สืบค้นงานวิจัย
ฤทธิ์ทางชีวภาพของสารสกัดจากใบและเมล็ดพืชในสกุล Annona ต่อการควบคุมด้วงงวงข้าวในข้าวสังข์หยดพัทลุง
พัชราภรณ์ วาณิชย์ปกรณ์ - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย
ชื่อเรื่อง: ฤทธิ์ทางชีวภาพของสารสกัดจากใบและเมล็ดพืชในสกุล Annona ต่อการควบคุมด้วงงวงข้าวในข้าวสังข์หยดพัทลุง
ชื่อเรื่อง (EN): Bioactivities of Leaf and Seed Extracts of Annona against Sitophilus oryzae (L.) (Coleoptera: Curculionidae) in Sang Yod Phattalung Rice
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: พัชราภรณ์ วาณิชย์ปกรณ์
บทคัดย่อ: การทตสอบฤทธิ์ชีวภาพของสารสกัตปิโตรเสียมอีเทอร์ เฮทิลอะซิเตรท อะซิโตน และเอทา- นอลความเข้มขัน 0.5, 1, 2, 3, 4 และ 5% (น้ำหนัก/ปริมาตร) ที่สกัตจากเมล็ดและใบของตันน้อยหน่า น้อยโหน่ง และทุเรียนเทศต่อการควบคุมตัวงงวงข้าวในห้องปฏิบัติการ โตยฤทธิ์ชีวภาพที่ศึกษาประกอบด้วย ฤทธิ์ฆ่าแมลง ฤทธิ์ไล่แมลง ฤทธิ์ยับยั้งการเกิดลูกรุ่นใหม่ และการป้องกันความเสียหายของเมล็ดที่เกิดจากการ ทำลายของตัวงงวงข้าว ผลการทดสอบพบว่าสารสกัดจากพืชทั้ง 3 ชนิดมีฤทธิ์ฆ่าด้วงงวงข้าว โดยสารสกัด เอทานอลจากใบและเมล็ดน้อยหน่ามีพิษทางกระเพาะอาหารสูงสุด โดยมีคำ LCs, ที่เวลาสามวันหลังการ ทตสอบเท่ากับ 0.55 และ 0.61% ตามลำตับ รองลงมาได้แก่สารสกัตอะชิโตนจากเมล็ดและใบน้อยหน่า ซึ่งมี ค่า IC:o เท่ากับ 0.71 และ 0.75% ตามสำดับ ในขณะที่สารสกัดเอทิสอะซิเตรทจากเมล็ดทุเรียนเทศมีพิษ ทางกระเพาะอาหารต่ำสุด (12.61%) สำหรับพิษทางสัมผัสพบว่สารสกัดเอทานอลจากเมล็ตและใบน้อยหน่า มีพิษสูงสุด โดยมีค่า เ.C ที่เวลาสามวันหลังการทดสอบเท่ากับ 0.74 และ 0.90% ตามลำตับ รองลงมาได้แก่ สารสกัดฮะซิโตนจากใบน้อยหน่า (0.93x) และสารสกัดอะชิโตนจากเมล็ดน้อยโหน่ง (1.03%) ส่วนสาร สกัดเอทิลอะชิเตรทจากใบทุเรียนเทศมีพิษทางสัมผัสต่อตัวงงวงข้าวต่ำสุด (10.869) สารสกัดจากพืชทั้ง 3 ชนิตยังมีฤทธิ์ยับยั้งการเกิดลูกรุ่นใหม่สูงมากในระดับ 7.39-100.000 โดยสารสกัดเอทานอลจากเมล็ด น้อยหน่ามีฤทธิ์ยับยั้งการเกิดลูกรุ่นไหม่สูงสุด 95.67-100.000 ซึ่งความเข้มชัน 396 ขึ้นไปสามารถยับยั้ง การเกิตลูกรุ่นใหม่ 100.00% สารสกัตที่มีฤทธิ์รองลงมาได้แก่สารสกัดเอทานอลจากใบน้อยหน่า สารสกัดอะ ชิโตนจากเมล็ดและใบน้อยหน่า มีอัตรายับยั้งการเกิดลูกรุ่นใหม่ 95.67-100.00, 2.11-100.00 และ 91.34- 100.00% ตามลำตับ สารสกัดทุกชนิดสามารถป้องกันความเสียหายของเมล็ตที่เกิดจากการทำลายของด้วง งวงข้าวอีกด้วย โดยพบน้ำหนักเมล็ตที่สูญหาย 0.12-16.069 ในขณะที่สิ่งทดลองที่ไม่ใช้สารพบน้ำหนักเมล็ด ที่สูญหายสูงกว่า 30.009 สิ่งทดลองที่ใช้สารสกัดเอทานอสจากเมล็ดน้อยหน่าพบน้ำหนักเมล็ดที่สูญหายน้อย สุดเพียง 0. 12-4.949 รองมาได้แก่สารสกัดอะซิโตนจากเมล็ตน้อยหน่า (0.12-5.00%) สารสกัดเอทานอล และอะซึโตนจากใบน้อยหน่า (0.38-5.44 และ 0.44-5.56%) เมื่อพิจารณาฤทธิ์ไล่ต้วงงวงข้าวของสารสกัต จากพืชทั้ง 3 ชนิด พบว่าสารสกัดทุกชนิดมีฤทธิ์ไล่แมลง โดยสารสกัดเอทานอลจากเมล็ดน้อยหน่ามีฤทธิ์ไล่ แมลงสูงสุดในระดับปานกลางถึงสูงมาก 58.1-90.1% รองลงมาได้แก่สารสกัดเอทิลอะซิเตรทจากเมล็ด น้อยโหน่ง (67.4-86.9%) สารสกัดเอทานอลจากใบทุเรียนเทศ (52.2-86.8%) และสารสกัดเอทานอลจากใบ น้อยหน่า (69.0-83. 79) ในขณะที่สารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์จากใบน้อยหน่มีฤทธิ์ไล่แมลงต่ำสุดอยู่ในระดับ ปานกลางถึงสูง (11.8-62.396) เมื่อนำสารสกัดเอทานอลและอะชิโตนจากเมล็ดและใบน้อยหน่าซึ่งเป็นสารที่มี ฤทธิ์ชีวภาพสูงสุดต่อการควบคุมด้วงงวงข้าวในห้องปฏิบัติการ มาทดสอบผลที่มีต่อการป้องกันความเสียหาย ของเมล็ดพันธุ์ข้าวที่เกิดจาการทำลายของด้วงงวงข้าวในระหว่างการเก็บรักษาเมล็ดเป็นเวลานาน 6 เดือน โตยใช้สารสกัดในอัตรา 0.5, 1, 2. 3, 4 และ 5% (น้ำหนัก/ปริมาตร) ต่อเมล็ด 1 กิโลกรัม พบว่าสารสกัตทุก ชนิตไม่มีผลกระทบต่อความงอกของเมล็ดพันธุ์ข้าว และสามารถป้องกันความเสียหายของเมล็ดพันธุ์ข้าวที่เกิด จากการทำลายของด้วงงวงข้าวได้นาน 4 เดือน ในภาพรวมสารสกัดที่มีความเข้มข้นสูงสามารถควบคุมด้วงงวง ข้าวดีกว่าความเข้มข้นต่ำ จากผลการทดสอบชี้ให้เห็นว่าสารสกัดเอทานอลและอะซิโตนจากเมล็ดและใบ น้อยหน่ามีศักยภาพสูงมาก ในการพัฒนาเป็นสารฆ่าแมลงจากพืชเพื่อใช้ควบคุมด้วงงวงข้าว
บทคัดย่อ (EN): Petroleum ether, ethyl acetate, acetone and ethanol extracts of seed and leaf of Annona squamosa, A. reticulata and A. muricata at concentrations of 0.5, 1, 2, 3, 4 and 5% (w/v) were evaluated in the laboratory for their insecticidal, repellent, progeny production inhibitory activities and damage assessment caused by the rice weevil, Sitophilus oryzae L. (Coleoptera: Curculionidae). All the plant extracts showed insecticidal activity against the insect. In ingestion toxicity, ethanol extracts of A. squamosa seed and leaf were the most toxic with LC50 values of 0.55 and 0.61% at 3 d followed by acetone extracts of A. squamosa seed (0.71%) and leaf (0.75%). Ethyl acetate extract of A. muricata seed was the least effective against S. oryzae with LC50 value of 12.61% at the same time. Ethanol extracts of A. squamosa seed and leaf also showed the strongest contact toxicity with LC50 values of 0.74 and 0.90% at 3 d followed by acetone extract of A. squamosa leaf (0.93%) and acetone extract of A. reticulata seed (1.03%), respectively. On the contrary, ethyl acetate extract of A. muricata leaf had the least toxicity with LC50 value of 10.86%. In addition, all the plant extracts had high progeny production inhibitory effects with 77.39-100.00%. Ethanol extract of A. squamosa seed gave the highest inhibition rate of progeny production with 95.67-100.00%. Complete inhibition of progeny production was observed from concentrations of 3, 4 and 5%. Ethanol extract of A. squamosa leaf and acetone extracts of A. squamosa seed and leaf also showed the high inhibition rates with 95.67-100.00, 92.14-100.00 and 91.34-100.00%, respectively. Moreover, all the plant extracts significantly reduced weight loss (0.12-16.06%) in rice seeds compared to control (>30.00%). Ethanol extract of A. squamosa seed produced the lowest weight loss (0.12-4.94%) caused by S. oryzae followed by acetone extract of A. squamosa seed and ethanol and acetone extracts of A. squamosa leaf with weight loss of 0.12-5.00, 0.38-5.44 and 0.44-5.56%, respectively. Furthermore, all the plant extracts showed repellent activity against the insect. Ethanol extract of A. squamosa seed gave the strongest repellent activity with 58.1-90.1% mean repellency (class III to V) followed by ethyl acetate extract of A. reticulata seed (67.4-86.9%), ethanol extract of A muricata leaf (52.2-86.8%) and ethanol extract of A. squamosa leaf (69.0-83.7%), respectively. The least repellent activity with mean repellency of 41.8-62.3 (class III to IV) was observed from petroleum ether of A. squamosa leaf. Ethanol and acetone extracts of A. squamosa seed and leaf at concentrations of 0.5, 1, 2, 3, 4 and 5% were selected to valuate effects on riceseed protectant and seed germination monthly up to six months of storage. The selected extracts at all concentrations did not affect the germination of the rice seeds during six months of storage. They protected the rice seeds from S. oryzae for 4 months of storage. Overall the higher concentrations of all tested extracts gave better results than the lower concentrations against the pest. These results suggest that ethanol and acetone extracts of A. squamosa seed and leaf have high potential for development as botanical insecticides for S. oryzae control.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย
คำสำคัญ: ข้าวสังข์หยดพัทลุง
คำสำคัญ (EN): Sang Yod Phattalung rice
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ฤทธิ์ทางชีวภาพของสารสกัดจากใบและเมล็ดพืชในสกุล Annona ต่อการควบคุมด้วงงวงข้าวในข้าวสังข์หยดพัทลุง
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย
30 กันยายน 2557
การศึกษาฤทธิ์ทางชีวภาพของสารสกัดใบกฤษณาเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพ สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากมะดะเพื่อต้านเชื้อ Biopolaris Oryzae สาเหตุโรคใบจุดสีน้ำตาลในข้าว ฤทธิ์ชีวภาพของผงใบน้อยหน่า ใบน้อยโหน่ง และใบทุเรียนเทศ ต่อการควบคุมด้วงงวงข้าว สัณฐานวิทยาของเมล็ดพืชเผ่าเวอร์โนนิอีวงศ์ทานตะวัน ในประเทศไทย ภาชนะรองรับทางชีวภาพอย่างสร้างสรรค์เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน องค์ประกอบทางเคมีและความเป็นพิษของน้ำมันหอมระเหยจากใบชะพลูที่มีต่อด้วงงวงข้าว ฟิล์มวัสดุประกอบชีวภาพเพาะต้นกล้าจากเปลือกข้าวโพด โอเมทีน ผงโปรตีนสูตรครบถ้วนจากพืช ศึกษาประสิทธิภาพของสารธรรมชาติในการควบคุมหอยเชอรี่ ผลของการแช่เมล็ดก่อนเพาะต่อสรีรวิทยาบางประการของข้าวในสภาพเครียดเกลือ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก