricultural chemicals : All of farmers (100.00) were used the back box. Most farmers (28.00) were found dangerous from used. Most farmers (29.43) were input mouth. Most farmers (19.43) were input body skin. Most farmers (3.43) were input by respiration. Most farmers (94.96) were had the salivaly. Knowledge about agricultural chemical use, knowledge about health and environment were not related to their awareness of health and environment on agricultural chemicals used. The recommendation from this study is that the involved governmental officials and the private sectors should co – operate in disseminating other knowledge about of agricultural chemicals use, conducting research and development on effective natural extracts which could be used safely to health. Commparisons of Accumulations of Chemical as Pesticidein Groups of Organophosphate and Carbamate in soils and Cauliflorer with and without Ussing Chemical as Pesticidein in Ban Nom Duk Amphoe Lomsuk Phechabun Province. Research of comparative with formation of organophosphate and carbamates in soil and cabbage with grown and without chemical in Ban Nom Duk sub-district, Lom Sak district, Phetchabun province. The comparison between the growth of cabbage grown by organic methods. (Use organic fertilizers. which made from feces of pig by foliar spray.Cover the vegetable with the straw And plant the basil to protect the insect around the area. And agricultural chemicals (chemicals used as agricultural fertilizer, and chemicals and pesticides. To cover with straw) were planted with cabbage. How to use organic fertilizers. Develop better ways to use agricultural chemicals. The use of organic fertilizers. The cabbage is a nutrient food faster. The cabbage is growing very fast greens, the cabbage is fully Photosynthesis. No insect pests. Cabbage is strong. Resistance to disease. The growth of the cabbage in a month that A grown in the field by using organic fertilizer. And wetland soils are incoherent. Cabbage grows well. The spread of all trees. Part B plots cultivated by the agriculture chemicals. The soil is hard, not incoherent, and wetlands. Cabbage growth is not uniform. The expansion is part of. Analysis of Pesticide Residues into 2 methods. Collection of soil samples for pesticide residues in soil. By using the detection of insecticide GT (GT-Pesticide Test Kit) kit for detection of insecticide solution containing G Sovent-1 Sovent-2 -1 reagent GT GT GT -3 -2.1 -2 Sgt. Sgt Sgt -4 -3.1 -5, GT kit will show the safety of agricultural products grown on material. Results of the cabbage plants were found with the use of agriculture chemicals are not safe. The accumulation of chemicals in agriculture. The organic phosphate and carbamate with Lugano. Cabbage than non-organic fertilizers and agricultural chemicals (12 samples was 80.00 percent. The second was found in two samples showed unsafe levels of 13.34 percent) and the cabbage using agricultural chemicals. The level of security. The accumulation of chemicals in agriculture. The ORGANOIODINE with phosphate and carbamate (6 samples showed 40.00 percent. The second was found in 5 samples found unsafe levels of 33.34 percent). The formation of chemical groups. The organic phosphate and carbamate Lugano with the cabbage. No relationship during the formation of chemical groups. The organic phosphate and carbamate with Lugano in the cabbage crop (p > 0.056), indicating that the cabbage is grown and grown and organic chemicals, agricultural chemicals group has accumulated. The organic phosphate and carbamate with Lugano. Is no different. Cabbage grown by organic chemicals found in agriculture. The level of accumulation of chemical groups. The organoiodine phosphate and carbamate in soil planted with cabbage. Is associated with a statistically significant (p <0.07 in soil planted with cabbage grown using agricultural chemicals and organic growth. With the formation of chemical groups. The organoiodine phosphate and carbamate with different. The soil at planting cabbage grown using agricultural chemicals was found. The insecurity over. Determination of the enzyme. cholinesterase found in serum. Farmers in the blood. By using a special test paper. By using a special test paper (Reactive paper) that the Health Ministry. The results of the enzyme cholinesterase Forest in the serum of farmers planting cabbage. The percentage of the enzyme cholinesterase in serum farmers to use agricultural chemicals and organic food has found that the enzyme cholinesterase. serum but cabbage farmers use agricultural chemicals are found in high-risk, followed by 60.67 percent and 46.67 percent were in a safe, secure, and 6.67, respectively. and have found that the enzyme cholinesterase found in serum, most organic farmers have found normal level of 53.34 percent and 46.67 percent are at risk not found in the safe. Comparison of the results. The enzyme cholinesterase in the serum of farmers during the growing use of agricultural chemicals and organic. It was found that the enzyme cholinesterase in the serum and the farmers planting cabbage. Are statistically significant at 0.07 (p = 0.004, that is p < 0.06), indicating that farmers who grow organic sprouts. And agricultural chemicals. With the enzyme cholinesterase in the different of farmer who grow organic cabbage. The enzyme cholinesterase in the serum levels of security and less risk of cabbage farmers use agricultural chemicals. The ginger is productivity of the farm, Wang Kao district, Phetchabun province. The objective is to study how to grow ginger, and to increase productivity. The results were as follows. The study of methods of propagation. ginger to increase productivity. The right choice in the use of substitutes, the use of agricultural chemicals.1st treatment of planting material use 1 part of loam, 1 part of chicken’s feces, 1 kilogram of 15-15-15 chemical fertilizer and 1 part of water. 2nd treatment of planting material use 1 part of sand and 1 part of water. 3rd treatment of planting material use 1 part of sand,1 part of chicken feces and 1 part of water. 4th treatment of planting material use 1 part of sand,1 kilogram of 15-15-15 chemical fertilizer and 1 part of water. 5th treatment of planting material use 1 part of sand,1 part of pig’s feces and 1 part of water The study of the growth of the leaves and the height of the ginger’s harness At the 3nd month. The 5th treatment has been growing as well as the value of leaves are 48 = 16.00.The 2nd.The value of ginger’s shoot on the age of 3 months showed that the plant material by 5th treatment, the ginger is growing as well as with the value of shoots are 10 = 3.33. The height of the ginger’s harness on the age of 3 months showed that the plant material by the 5th treatment are highest about 45.80 cm. high = 15.27 .The study found that the length of the ginger’s leaf on aged of 3 month, the 2ndtreatment is the longest about 31 cm. long = 10.33. The weight of ginger’s head. The growth of ginger. By weighing on ginger when aged on the month showed that the 5th treatment is the heaviest about 29.93 grams per head = 7.98. The growth of ginger. By weighing on ginger when aged on 2 months showed that the 5th treatment is the heaviest about 26.73 grams per head = 8.90.The growth of ginger. By weighing on ginger when aged on 3 months showed that the 5th treatment is the heaviest about 41 grams per head = 13.67. The experimental material to cover. The results were as follows. Ginger is grown with the growth of the shoot-off. The leaves are covered with the different leaves found that the ginger which covered by mimosa leaves is the best to grow.Followed by the ginger plant is covered with straw. And then covered with leaves, tamarind, ginger plant, respectively. Three. Result of the growth of the shoots.Ginger shoots grown with the bud break wind and covered with dry leaves found that the ginger which covered by mimosa leaves is the best .Followed by the ginger plant is covered with rice straw. The plant is covered with leaves and ginger, tamarind and ginger.show that the mimosa leaves make ginger to the best grow . However, when comparing the techniques of growing shoots between direct cutting shoots and break wind cutting shoots.The ginger’s shoot that grown by break wind cutting is better. Keyword : Agricultural Chemicals, Cholinesterase, Participatory Action Research,Famers Ginger , Famers, Growth.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์
คำสำคัญ: เกษตรกร
คำสำคัญ (EN): Famers
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

สุวิทย์ วรรณศรี. "การเพิ่มผลผลิตผักปลอดสารเคมีทางการเกษตร แบบ มีส่วนร่วมของเกษตรกรในจังหวัดเพชรบูรณ์Methodology increase Product of Clean vegetable production through Participation of Farmers in Phechabun Province.". มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์. 2555

สุวิทย์ วรรณศรี. "การเพิ่มผลผลิตผักปลอดสารเคมีทางการเกษตร แบบ มีส่วนร่วมของเกษตรกรในจังหวัดเพชรบูรณ์Methodology increase Product of Clean vegetable production through Participation of Farmers in Phechabun Province.". มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์. 2555. Print.



TARR Wordcloud:
การเพิ่มผลผลิตผักปลอดสารเคมีทางการเกษตร แบบ มีส่วนร่วมของเกษตรกรในจังหวัดเพชรบูรณ์
สุวิทย์ วรรณศรี
มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์
30 กันยายน 2555
การบริหารจัดการชลประทานโดยเกษตรกรมีส่วนร่วม การศึกษาต้นแบบของการส่งเสริมองค์ความรู้การใช้ปุ๋ยเคมีร่วมปุ๋ยอินทรีย์ที่ดี และเหมาะสมต่อการเพิ่มผลผลิตหม่อนไหมในระดับเกษตรกร การพัฒนาคำแนะนำปุ๋ยเคมีสำหรับมันฝรั่งตามผลการวิเคราะห์ดินโดยเกษตรกรมีส่วนร่วม การพัฒนาผลิตภาพมะขามหวานแบบมีส่วนร่วมของเครือข่ายเกษตรกรจังหวัดเพชรบูรณ์ ชุมชนปฏิบัติการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม : การศึกษาอิทธิพลปุ๋ยน้ำชีวภาพร่วมกับปุ๋ยเคมีต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตยางพาราโดยอาศัยการมีส่วนร่วมของกลุ่มเกษตรกรสวนยางพารา ชุมชนบ้านหนองสรวง จ. กาฬสินธุ์ การเพิ่มผลผลิตผักปลอดสารเคมีทางการเกษตรแบบมีส่วนร่วมของเกษตรกร กรณีศึกษา บ้านประตูชัย ตำบลนิเวศน์ อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด การประเมินมูลค่าชีวิตเชิงสถิติ ด้วยวิธีจำลองสถานการณ์ กรณี เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโดยใช้สารเคมีทางการเกษตร อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ การใช้ปุ๋ยเคมีในการปลูกสับปะรดของเกษตรกร ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ การมีส่วนร่วมของเกษตรกรในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาปศุสัตว์แบบมีส่วนร่วมสำหรับเกษตรกรรายย่อยในจังหวัดขอนแก่น การศึกษาอัตราการใช้ปุ๋ยหมักและปุ๋ยเคมีร่วมกับวัสดุปรับปรุงดินเพื่อปลูกผักกาดหางหงษ์แบบมีส่วนร่วมของเกษตรกรในพื้นที่ชลประทาน โครงการหลวงหนองหอย
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair