คลังข้อมูลการวิจัยการเกษตรไทย

ผู้แต่ง ภานุกิจ กันหาจันทร์

เผยแพร่โดย

สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ National Institute of Health, Department of Medical Science

เผยแพร่เมื่อ 2560

หน่วยงาน สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ National Institute of Health, Department of Medical Science

งานวิจัยที่แนะนำ สูตรตำรับผลิตภัณฑ์น้ำมันหอมระเหย โครงการวิจัยคัดเลือกจุลินทรีย์เพิ่มความอุดมสมบูรณ์และป้องกันโรคพืชในดินเพื่อเพิ่มผลผลิตพืช Toxicity and efficacy of essential oils against red flour beetle, Tribolium castaneum (Herbst), a vector of human pathogens การผลิตน้ำยาทำความสะอาดมือจากน้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากพืชสมุนไพรไทย ชนิดของเห็ดมีพิษ การตรวจหา Suilysin และโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงของ เชื้อสเตรปโตคอคคัส ซูอิส ที่แยกได้จากสุกรป่วย สุกรปกติที่เป็นพาหะของโรคและคนที่เกี่ยวข้องโดยใช้เทคนิค PCR ศึกษาสภาวะที่เหมาะสมในการเจริญของจุลินทรีย์เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ย่อยสลายตะกอนอินทรีย์ ประสิทธิภาพของน้ำมันหอมระเหยจากพืชตระกูลขิงในการไล่ด้วงงวงข้าวโพด (Sitophilus zeamais Motschulsky) และมอดแป้ง (Tribolium castaneum (Herbst)) ศึกษาการสกัดน้ำมันหอมระเหยจากสมุนไพร การพัฒนาแป้งกล้วยน้ำว้าดิบ

คัดลอก URL

ชื่อเรื่อง:	ความเป็นพิษและประสิทธิผลของน้ำมันหอมระเหยในการไล่มอดแป้งที่เป็นพาหะของจุลินทรีย์ก่อโรคในคน Toxicity and Repellent Effects of Essential oils against Red flour beetle, Tribolium castaneum (Herbst), vector of human pathogens
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ:	ภานุกิจ กันหาจันทร์
บทคัดย่อ:	มอดแป้ง นับเป็นแมลงศัตรูผลิตผลทางการเกษตรและส่งผลให้เกิดความเสียหายกับผลผลิตทางการเกษตรและมีรายงานการตรวจพบจุลินทรีย์ที่จะเป็นพาหะก่อโรคในคนจากมอดแป้ง เช่น Staphylococcus aureus, Psudomonas aeruginosa, Bacillus cereus, Escherichia coli, Enterobacter spp., Aspergillus flavus, Aspergillus niger, Aspergillus fumigatus, Penicillium spp., Fusarium spp. และ Rhizopus oryzae นอกจากนี้ยังตรวจพบจุลินทรีย์ที่เป็นพาหะที่ไม่ก่อโรค เช่น Bacillus subtilis เป็นต้น การใช้สารรมในการควบคุมมอดแป้ง ส่งผลให้เกิดการทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศได้ นอกจากนี้การใช้สารเคมีในการกำจัดมอดแป้ง อาจส่งผลเสียและอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ได้ หรืออาจก่อให้เกิดการดื้อต่อสารเคมีของมอดแป้งและอาจมีการตกค้างทำให้เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมได้ ดังนั้นน้ำมันหอมระเหยจากพืชสมุนไพรจึงน่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการนำมาทดแทนการใช้สารเคมี เนื่องจากมีความเป็นพิษต่ำต่อมนุษย์และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิผลของน้ำมันหอมระเหย 13 ชนิด (อบเชยจีน โหระพา ขมิ้นชัน ตะไคร้ต้น ตะไคร้บ้าน ใบฝรั่ง เปปเปอร์มินต์ ตะไคร้หอม สน ส้ม ส้มเขียวหวาน มะกรูด และกระชาย) ในการไล่มอดแป้งในระดับห้องปฏิบัติการ โดยการทดสอบฤทธิ์สัมผัสตายด้วยวิธี impregnated filter paper discs test ความเข้มข้นที่ใช้คือ 1,3,5,7,9,11และ 13% (v/v) และโดยการทดสอบฤทธิ์ไล่ด้วยวิธี area preference method ความเข้มข้นที่ใช้คือ 0.5,1,2,3 และ 4% (v/v) รายงานผลทดสอบฤทธิ์สัมผัสตายเป็นค่า LC50 และรายงานเป็นค่าเฉลี่ยของอัตราการไล่ซึ่งแสดงค่าในรูปร้อยละและวิเคราะห์ผลทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่นที่ 95% โดยใช้ One-way ANOVA จากการศึกษาพบว่า น้ำมันหอมระเหยอบเชยจีน โหระพา ขมิ้นชัน ตะไคร้ต้น ตะไคร้บ้าน ใบฝรั่ง เปปเปอร์มินต์ ตะไคร้หอม สน ส้ม ส้มเขียวหวาน มะกรูด และกระชาย มีค่าความเป็นพิษที่ทำให้มอดแป้งตาย 50% (LC50) หลังสัมผัสสารเป็นระยะเวลา 48 ชั่วโมง เท่ากับ 3.80+0.10, 4.50+0.10, 4.80+0.21, 5.20+0.21, 5.40+0.21, 5.60+0.21, 6.00+0.15, 7.50+0.21, 8.00+0.15, 8.20+0.10, 8.50+0.21, 9.80+0.12 และ 11.00+0.06 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ กล่าวคือ ค่าความเป็นพิษต่อมอดแป้งของน้ำมันหอมระเหยอบเชยจีน มีความแตกต่างจากน้ำมันหอมระเหยทั้ง 12 ชนิดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่นที่ 95% (P<0.05) การทดสอบประสิทธิผลการไล่มอดแป้ง พบว่า น้ำมันหอมระเหยทั้ง 13 ชนิด ที่ระดับความเข้มข้นที่ 4% มีประสิทธิผลการไล่อยู่ในช่วงร้อยละ 61.50+0.25 - 92.00+1.15 (เกณฑ์ระดับ IV-V) ที่ระดับความเข้มข้น 2% พบว่า น้ำมันหอมระเหยอบเชยจีนมีประสิทธิผลในการไล่มอดแป้งสูงที่สุด คือร้อยละ 79.00+2.08 (เกณฑ์ระดับ IV) รองลงมาคือ น้ำมันหอมระเหยตะไคร้หอม มีประสิทธิผลในการไล่มอดแป้ง เท่ากับร้อยละ 56.50+0.25 (เกณฑ์ระดับ III) และน้ำมันหอมระเหยตะไคร้ต้น มีประสิทธิผลในการไล่มอดแป้ง เท่ากับร้อยละ 42.00+1.00 (เกณฑ์ระดับ III) จากการศึกษาครั้งนี้สรุปว่าน้ำมันหอมระเหยอบเชยจีนจึงมีศักยภาพที่จะนำไปพัฒนาใช้ในการควบคุมและใช้ในการไล่มอดแป้ง ซึ่งเป็นแมลงศัตรูผลผลิตทางการเกษตรในโรงเก็บและทำการวิเคราะห์หาองค์ประกอบทางเคมีและสารออกฤทธิ์ของน้ำมันหอมระเหยที่มีประสิทธิผลต่อไป Red Flour Beetle (Tribolium castaneum (Herbst)) is important stored products pests that contaminate and cause substantial loss of stored products. A variety of microorganisms was found from adults of red flour beetle which include the pathogenic bacteria, Staphylococcus aureus, Psudomonas aeruginosa, Bacillus cereus, Escherichia coli, Enterobacter spp., Aspergillus flavus, Aspergillus niger, Aspergillus fumigatus, Penicillium spp., Fusarium spp. and Rhizopus oryzae. Moreover, non-pathogenic bacteria were recovered including Bacillus subtilis. The use of fumigants is problematic because of their effects on the environment and insect resistance to chemicals, which has led to a search for alternative control measures. This study aimed to the contact toxicity and the repellency of Thirteen essential oils of Chinese cassia oil, Sweet basil oil, Tumeric oil, May Chang oil, Lemongrass oil, Guava leaf oil, Peppermint oil, Citronella grass oil, Pine oil, Orange oil, Tangerine oil, Kiffir lime oil and Lesser galangal oil against adult red flour beetle by using the contact toxicity (impregnated filter paper discs test) and the repellent assays (area preference method). Essential oils at different concentrations (1%, 3%, 5%, 7%, 9%, 11 and 13% (v/v) and 0.5%, 1%, 2%, 3% and 4% (v/v) were evaluated, respectively. The Calculation of LC50 by using Probit analysis. The LC50 values (at 48 hrs. after exposure) were 3.80+0.10, 4.50+0.10, 4.80+0.21, 5.20+0.21, 5.40+0.21, 5.60+0.21, 6.00+0.15, 7.50+0.21, 8.00+0.15, 8.20+0.10, 8.50+0.21, 9.80+0.12 and 11.00+0.06%, respectively. All essential oils had similar repellencies ranging from 61.50+0.25 to 92.00+1.15% (Class IV-V) at 4% concentration. At 2% concentration, Chinese cassia oil provided the highest repellency (79.00+2.08%, Class IV) followed by Citronella grass oil (56.50+0.25%, Class III) and May Chang oil (42.00+1.00%, Class III). This study revealed that Chinese cassia oil is the most effective among essential oils to control red flour beetle populations and should be further studied for field applications. The results obtained indicated the possibility of using the essential oils as protectants of sub-scale stored products in developing countries. Further research has to be carried out to identify the active components of these essential oils in the grain protection and their potential in storage environments.
บทคัดย่อ:	ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN):	th
เอกสารแนบ:	http://nih.dmsc.moph.go.th/research/showimgdetil.php?id=613
เผยแพร่โดย:	สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ National Institute of Health, Department of Medical Science
คำสำคัญ:	Environmental friendly
เจ้าของลิขสิทธิ์:	สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุขกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์