สืบค้นงานวิจัย
ผลของรังสีอุลตร้าไวโอเลตต่อความมีชีวิตของเชื้อ Cryptosporidium oocysts ในน้ำ
Charoonluk Sangloung - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: ผลของรังสีอุลตร้าไวโอเลตต่อความมีชีวิตของเชื้อ Cryptosporidium oocysts ในน้ำ
ชื่อเรื่อง (EN): Effect of Ultra violet irradiation on viability of Cryptosporidium oocysts in water
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Charoonluk Sangloung
บทคัดย่อ: เชื้อ Cryptosporidium เป็นเชื้อโปรโตซัวที่ก่อให้เกิดภาวะท้องเสียในคนและในสัตว์ การติดต่อของ เชื้อชนิดนี้เกิดจากการดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อระยะ oocysts ปัจจุบันกระบวนการบำบัดน้ำ โดยทั่วไป เช่น วิธีการใช้คลอรีนหรือการกรอง นั้นไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการกำจัดเชื้อได้ ดังนั้นวิธีการ กำจัดเชื้อ Cryptosporidium oocysts ที่นิยมศึกษาอย่างมากในปัจจุบัน คือ แสงอุลตร้าไวโอเลต ซึ่งมีข้อดีคือ เป็นวิธีที่ราคาประหยัด, ใช้ง่าย และ มีคุณสมบัติที่สามารถกำจัดเชื้อต่างๆ โดยเฉพาะเชื้อที่เป็น waterborne ได้ อย่างมีประสิทธิภาพ งานวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาแหล่งของแสงอุลตร้าไวโอเลต เพื่อหาขนาดและเวลาที่เหมาะสมในการกำจัด เชื้อ Cryptosporidium oocysts โดยศึกษาจากแสงอุลตร้าไวโอเลตจากหลอดและจากแสงอาทิตย์ เชื้อ Cryptosporidium oocysts ที่มีชีวิตนำมาทดสอบด้วยวิธีการฆ่าเชื้อโดยใช้รังสีอุลตร้าไวโอเลต จากทั้งสองแหล่ง ผลการทดลองพบว่า แสงอุลตร้าไวโอเลตจากหลอดให้ผลในการกำจัดเชื้อได้ดีกว่าแสงแดด โดย ขนาดที่สามารถกำจัดเชื้อได้ 100 % คือ ขนาด 10 mW.s/cm2 ในขณะที่ผลของแสงอุลตร้าไวโอเลตในแสงแดด พบว่าไม่สามารถทำลายเชื้อได้ถึงแม้ว่าเชื้อจะผ่านแสงแดดเป็นเวลา 12 ชั่วโมงก็ตาม ผลการศึกษาในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าแสงอุลตร้าไวโอเลตจากหลอดสามารถกำ จัดเชื้อ Cryptosporidium oocysts ได้มีประสิทธิภาพมากกว่าแสงอุลตร้าไวโอเลตจากแสงแดด
บทคัดย่อ (EN): Cryptosporidium spp. are protozoa that cause diarrhea in humans and animals. They are transmitted to their hosts by oocysts in contaminated drinking water or food. Until now, conventional methods of water treatment, such as chlorination and filtration have not been effective in eliminating oocysts. One of the most promising alternative methods for inactivating oocysts is ultraviolet irradiation, because it appears to be cheap, simple and very effective in eliminating potential waterborne pathogens. The aim of this study was to evaluate the most effective source of UV irradiation, including exposure times and concentration of UV light to inactivate Cryptosporidium oocysts, using two technologies, UV lamp and sunlight (solar disinfection). Cryptosporidium oocysts were exposed to two different sources of ultraviolet irradiation. The first one was a UV lamp with different UV doses and the second sunlight (SODIS) for different exposure times and various water turbidities. ICRneonatal mice and in vitro excystation experiments were used to test the viability of the oocysts. The results showed that while UV doses of 10 mW.s/cm2 could eliminate Cryptosporidium oocysts entirely (100%), solar disinfection could not achieve the same inactivation rate. Even after exposure to sunlight for 12 hours, percentage infectivity was still as high as 60-80%. These findings confirm that a UV lamp is much more efficient than SODIS for inactivating oocyst of Cryptosporidium spp
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=3579&obj_id=5079
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Microbial Viability
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: เชื้อ Cryptosporidium เป็นเชื้อโปรโตซัวที่ก่อให้เกิดภาวะท้องเสียในคนและในสัตว์ การติดต่อของ เชื้อชนิดนี้เกิดจากการดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อระยะ oocysts ปัจจุบันกระบวนการบำบัดน้ำ โดยทั่วไป เช่น วิธีการใช้คลอรีนหรือการกรอง นั้นไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการกำจัดเชื้อได้ ดังนั้นวิธีการ กำจัดเชื้อ Cryptosporidium oocysts ที่นิยมศึกษาอย่างมากในปัจจุบัน คือ แสงอุลตร้าไวโอเลต ซึ่งมีข้อดีคือ เป็นวิธีที่ราคาประหยัด, ใช้ง่าย และ มีคุณสมบัติที่สามารถกำจัดเชื้อต่างๆ โดยเฉพาะเชื้อที่เป็น waterborne ได้ อย่างมีประสิทธิภาพ งานวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาแหล่งของแสงอุลตร้าไวโอเลต เพื่อหาขนาดและเวลาที่เหมาะสมในการกำจัด เชื้อ Cryptosporidium oocysts โดยศึกษาจากแสงอุลตร้าไวโอเลตจากหลอดและจากแสงอาทิตย์ เชื้อ Cryptosporidium oocysts ที่มีชีวิตนำมาทดสอบด้วยวิธีการฆ่าเชื้อโดยใช้รังสีอุลตร้าไวโอเลต จากทั้งสองแหล่ง ผลการทดลองพบว่า แสงอุลตร้าไวโอเลตจากหลอดให้ผลในการกำจัดเชื้อได้ดีกว่าแสงแดด โดย ขนาดที่สามารถกำจัดเชื้อได้ 100 % คือ ขนาด 10 mW.s/cm2 ในขณะที่ผลของแสงอุลตร้าไวโอเลตในแสงแดด พบว่าไม่สามารถทำลายเชื้อได้ถึงแม้ว่าเชื้อจะผ่านแสงแดดเป็นเวลา 12 ชั่วโมงก็ตาม ผลการศึกษาในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าแสงอุลตร้าไวโอเลตจากหลอดสามารถกำ จัดเชื้อ Cryptosporidium oocysts ได้มีประสิทธิภาพมากกว่าแสงอุลตร้าไวโอเลตจากแสงแดด
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ผลของรังสีอุลตร้าไวโอเลตต่อความมีชีวิตของเชื้อ Cryptosporidium oocysts ในน้ำ
Charoonluk Sangloung
มหาวิทยาลัยมหิดล
2550
ความมีชีวิตของเชื้อ Giardia ระยะซีสต์ในน้ำ การพัฒนาพัชนีภาวะวิกฤษติการขาดน้ำ และการควบคุมการให้น้ำอัตโนมัติโดยเท็นซิโอมิเตอร์ การเปรียบเทียบความไวของ PCR วิธีต่าง ๆ ในการแยกสายพันธุ์ของเชื้อจิอาร์เดียดูโอดีนาลิส ผลของพีเอชและคุณสมบัติของรังสี (แอลอีที) ต่อการแตกตัวของรังสีในน้ำและสารละลาย ศึกษาโดยเทคนิคมอนติคาโล ผลกระทบของปัจจัยแวดล้อมต่อความไวต่อยาต้านจุลชีพของเชื้อ burkholderia thailandensis ลักษณะทางฟีโนไทป์ของเชื้อ Burkholderia thailandensis ก่อนและหลังจากติดเชื้อ bacteriophage ที่แยกได้จากเชื้อ Burkholder การพัฒนาระบบทำลายเชื้อจุลินทรีย์แบบฉีดไอน้ำโดยตรง การวิเคราะห์การจัดสรรน้ำและการจัดการน้ำในลุ่มน้ำแม่วาง การพัฒนาแบบจำลองน้ำหลากผิวดินเชิงอุทกวิทยาเพื่อใช้สำหรับปากแม่น้ำที่ได้รับอิทธิพลจากน้ำขึ้น-น้ำลง ปริมาณโลหะหนักบางชนิดในน้ำบริเวณป่าชายเลนที่รับน้ำทิ้งจากระบบบำบัดน้ำเสียชุมชนแหลมผักเบี้ย จังหวัดเพชรบุรี
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก