สืบค้นงานวิจัย
เทคนิคการตรวจสอบยางไหลภายในผลมังคุดแบบไม่ทำลายโดยวิธีการวัดการดูดกลืนพลังงานแสงในช่วงความยาวคลื่นที่ตามองเห็นและช่วงใกล้อินฟราเรด
สนธิสุข ธีระชัยชยุติ - สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
ชื่อเรื่อง: เทคนิคการตรวจสอบยางไหลภายในผลมังคุดแบบไม่ทำลายโดยวิธีการวัดการดูดกลืนพลังงานแสงในช่วงความยาวคลื่นที่ตามองเห็นและช่วงใกล้อินฟราเรด
ชื่อเรื่อง (EN): Non-destructive Technique for Detection of Gamboge in Mangosteen by VIS-NIR Spectroscopy
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: สนธิสุข ธีระชัยชยุติ
บทคัดย่อ: เนื่องจากปัญหาอาการยางไหลภายในมังคุดเป็นปัญหาด้านคุณภาพที่มีผลกระทบต่อการส่งออก ดังนั้น การตรวจสอบเพื่อคัดแยกมังคุดยางไหลจึงมีความต้องการในปัจจุบัน เพื่อให้ได้ข้อมูลไปใช้งานในการออกแบบเครื่องมือคัดแยกมังคุดยางไหลแบบไม่ทำลาย งานวิจัยนี้จึงได้ทำการศึกษาคุณสมบัติทางสรีรศาสตร์ของมังคุดที่มีอาการยางไหลเปรียบเทียบกับคุณสมบัติของมังคุดปกติ จากผลการศึกษาพบว่า ปริมาณของแข็งที่ละลายน้ำได้ทั้งหมดของกลุ่มมังคุดยางไหลจะต่ำกว่าของกลุ่มมังคุดปกติ ขณะที่ค่าความเป็นกรดของกลุ่มมังคุดยางไหลจะสูงกว่าของกลุ่มมังคุดปกติ และค่าความหนาแน่นของกลุ่มมังคุดยางไหลพบว่ามีค่าสูงกว่าของกลุ่มมังคุดปกติ เมื่อพิจารณาการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติตามเวลาของการเก็บรักษา พบว่าค่าความหนาแน่นของมังคุดจะลดลงตามเวลาที่เก็บรักษาโดยค่าความหนาแน่นของมังคุดยางไหลจะมีค่ามากกว่าของผลมังคุดปกติในทุกช่วงเวลา นอกจากนี้ มังคุดยางไหลที่มีระดับความรุนแรงมากกว่าจะมีค่าความหนาแน่นที่มากกว่าด้วย และพบว่าค่าการสูญเสียน้ำหนักของมังคุดจะเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาของการเก็บรักษา โดยมังคุดยางไหลจะมีค่าการสูญเสียน้ำหนักน้อยกว่ามังคุดปกติ นอกจากนี้ยังพบว่ามังคุดยางไหลที่มีระดับความรุนแรงมากกว่าจะมีค่าการสูญเสียน้ำหนักที่มากกว่าเช่นกัน อาการยางไหลไม่สามารถคัดแยกได้ด้วยการตาเปล่า ดังนั้น เทคนิคการใช้แสงช่วงความยาวคลื่นที่ตามองเห็นและช่วงใกล้อินฟราเรดจึงถูกนำมาใช้เพื่อตรวจสอบอาการยางไหลแบบไม่ทำลายในงานวิจัยนี้ มังคัดวัย 3-4 ถูกนำมาตรวจวัดด้วยเครื่องมือวัดการดูดกลืนแสงแบบทะลุผ่าน 2 แบบในสองช่วงความยาวคลื่น (400-600 นาโนเมตร และ 655-955 นาโนเมตร) มังคุดจำนวน 300 ตัวอย่างถูกนำมาใช้สำหรับการศึกษา (150 ตัวอย่าง สำหรับการวัดในช่วงแสงความยาวคลื่นที่ตามองเห็นและ150 ตัวอย่าง สำหรับการวัดในช่วงแสงความยาวคลื่นใกล้อินฟราเรด) มังคุดแต่ละตัวอย่างทำการวัด 4 จุดรอบๆกึ่งกลางผลระยะห่างทุกๆ 90 องศา แบ่งกลุ่มมังคุดออกเป็น กลุ่มมังคุดปกติและกลุ่มมังคุดยางไหล โดยอาการผิดปกติภายในมังคุดอื่นๆ ได้แก่ อาการเนื้อแก้วและเปลือกแข็งไม่นำมาพิจารณาในงานวิจัยนี้ ในการวิเคราะห์ใช้ข้อมูลสเปกตรัมเฉลี่ยของแต่ละตัวอย่าง โดยผลวิเคราะห์ที่ดีที่สุดสำหรับการใช้แสงช่วงความยาวคลื่นที่ตามองเห็นคือการใช้ข้อมูลดิบที่ได้จากการวัด ขณะที่การปรับแต่งข้อมูลด้วยวิธี MSC ให้ผลการวิเคราะห์ที่ดีที่สุดสำหรับการใช้แสงช่วงใกล้อินฟราเรด ในการพิจารณาความแตกต่างของกลุ่มมังคุดยางไหลและกลุ่มมังคุดปกติใช้ PCA ในการวิเคราะห์ จากผลวิเคราะห์พบว่าไม่สามารถแยกกลุ่มทั้งสองได้อย่างสมบูรณ์แต่พบว่า การใช้แสงช่วงความยาวคลื่นที่ตามองเห็นสามารถแยกกลุ่มได้ดีกว่าการใช้แสงช่วงใกล้อินฟราเรดเนื่องจากมีบริเวณที่ทับซ้อนกันของทั้งสองกลุ่มน้อยกว่า ใช้เมื่อนำสมการสำหรับการคัดแยกกลุ่มมาพิจารณาความสามารถในการคัดแยก พบว่าที่ความยาวคลื่น 465 นาโนเมตร มีความสำคัญที่สุดสำหรับการใช้แสงช่วงความยาวคลื่นที่ตามองเห็นและที่ความยาวคลื่น 675 นาโนเมตร มีความสำคัญที่สุดสำหรับการใช้แสงช่วงใกล้อินฟราเรด ผลการคัดแยกโดยวิธี leave-one-out cross validation พบว่ามีความแม่นยำ 89.3 % และ 81.3 % สำหรับการใช้แสงช่วงความยาวคลื่นที่ตามองเห็นและการใช้แสงช่วงใกล้อินฟราเรดตามลำดับ งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าการใช้เทคนิคการดูดกลืนแสงแบบทะลุผ่านช่วงความยาวคลื่นที่ตามองเห็นสำหรับการตรวจสอบอาการยางไหลในมังคุดมีความเป็นไปได้และได้ผลดีกว่าการใช้เทคนิคการดูดกลืนแสงแบบทะลุผ่านช่วงความยาวคลื่นใกล้อินฟราเรด
บทคัดย่อ (EN): Due to an internal disorder called ‘gamboge’ affects the quality of mangosteen for export. Therefore inspection for sorting gamboge mangosteen is required. In order to obtain the information for designing the non-destructive sorting equipment, the physiological properties of gamboges mangosteen were studied and compared to sound mangosteen in this research. The result showed that total soluble solids content (SSC) of gamboge mangosteen group was less than sound mangosteen group’s. While titratable acidity of gamboge mangosteen group was higher than those of sound mangosteen group and density of gamboge mangosteen was higher than sound mangosteen’s. For investigate the properties of mangosteen with storage time, the density of mangosteen was reduced with time and the density of gamboges mangosteen was higher than sound mangosteen’s in every period of time. Not only that, the density of mangosteen with higher gamboge severity was higher than those of mangosteen with lower gamboge severity. We found that the weight loss of mangosteen was increased with storage time. The weight loss of gamboge mangosteen was increased with time and the weight loss of gamboges mangosteen was lower than sound mangosteen’s in every period of time. Moreover, the weight loss of mangosteen with higher gamboge severity was higher than those of mangosteen with lower gamboge severity. Gamboge disorder cannot be sorted by normal visual inspection. Therefore, application of visible and SW-NIR techniques were considered to detect gamboge in intact mangosteen fruits nondestructively in this research. Mangosteen fruits with maturity stages of 3-4 were scanned by two types of transmittance spectrophotometers at two wavelength regions (400-600 nm and 655-955 nm). Total of 300 samples were used for this study (150 samples for visible measurement and 150 samples for SW-NIR measurement). Each sample was measured at 4 points around the fruit at the equatorial points 90o apart. Mangosteen fruits were divided for a group of sound samples and a group of gamboge sample. Samples with other internal defects such as translucent flesh and hardening pericarp were not considered in this research. Four raw spectra of each sample were averaged for this analysis. The optimum result obtained by using original spectra for visible spectroscopy and the spectra pretreated with MSC method was showed to give the best result for NIR spectroscopy. To provide a differentiation between gamboge and sound samples, a principal component analysis (PCA) was considered. Although there is not a complete separation between clusters, the discrimination of clusters in visible spectroscopy looks better than those in NIR spectroscopy as there is less overlap of clusters in score plot. To investigate the performance of discrimination, the canonical discriminant functions were considered. The most impact wavelengths were found at 465 nm for visible spectrophotometer and 675 nm for NIR spectrophotometer. The classification results obtained by leave-one-out cross validation offered the accuracy of 89.3 % and 81.3 % for visible spectrophotometer and NIR spectrophotometer respectively. This research demonstrated that the visible transmittance spectroscopy is feasible to detect gamboge mangosteen fruits with better results compared with NIR transmittance spectroscopy.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
คำสำคัญ: วิจัย
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
เทคนิคการตรวจสอบยางไหลภายในผลมังคุดแบบไม่ทำลายโดยวิธีการวัดการดูดกลืนพลังงานแสงในช่วงความยาวคลื่นที่ตามองเห็นและช่วงใกล้อินฟราเรด
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
2553
เทคนิคการตรวจสอบยางไหลภายในผลมังคุดแบบไม่ทำลายโดยวิธีการวัดการดูดกลืนพลังงานแสงในช่วงความยาวคลื่นที่ตามองเห็นและช่วงใกล้อินฟราเรด : รายงานการวิจัย การตรวจสอบคุณภาพภายในของผลสับปะรดแบบไม่ทำลายโดยวิธีการดูดกลืนพลังงานแสงในช่วงความยาวคลื่นใกล้อินฟราเรดช่วงคลื่นสั้นแบบทะลุผ่าน เทคนิคการตรวจสอบเปลือกแข็งในมังคุดแบบไม่ทำลายโดยวิธีการวัดการดูดกลืนแสงในย่านใกล้อินฟราเรด การทำนายคุณภาพของข้าวโพดหวานแบบไม่ทำลายโดยเทคนิควิเคราะห์ภาพการดูดกลืนพลังงานแสงย่านใกล้อินฟราเรดความละเอียดสูง อบแห้งยางแผ่นด้วยห้องอบพลังงานแสงอาทิตย์ระบบ Hybrid การใช้เทคนิคพิมพ์ปากและแบบจำลองเพื่อวัดการไหลของของเหลวในชั้นเนื้อฟันมนุษย์ การพัฒนากระบวนการผลิตกล้วยตากแบบต่อเนื่องด้วยตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับพลังงานไฟฟ้า ผลของกรรมวิธีการผลิตต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์หางไหล ตู้อบแห้งปลาแก้วพลังงานแสงอาทิตย์ อุณหภูมิและพลังงานแสง ที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของถั่วเขียว
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก