บทคัดย่อ: |
ทำการศึกษาในแปลงเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด ตำบลบ้านเสด็จ ตำบลบ้านแลง ตำบลบุญนาคพัฒนา อำเภอเมือง ในปี 2552 พบว่าพื้นที่ปลูกของสถาบันวิจัขฯ ตั้งอยู่บนพิกัด เส้นรุ้ง 18 21 N เส้นแวง 99 36E แหล่งปลูกสับปะรด ต.บ้านเสด็จ ตั้งอยู่บนพิกัดเส้นรุ้งที่ 18 39 N-และเส้นแวงที่ 99 14 E แหล่งปลูก ต. บ้านแลง ตั้งอยู่บนพิกัดเส้นรุ้งที่ 17 29 N- และเส้นแวงที่ 99 0s E แหล่งปลูก ตำบลบุญนาคพัฒนา ตั้งอยู่ บนพิกัดเส้นรุ้งที่ 17 29 N- และเส้นแวงที่ 99 08" E ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางที่ 266 - 275 *0.5 เมตร ชุดดินพื้นที่ เป็นชุดดิน โคราช และห้างฉัตร ลักษณะดินร่วนปนเหนียว สภาพพื้นที่ปลูกเป็น ที่ลาดชันติดภูเขา มีความลาดเทมากกว่า 1.0 % หน้าดินมีโอกาสพังทลายมาก สภาพความเป็นกรค-ด่างของ ดิน (pH) 6.1 -6.9 พื้นที่ปลูกสับปะรดลำปางปี 2552 มีการปลูกสับปะรด 1,753 ราย พื้นที่ปลูก 18,815.50 ไร่ ผลผลิต 54,811 ดัน ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ 2.91 ตัน ปลูกใน 3 อำเภอ โดยอำเภอเมือง ปลูกมากที่สุด (94.67 %) จำนวน 1,393 ราช พื้นที่ปลูก 17,813 ไร่ ให้ผลผลิต 52,010 ตัน ผลผลิตต่อไร่ 2.92 ตัน รองลงมาคือ อำเภอแจ้ห่ม (4.38 %) จำนวน 1 15 ราช พื้นที่ปลูก 8245 ไร่ ให้ผลผลิต 2,250 น ผลผลิตต่อไร่ 2.73 ตัน และอำเภอแม่ เมาะ (0.95 %) จำนวน 45 ราช พื้นที่ปลูก 178 ไร่ ให้ผลผลิต รร1 ตัน ผลผลิตต่อไร่ 3.10 ดัน การประเมินสถานการณ์การผลิตและตลาดสับปะรด ปี 2552 ของอำเภอเมืองลำปาง ผลผลิตที่ออก แบ่งได้ 3 ช่วงเวลาคือ ช่วงก่อนสับปะรดปี เดือน มกราคม-พฤษภาคม 2552 พื้นที่ให้ผลผลิต 3,566 ไร่ ผลผลิต 16,049 ตัน ช่วงสับปะรดปีซึ่งมีผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก จำแนกรายเดือน คือ เดือนมิถุนายน พื้นที่ให้ผลผลิต 2,187 ไร่ ผลผลิต 9,843 ตัน เดือนกรกฎาคม พื้นที่ให้ผลผลิต 1,108 ไร่ ผลผลิต 4,987 ดัน และเดือนสิงหาคม พื้นที่ให้ผลผลิต 633 ไร่ ผลผลิต 2,980 ตัน ช่วงหลังสับปะรดปี เดือนกันยายน - ธันวาคม 2552 พื้นที่ให้ผลผลิต 4,083 ไร่ ผลผลิต 18.241 ตัน ตำบลบ้านเสด็จ เป็นพื้นที่ที่มีการปลูกสับปะรดมากที่สุด ในปี 2552 มีพื้นที่ปลูก จำนวน 13 หมู่บ้าน จากจำนวนทั้งหมด 17 หมู่บ้าน มีฤดูกาลเก็บเกี่ยว 2 ครั้ง คือสับปะรคหยอด 3.843 ไร่ เก็บเกี่ยวเดือนมีนาคม- เมยาขน สับปะรดปี 7,647 ไร่ เก็บเกี่ยวเดือน พฤษภาคม-กรกฎาคม ในการปลูกสับปะรดในพื้นที่ตำบลต่างๆ แล้ว ยังมีการจัดตั้งสหกรณ์ผู้ปลูกสับปะรด จังหวัดลำปาง ซึ่งมีสมาชิก อยู่ในพื้นที่ ตำบลบ้านเสด็จ ตำบลบ้านแลง ตำบลบุญนาคพัฒนา อำเภอเมือง และ ตำบลบ้านดง อำเภอแม่เมาะ ข้อมูลของสหกรณ์ผู้ปลูกสับปะรด จังหวัดลำปาง ปี 2552 จำนวนผู้ปลูกสับปะรดที่เป็น สมาชิก จำนวน 982 ราย มีพื้นที่การผลิต ประมาณ 8.669 ไร่ ให้ผลผลิต 4,640 ไร่ คิดเป็น 53 5 % จำนวนด้น เฉลี่ยต่อไร่ ร,000 ต้น จำนวนด้นทั้งหมดประมาณ 40,257. 580 น มีกำลังการผลิต ประมาณ 32.310 ดันต่อปี มีต้นทุนการผลิตต่อไร่ ประมาณ 15,369 บาท ในปีแรก และประมาณ 7,046 บาท ในปีที่ 2 พื้นที่การปลูกของ กลุ่มสมาชิกใน 4 ตำบล สมาชิกจะแบ่งออกเป็นกลุ่ม จำนวน 15 กลุ่ม ดามพื้นที่ ที่ใกล้เคียงกัน วิถีการตลาดของสับปะรดลำปาง พบว่าเพื่อการจำหน่ายโรงงานแปรรูป 80% (ต่างจังหวัด 76% ภายในจังหวัด 4% และเพื่อการบริโภคสด 20% (ภายในจังหวัด 2% ต่างจังหวัด 18%) การจัดทำคู่มือการจัดการสวนสับปะรดที่ดีและเหมาะสม สำหรับใช้ในแปลงเกษตรกร โดยการ ประยุกต์จากคู่มือ 1. การผลิตสับปะรดที่ดีและเหมาะสม (GAP) 2. ระบบการจัดการคุณภาพ GAP พืช สับปะรดบริโภคสด 3 3. ระบบการจัดการคุณภาพ GAP พืช สับปะรดโรงงาน 4. แบบบันทึก ระบบการ จัดการคุณภาพ : GAP สับปะรดบริโภคสด สำหรับเกษตรกร 5. แบบบันทึก ระบบการจัดการคุณภาพ; GAP สับปะรดโรงงาน สำหรับเกษตรกรสภาพทั่วไปของการจัดการสวนเกษตรกร.ในการปลูกสับปะรดในที่ดินเปิดใหม่ และที่ดินเคิม จะมี การไถคะเพื่อกำจัดหรือกลบวัชพืช เท่านั้น เนื่องจากค่ใช้ง่ายในการเตรียมพื้นที่ค่อนข้างสูง เกษตรกรจะ ดำเนินการเองหลังจากที่ปลูกไปแล้ว เกษตรกรจัดหาหน่อส่วนใหญ่จะเป็นหน่อข้าง ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และไม่มีการคัดแยกขนาดในการปลูก ยกเว้นการปลูกด้วขจุก ไม่มีการให้น้ำรอฤดูฝนเท่านั้น เนื่องจากสภาพ พื้นที่ปลูกเป็นที่ลาดชัด ความลาคเอียงบางพื้นที่มากกว่า 3% ไม่มีการพ่นยาป้องกันวัชพืชก่อนปลูกแต่จะ คำเนินการหลังปลูกเมื่อวัชพืชเริ่ม โต เพราะเกษตรกรจะใช้ยาที่ใช้ฉพาะในสวนสับปะรดที่ร้านค้าท้องถิ่น นำมาขาย ราคาก่อนข้างแพงและจะใช้ควบคู่ไปกับการฆ่าและคุมการงอกของวัชพืช ไม่มีการไส่ปุ๋ยรองพื้น จะให้ปุ๊ยเคมีหลังจากปลูกแล้ว ปีขเคมีที่ใช้ไม่มีการคำนึงถึงการสะสมสารไนเตรท และไนไตรท์ ใบดิน ใน เหล่งน้ำ หรือในผลผลิต ไม่มีการป้องกันศัตรูพืช จะทำการใช้ยาเมื่อพบการระบาด การเก็บเกี่ยวจะยึดตาม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งอาจจะสอดคล้องตามหลักวิชาการ ที่ใช้เวลา 5 - 6 เดือนหลังจากการบังกับดอก วิธีการ เก็บเกี่ยวไม่พิถีพิถันอาจเนื่องจากต้องเก็บเกี่ยวในปริมาณมากในเวลาที่รวคเร็ว หรือค่าจ้างแรงงานในการเก็บ กี่ยวค่อนข้งแพง เช่นสับปะรดปีจะตรงกับเกษตรกรเก็บเกี่ยวข้า และเตรียมปลูกพืชไร่อื่นในฤดูแล้งหรือ ปลูกข้าวนาปรัง ไม่มีการคัดกลุ่มหรือขนาด ยกว้นเพื่อการขายสด จะนำมากองรวมกัน โดยคว่ำจุกลงและ รียงกองรอจำหน่าย หากผลสับปะรดเพื่อการส่งโรงงานจะตัดจุกให้ชิดกับผลเพื่อง่ายในการขนส่ง การ เปรียบเทีขบระหว่าง 2 วิธีการของทั้ง 3 ตำบล การจัดการระบบคุณภาพที่ดีหรือที่กำหนด ทำ ให้ผลผลิตสับปะรด มีแนวโน้มคุณภาพดี ได้แก่ น้ำหนักผล ความสูงของผล เส้นผ่าศูนย์กลางของผล ความ หวาน สภาพความเป็นกรด-ด่าง ปริมาณในเตรท และในไตรท์ ดีกว่าวิธีการปฏิบัติโดยทั่วไปของเกษตรกรทำการศึกษาในสภาพแปลงปลูกศึกษาการใช้น้ำและธาตุอาหารพืช (Lysimeter) ของสับปะรด เพื่อ ศึกษาถึงแนวทางประยุกต์ในการผลิตตามความเหมาะสมเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต พบว่า ในฤดูร้อน (เดือนกุมภาพันธ์ - พฤษภาคม) ปริมาณการใช้น้ำของสับปะรดลดลง เป็นไปได้ว่าในสภาพธรรมชาติเมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนหรือแห้งแล้ง สับปะรดมีการปรับตัวให้เสมือนอยู่ในสภาวะพักตัว โดยรากจะ สร้างสารชนิดหนึ่งชื่อว่า Suberin ขึ้นในราก เมื่อถึงฤดูฝนมาถึง สาร Suberin ในรากสับปะรดก็จะลดลงและ รากก็สามารถดูดน้ำได้ตามปกติ ในฤดูแล้ง จะเห็นได้ว่าสับปะรดในแปลง ช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ในสภาพยืนดันขาดน้ำ และจาก การศึกษาในแปลงศึกยาการใช้น้ำซึ่งมีการให้น้ำทุกวัน แต่ในช่วงเดือน มกราคม ถึง เมยาขน การใช้น้ำต่อ วันน้อข และจะใช้น้ำมากเป็นปกติตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เป็นดันไป ข้อมูลที่ได้นั้นอาจสามารถนำไปอธิบาย การทำสวนสับปะรดในสภาพแปลงทั่วไป เดือนที่สับปะรคใช้น้ำต่อวันน้อย เป็นช่วงฤดูแล้ง ถึงแม้ไม่มีน้ำ แต่สับปะรดไม่ตาย หากมีการให้น้ำแก่สับปะรด ก็อาจจะไม่สามารถใช้ได้ และจะเปลืองน้ำโดยใช่เหตุ และ เป็นการเพิ่มต้นทุนมากขึ้น เพราะสภาพอุณหภูมิของอากาศขังสูง มีการสร้างสาร subein ที่ราก ทำให้ต้นอยู่ ในสภาวะพักตัว เก็บตัวอย่างใบเพื่อหาความสัมพันธ์ของการพัฒนาใบสับปะรดในแต่ละเดือน (พฤษภาคม 2552 - มิถุนายน 2553) ทำการศึกษาความยาวของใบ ความกว้างของใบ (ส่วนที่กว้างที่สุด)ของใบขนาดต่างๆ พบว่า ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ การพัฒนาการสร้างใบ D-leaf ซึ่งเป็นใบที่อยู่บริเวณตอนกลาง พบว่ามีค่ดัชนีพื้นที่ใบ อยู่ระหว่าง 91.22 - 99.6 cm. ฐm และนำใบ มาทำการศึกษาธาตุอาหาร ได้แก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเชี่ยม แคลเซี่ยม แมกนีเชื่ยม พบว่าไม่มีความแดกต่างกันทางสถิติระหว่างฤดูกาล ผลผลิตสับปะรดปี ที่เก็บเกี่ยวในช่วงเดือน มิถุนาขน-สิงหาคม 2552 และ สับปะรดหยอด ที่เก็บ เกี่ยวในเดือน มกราคม - กุมภาพันธ์ 2553 โดยทำการบันทึกน้ำหนักสดของผล ความสูงของผล เส้นผ่าศูนย์กลางของผล เปอร์เซ็นต์ความหวาน สภาพความเป็นกรด-ด่าง การปนเปื้อนสาร ในเตรท และไน ตรท์ ที่มีอยู่ในน้ำคั้นสับปะรด พบว่าไม่มีความแตกต่างกันในทั้ง 2 ฤดูกาลเก็บเกี่ยวอุณหภูมิเฉลี่ย สูงสุด - ต่ำสุด ในรอบวัน ในพื้นที่แปลงปลูกของเกษตรกร ที่ตำบลบ้านเสด็จ ซึ่งมื พื้นที่การปลูกสับปะรดมากที่สุด และถือเป็นตัวแทนของทั้ง 3 ตำบล พบว่าฤดูหนาวฝน อุณหภูมิเฉลี่ย กลางวัน 32 - 34 องศาเซลเซียสอุณหภูมิเฉลี่ย กลางคืน 22 - 24 องศาเซลเชียส ฤดูหนาว อุณหภูมิเฉลี่ย กลางวัน 18 -26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิเลี่ย กลางคืน 19 - 23 องศาเซลเซียส ฤคูหนาวร้อน อุณหภูมิเฉลี่ย กลางวัน 28 - 44 องศาเซลเซียส อุณหภูมิเฉลี่ย กลางคืน 25 - 28 องศาเซลเชียส |
บทคัดย่อ (EN): |
A study was established in 3 pineapple growing areas, Thambon Bansadej, Thambon Banlang and Thambon Bunakpatthana. The geographical characteristics of three locations were collected. Geographical Information System (GIS) explanation, latitudes were located at 18 21 -18 29 N, longitudes 99" 36 - 99 39E, altitudes 275 - 279 t 0.5 meters above sea level and the soil pH ranged 6.1 - 6.9 In the year 2552, it was found that 1,753 farmer families in 3 districts of Lampang province grew pineapple in the total area of 18,815.5 rais, with the estimated yield of 54,811 metric tons, and the average yield was 2.91 metric tons per rai. Muang district had 94.67% of the total growing area with 1,593 farmer families, where the total area was 17,813 rais, with the yield of 52,010 tons, and the average yield was 2.92 tons per rai. Chae-Hom district had 4.387% of the total growing area with 115 farmer families, where the area 824.5 rais, with the yield of 2,250 ton, and the average yield was 2.73 tons per rai. Mae Moh district had 0.95% of the total growing area with 45 farmer families, in which the area was 178 rais, with the yield of 551 tons, and the average yield was 3.10 tons per rai. The yield evaluation and marketing in the 2552 year for pineapple in Muang district was found that the harvesting time could be separated in 3 intervals. Early season (January - May) prodution was harvested in the area of 3,566 rais with the yield of 16,049 tons. Mid season pineapple was in June under the area of 2,187 rais with yield of 9,843 tons, July in the area of 1,108 rais with the yield of 4,987 tons and August on the area of 633 rais with yield of 2,980 tons. Late season (September - December) was harvested on the area of 4,083 rais with the respective yield of 18,241 tons.Thambon Bansadej had the largest growing area which accounted for 13 of the 17 villages. Off season was harvested in March to April under the area of 3,843 rais and pineapple in season was in May to July with 7,647 rais of the harvested area. Lampang pineapple co-operative was established for the farmers in Thambon Bansadej, Thambon Banlang, Thambon Bunakpatthana and Thambon Bandong. The members in 2552 consisted of 982 farmers and were separated in 15 groups. The growing area was 8,669 rais with the astimated total of 40,257,580 plants, average 5,000 plants per rai, and yielded 4,640 rais (53.5 %) with total production of 32,310 tons. The cost of production was 15,369 Bahts per rai for the first year and 7,046 Bahts in the second year. The marketing destination of Lampang pineapple was found that 80% of total production was for the processing industry (76% to other province and 4% within province) and 20% for fresh fruit market (18% to other province and 2% within province).A practical manual for Lampang pineapple plantation was construeted by modifying from standard pineapple manuals, such as, GAP for Pineapple, Quality management system for industry pineapple and Quality management system for fresh pineapple. Lysimeter grown pineapple for water consumption was investigated. The result suggested that in dry season (February to May) water use was decreased because of root dormancy. Roots produced a suberin-like substance in dry season and it was decreased in rainy season. The growth behavior of pineapple leaf from May 2552 to June 2553 was not statistically different in terms of length and width of lear. D-leaf of pineapple was shown to have specific leaf area of 91.22 - 99.6 cm gm and there were no statistically differences in leaf nitrogen, phosphorus, potassium, calcium or magnesium contents. In season (June to August) and off season (January to February) yields were investigated and there were no statistically differences in fruit fresh weight, height, diameter, % brix, pH, nitrate or nitrite contamination in fruit juice. The average field temperatures in Thambon Bansadej were found that in rainy season the average day temperature was 32 - 34 C and night temperature was 22 - 24 C. Im cool - season the average day temperature was 18 - 26 C and night temperature was 19-23C. In Summer, the average day temperature was 28 - 44 "C and night temperature was 25 - 28 C. |