สืบค้นงานวิจัย
การวิเคราะห์ linkage โดยใช้เครื่องหมายดีเอ็นเอบนโครโมโซมคู่ที่ 11 ในโรคต้อหินชนิดมุมปิด
Pattama Wiriyasermkul - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การวิเคราะห์ linkage โดยใช้เครื่องหมายดีเอ็นเอบนโครโมโซมคู่ที่ 11 ในโรคต้อหินชนิดมุมปิด
ชื่อเรื่อง (EN): Linkage analysis using DNA markers on chromosome 11 in primary angle-closure glaucoma
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Pattama Wiriyasermkul
บทคัดย่อ: ปัจจัยทางพันธุกรรมเป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคต้อหิน งานวิจัยส่วนใหญ่ จึงมุ่งที่จะค้นหายีนที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคนี้ ปัจจุบันได้มีการศึกษายีนที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคต้อหินชนิดมุมเปิดและโรคต้อหินชนิดที่เป็นแต่กำเนิด แต่ยีนที่เกี่ยวข้องกับการเกิดต้อหินชนิดมุมปิด (PACG) ยังไม่มีผู้ศึกษาในรายละเอียด จากการศึกษาในผู้ที่มีขนาดลูกตาเล็กกว่าปกติ แต่ขนาดโครงสร้างภายในลูกตาปกติ หรือที่เรียกว่า nanophthalmos พบว่าสามารถเกิดโรคต้อหินชนิดมุมปิดได้ง่ายกว่าคนปกติ การวิเคราะห์โดยใช้เครื่องหมายดีเอ็นเอซึ่งอยู่บนโครโมโซมคู่ที่ 11 ที่ครอบคลุมบริเวณที่ให้ชื่อว่า NNO1 locus พบว่า D11S903 ให้ค่า LOD score มากที่สุดเท่ากับ 5.92 งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ linkage โดยใช้เครื่องหมายดีเอ็นเอบนโครโมโซมคู่ที่ 11 ที่ครอบคลุม NNO1 locus ในโรคต้อหินชนิดมุมปิด เพื่อเป็นแนวทางในการค้นหายีนที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคต้อหินชนิดนี้ การวิเคราะห์ linkage เริ่มจากการสกัดดีเอ็นเอจากตัวอย่างเลือดของสมาชิกในครอบครัวที่มีประวัติเป็นโรคต้อหินชนิดมุมปิด จำนวน 66 คน จาก 6 ครอบครัว จากนั้นเครื่องหมายดีเอ็นเอ 5 ตำแหน่งบนโครโมโซมคู่ที่ 11 ได้แก่ D11S905 D11S903 D11S1313 D11S4191 และ D11S987 จะถูกเพิ่มปริมาณโดยวิธี polymerase chain reaction ในหลอดทดลอง และ นำมาวิเคราะห์เพื่อหาความยาวของดีเอ็นเอที่เพิ่มจำนวนขึ้นโดยใช้เครื่องอัตโนมัติ (automated DNA sequencer) ขนาดเครื่องหมายดีเอ็นเอที่ได้จะนำมาวิเคราะห์ haplotype และคำนวณค่า LOD score โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปคือ LINKAGE และ MENDEL ผลของ haplotype พบว่า D11S903 ใน 3 ครอบครัว และ D11S1313 ใน 1 ครอบครัว ไม่สามารถให้ข้อมูล (non-informative) การคำนวณค่า LOD score ทำเฉพาะใน 4 ครอบครัวที่ได้กำหนดให้มีลักษณะการถ่ายทอดทางพันธุกรรมของโรคต้อหินชนิดมุมปิดแบบ autosomal dominant ภายใต้การแสดงออกอย่างสมบูรณ์ (complete penetrance) และ การแสดงออกที่ขึ้นกับอายุ (age-dependent penetrance) ผลการศึกษานี้ไม่พบ linkage ของเครื่องหมายดีเอ็นเอบนโครโมโซมคู่ที่ 11 ที่ครอบคลุม NNO1 locus ในโรคต้อหินชนิดมุมปิด อย่างไรก็ดีตัวอย่างดีเอ็นเอที่ได้จากการศึกษานี้ สามารถนำไปใช้เพื่อค้นหายีนที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคต้อหินชนิดมุมปิดด้วยวิธีอื่นๆต่อไปในอนาคต
บทคัดย่อ (EN): = 0.01) of 5 STR markers were obtained. In addition, no evidence of linkage between NNO1 locus and PACG including occludable angle were observed. From the results, linkage between PACG and NNO1 locus was not demonstrated suggesting that the affected families in this study may have genetic heterogeneity of PACG. Nonparametric linkage or linkage analysis using other locus will be required to identify the linked locus for PACG
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=2117&obj_id=1530
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Microsatellites (Genetics)
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: ปัจจัยทางพันธุกรรมเป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคต้อหิน งานวิจัยส่วนใหญ่ จึงมุ่งที่จะค้นหายีนที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคนี้ ปัจจุบันได้มีการศึกษายีนที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคต้อหินชนิดมุมเปิดและโรคต้อหินชนิดที่เป็นแต่กำเนิด แต่ยีนที่เกี่ยวข้องกับการเกิดต้อหินชนิดมุมปิด (PACG) ยังไม่มีผู้ศึกษาในรายละเอียด จากการศึกษาในผู้ที่มีขนาดลูกตาเล็กกว่าปกติ แต่ขนาดโครงสร้างภายในลูกตาปกติ หรือที่เรียกว่า nanophthalmos พบว่าสามารถเกิดโรคต้อหินชนิดมุมปิดได้ง่ายกว่าคนปกติ การวิเคราะห์โดยใช้เครื่องหมายดีเอ็นเอซึ่งอยู่บนโครโมโซมคู่ที่ 11 ที่ครอบคลุมบริเวณที่ให้ชื่อว่า NNO1 locus พบว่า D11S903 ให้ค่า LOD score มากที่สุดเท่ากับ 5.92 งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ linkage โดยใช้เครื่องหมายดีเอ็นเอบนโครโมโซมคู่ที่ 11 ที่ครอบคลุม NNO1 locus ในโรคต้อหินชนิดมุมปิด เพื่อเป็นแนวทางในการค้นหายีนที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคต้อหินชนิดนี้ การวิเคราะห์ linkage เริ่มจากการสกัดดีเอ็นเอจากตัวอย่างเลือดของสมาชิกในครอบครัวที่มีประวัติเป็นโรคต้อหินชนิดมุมปิด จำนวน 66 คน จาก 6 ครอบครัว จากนั้นเครื่องหมายดีเอ็นเอ 5 ตำแหน่งบนโครโมโซมคู่ที่ 11 ได้แก่ D11S905 D11S903 D11S1313 D11S4191 และ D11S987 จะถูกเพิ่มปริมาณโดยวิธี polymerase chain reaction ในหลอดทดลอง และ นำมาวิเคราะห์เพื่อหาความยาวของดีเอ็นเอที่เพิ่มจำนวนขึ้นโดยใช้เครื่องอัตโนมัติ (automated DNA sequencer) ขนาดเครื่องหมายดีเอ็นเอที่ได้จะนำมาวิเคราะห์ haplotype และคำนวณค่า LOD score โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปคือ LINKAGE และ MENDEL ผลของ haplotype พบว่า D11S903 ใน 3 ครอบครัว และ D11S1313 ใน 1 ครอบครัว ไม่สามารถให้ข้อมูล (non-informative) การคำนวณค่า LOD score ทำเฉพาะใน 4 ครอบครัวที่ได้กำหนดให้มีลักษณะการถ่ายทอดทางพันธุกรรมของโรคต้อหินชนิดมุมปิดแบบ autosomal dominant ภายใต้การแสดงออกอย่างสมบูรณ์ (complete penetrance) และ การแสดงออกที่ขึ้นกับอายุ (age-dependent penetrance) ผลการศึกษานี้ไม่พบ linkage ของเครื่องหมายดีเอ็นเอบนโครโมโซมคู่ที่ 11 ที่ครอบคลุม NNO1 locus ในโรคต้อหินชนิดมุมปิด อย่างไรก็ดีตัวอย่างดีเอ็นเอที่ได้จากการศึกษานี้ สามารถนำไปใช้เพื่อค้นหายีนที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคต้อหินชนิดมุมปิดด้วยวิธีอื่นๆต่อไปในอนาคต
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การวิเคราะห์ linkage โดยใช้เครื่องหมายดีเอ็นเอบนโครโมโซมคู่ที่ 11 ในโรคต้อหินชนิดมุมปิด
Pattama Wiriyasermkul
มหาวิทยาลัยมหิดล
2547
การศึกษา polymorphism ของไมโทคอนเดรียลดีเอ็นเอบริเวณ coding region และการประยุกต์ใช้ทางนิติวิทยาศาสตร์ การพิสูจน์ยืนยันดีเอ็นเอของไก่ โดยใช้ไพรเมอร์ ที่จำเพาะต่อยีนไซโตโครม บี การศึกษากลไกลการยับยั้งเชื้อไวรัสก่อโรคเริมชนิดที่ 1 และ 2 ในหลอดทดลอง โดยสมุนไพรบนที่สูงบางชนิด การจัดเรียงตัวของยีนและการเกิดดีเอ็นเอเมทิลเลชั่นบนโปรโมเตอร์ในพืชที่ผ่านกระบวนการถ่ายยีน ความผันแปรของโครโมโซมเอ็กซ์ วาย และดีเอ็นเอไมโทคอนเดรียของกลุ่มชนที่พูดภาษาตระกูลไทในภาคเหนือของประเทศไทย การถ่ายทอดเครื่องหมายอาร์เอพีดีในปลาดุกด้าน (Clarias batrachus Linnaeus) การวิเคราะห์หาชนิดของเอนไซม์เบต้า การวิเคราะห์แอนติเจนชนิดสกัดอย่างหยาบและชนิดสารคัดหลั่งจากพยาธิหัวใจสุนัขระยะตัวเต็มวัยต่อแอนติบอดีต่อโรค ผลของความเค็มและอุณหภูมิต่อการผลิตกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงชนิดดีเอชเอ โดย Schizochytrium spp การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความแปรผันของยีน CTLA-4. TAB2 และโรคเบาหวานชนิดชนิดที่ 1 ในประชากรไทย
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก