สืบค้นงานวิจัย
การศึกษาอิทธิพลของธาตุอาหารพืชเพื่อการควบคุมความเผ็ดในพริก
ปิยะณัฎฐ์ ผกามาศ - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: การศึกษาอิทธิพลของธาตุอาหารพืชเพื่อการควบคุมความเผ็ดในพริก
ชื่อเรื่อง (EN): THe Study of the Effects of Plant Nutrients for Controlling the Pungency in Hot Chili
บทคัดย่อ: การศึกษาอิทธิพลของธาตุอาหารพืชต่อผลผลิตและความเผ็ดของพริก ดำเนินการใน 2 การทดลอง การทดลองที่ 1 ศึกษาอิทธิพลของความเข้มข้นของธาตุไนโตรเจนและโปแตสเซียมต่อผลผลิตและความเผ็ดของพริก และการทดลองที่ 2 ศึกษาอิทธิพลของความเข้มข้นของธาตุฟอสฟอรัสและแคลเซียมต่อผลผลิตและความเผ็ดของพริก ทั้งสองการทดลองทดสอบในพริก 2 พันธุ์ที่มีความเผ็ดต่างกัน คือ พริกพันธุ์ลูกผสม เทวี 60 และพริกพันธุ์ผสมเปิด จินดา โดยการปลูกในถังพลาสติกที่บรรจุวัสดุปลูก (ขุยมะพร้าว : มะพร้าวสับ= 40:60) ปริมาณ 20 ลิตร และได้รับสารละลายธาตุอาหารสูตร Resh’s tropical ที่ดัดแปลงให้มีความเข้มข้นธาตุอาหารในความเข้มข้นต่างๆกัน วางแผนการทดลองแบบ 3x3 Factorials in Randomize Completely Block Design ในการทดลองที่ 1 ต้นพริกได้รับธาตุ N แตกต่างกันที่ 130 230 และ 330 มก./ล. และธาตุ K ที่แตกต่างกันที่ 200 300 และ 400 มก./ล. ตั้งแต่หลังออกดอกจนสิ้นสุดการเก็บเกี่ยว พบว่า N ที่ความเข้มข้น 130 มก./ล ร่วมกับ K 400 มก./ล ให้จำนวนผลที่ 513.87 ผล/ต้น ผลผลิตที่ 770.70 ก./ต้น ของพริกพันธุ์เทวี 60 สูงที่สุดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ในขณะที่มีเพียง N 330 มก./ล. ให้จำนวนผลของพริกจินดาสูงสุดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 421.11 ผล/ต้น แต่ความเข้มข้นของ K ไม่มีผลต่อผลผลิตของต้นพริกจินดา ปริมาณโอลีโอเรซิน แคปไซซิน ไดไฮโดรแคปไซซิน และแคปไซซินอยด์ในผลพริกทั้งสองพันธุ์มีค่าสูงสุดอย่างมีนัยสำคัญเมื่อได้รับ N 330 มก./ล. ร่วมกับ K 400 มก./ล. และกิจกรรมของเอนไซม์ PAL ของพริกทั้งสองพันธุ์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อความเข้มข้นของ K เพิ่มขึ้นในทุกระดับความเข้มข้นของ N แต่ความเข้มข้นของ N และ K ไม่มีผลต่อปริมาณรวมของสารฟีโอลิก ในผลพริก ในการทดลองที่ 2 ต้นพริกได้รับ P ที่ 30 60 และ 90 มก./ล. และ Ca ที่ 160 240 และ 320 มก./ล. พบว่าทุกระดับความเข้มข้นของ P และ Ca ไม่มีอิทธิพลต่อผลผลิต ความเผ็ด กิจกรรมของเอนไซม์ PAL และปริมาณรวมของสารฟีโนลิกในผลพริกการศึกษาอิทธิพลของธาตุอาหารพืชต่อผลผลิตและความเผ็ดของพริก ดำเนินการใน 2 การทดลอง การทดลองที่ 1 ศึกษาอิทธิพลของความเข้มข้นของธาตุไนโตรเจนและโปแตสเซียมต่อผลผลิตและความเผ็ดของพริก และการทดลองที่ 2 ศึกษาอิทธิพลของความเข้มข้นของธาตุฟอสฟอรัสและแคลเซียมต่อผลผลิตและความเผ็ดของพริก ทั้งสองการทดลองทดสอบในพริก 2 พันธุ์ที่มีความเผ็ดต่างกัน คือ พริกพันธุ์ลูกผสม เทวี 60 และพริกพันธุ์ผสมเปิด จินดา โดยการปลูกในถังพลาสติกที่บรรจุวัสดุปลูก (ขุยมะพร้าว : มะพร้าวสับ= 40:60) ปริมาณ 20 ลิตร และได้รับสารละลายธาตุอาหารสูตร Resh’s tropical ที่ดัดแปลงให้มีความเข้มข้นธาตุอาหารในความเข้มข้นต่างๆกัน วางแผนการทดลองแบบ 3x3 Factorials in Randomize Completely Block Design ในการทดลองที่ 1 ต้นพริกได้รับธาตุ N แตกต่างกันที่ 130 230 และ 330 มก./ล. และธาตุ K ที่แตกต่างกันที่ 200 300 และ 400 มก./ล. ตั้งแต่หลังออกดอกจนสิ้นสุดการเก็บเกี่ยว พบว่า N ที่ความเข้มข้น 130 มก./ล ร่วมกับ K 400 มก./ล ให้จำนวนผลที่ 513.87 ผล/ต้น ผลผลิตที่ 770.70 ก./ต้น ของพริกพันธุ์เทวี 60 สูงที่สุดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ในขณะที่มีเพียง N 330 มก./ล. ให้จำนวนผลของพริกจินดาสูงสุดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 421.11 ผล/ต้น แต่ความเข้มข้นของ K ไม่มีผลต่อผลผลิตของต้นพริกจินดา ปริมาณโอลีโอเรซิน แคปไซซิน ไดไฮโดรแคปไซซิน และแคปไซซินอยด์ในผลพริกทั้งสองพันธุ์มีค่าสูงสุดอย่างมีนัยสำคัญเมื่อได้รับ N 330 มก./ล. ร่วมกับ K 400 มก./ล. และกิจกรรมของเอนไซม์ PAL ของพริกทั้งสองพันธุ์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อความเข้มข้นของ K เพิ่มขึ้นในทุกระดับความเข้มข้นของ N แต่ความเข้มข้นของ N และ K ไม่มีผลต่อปริมาณรวมของสารฟีโอลิก ในผลพริก ในการทดลองที่ 2 ต้นพริกได้รับ P ที่ 30 60 และ 90 มก./ล. และ Ca ที่ 160 240 และ 320 มก./ล. พบว่าทุกระดับความเข้มข้นของ P และ Ca ไม่มีอิทธิพลต่อผลผลิต ความเผ็ด กิจกรรมของเอนไซม์ PAL และปริมาณรวมของสารฟีโนลิกในผลพริก
บทคัดย่อ (EN): The effect of nutrient concentrations on yield, pungency and PAL enzyme activity in two hot chili cultivars were studied in two experiments during February to November 2011. Chili seedlings; Tawee 60 , the high-yielding and high-pungency hybrid cultivar, and Jinda, low-yielding and low-pungency open pollinated cultivar were planted in plastic containers containing 20 L of coconut-husk mixing with coconut-coir dust substrate in the ratio of 40:60 under plastic-roofed net-house and were received modified Resh’s Tropical Dry Summer nutrient solution with different nutrients concentrations. Each experiment was conducted by using 3x3 Factorial in RCBD experimental design and data for each chili cultivar was analyzed separately. In experimental 1, plants were subjected to nutrient solution with three levels of N and K concentrations as the follows; 130, 230, 330 mg N/L and 200, 300, 400 mg K/L. It was found N 130 mg/L in combination with K 400 mg/L gave significantly highest fruit number of 513.87 fruit/plant and yield of 770.70 g/plant for hot chill cv. Tawee 60 where N 330 mg/L gave significantly highest fruit number of 421.11 fruit/plant for cv. Jinda. N 330 mg/L in combination with K 400 mg/L gave significantly highest oleoresin and capsaicin contents and PAL activity of 7.04 and 5.34 % w/w, 0.70 and 0.23 % w/w and 483.92 and 384.72 mmol/ mg protein for Tawee 60 and Jinda cultivars, respectively. In the experiment 2, plants were subjected to nutrient solution with three levels of P an Ca concentrations as the follows; 30, 60, 90 mg P/L. and 160, 240, 320 mg Ca/L. It was found that P and Ca concentrations gave non-significant different in yield, oleoresin and capsaicin contents and PAL activity. for both hot chili cultivars. The effect of nutrient concentrations on yield, pungency and PAL enzyme activity in two hot chili cultivars were studied in two experiments during February to November 2011. Chili seedlings; Tawee 60 , the high-yielding and high-pungency hybrid cultivar, and Jinda, low-yielding and low-pungency open pollinated cultivar were planted in plastic containers containing 20 L of coconut-husk mixing with coconut-coir dust substrate in the ratio of 40:60 under plastic-roofed net-house and were received modified Resh’s Tropical Dry Summer nutrient solution with different nutrients concentrations. Each experiment was conducted by using 3x3 Factorial in RCBD experimental design and data for each chili cultivar was analyzed separately. In experimental 1, plants were subjected to nutrient solution with three levels of N and K concentrations as the follows; 130, 230, 330 mg N/L and 200, 300, 400 mg K/L. It was found N 130 mg/L in combination with K 400 mg/L gave significantly highest fruit number of 513.87 fruit/plant and yield of 770.70 g/plant for hot chill cv. Tawee 60 where N 330 mg/L gave significantly highest fruit number of 421.11 fruit/plant for cv. Jinda. N 330 mg/L in combination with K 400 mg/L gave significantly highest oleoresin and capsaicin contents and PAL activity of 7.04 and 5.34 % w/w, 0.70 and 0.23 % w/w and 483.92 and 384.72 mmol/ mg protein for Tawee 60 and Jinda cultivars, respectively. In the experiment 2, plants were subjected to nutrient solution with three levels of P an Ca concentrations as the follows; 30, 60, 90 mg P/L. and 160, 240, 320 mg Ca/L. It was found that P and Ca concentrations gave non-significant different in yield, oleoresin and capsaicin contents and PAL activity. for both hot chili cultivars.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คำสำคัญ: แคปไซซิน
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การศึกษาอิทธิพลของธาตุอาหารพืชเพื่อการควบคุมความเผ็ดในพริก
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
30 กันยายน 2554
ผลของอัลตราไวโอเลตบีต่อปริมาณแคปไซซินและไดไฮโดรแคปไซซินของพริกขี้หนูพันธุ์เรดเดวิลและซุปเปอร์ฮอท F1 โครงการวิจัยผลของสารละลายใบยาสูบต่อการควบคุมเพลี้ยไฟพริก การศึกษาฮอร์โมนพืชในน้ำหมักชีวภาพจากผลไม้ เพื่อพริกอินทรีย์ ชีวเคมีของพริก ตอนที่ 1 สีสันแสนสวยด้วยเม็ดสีที่แตกต่าง การใช้สารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืชกับการปลูกพริกของเกษตรกรจังหวัดชัยภูมิ โครงการวิจัยการจัดการธาตุอาหารพืชอย่างผสมผสานในการผลิตพืช โครงการย่อยที่ 1: การทดสอบการเชื่อมโยงข้อมูลปัจจัยสิ่งแวดล้อมต่อการเข้าทำลายของศัตรูพืชสำหรับป้องกันการระบาดในพืชตระกูลพริก กะหล่ำปลี และมะเขือเทศบนพื้นที่สูง ศึกษาการผลิตและการตลาดพริก แคดเมียมในพริกแกงเผ็ด การประเมินประสิทธิภาพของเชื้อ Streptomyces spp. ปฏิปักษ์ในการควบคุมเชื้อรา Colletotrichum capsici สาเหตุโรคแอนแทรกโนสของพริก
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก