สืบค้นงานวิจัย
สภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมของเกษตรกรอำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์
อำพร สุระเสียง - กรมส่งเสริมการเกษตร
ชื่อเรื่อง: สภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมของเกษตรกรอำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: อำพร สุระเสียง
บทคัดย่อ: การศึกษาเรื่อง สภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมของเกษตรกรอำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานด้านเศรษฐกิจและสังคมบางประการของเกษตรกร ศึกษาสภาพการปลูกหม่อนและเลี้ยงไหมของเกษตรกร และปัญหา อุปสรรคในการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ศึกษาจากกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ปี 2546 จำนวน 243 ราย เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป ค่าสถิติที่ใช้คือค่าความถี่ ค่า ร้อยละ ค่าสูงสุด ค่าต่ำสุด ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาพบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่ เป็นหญิง มีอายุเฉลี่ย 47.3 ปี ส่วนใหญ่จบการศึกษาในระดับประถมศึกษา มีจำนวนสมาชิกในครัวเรือนเฉลี่ย 4.7 คน มีจำนวนแรงงานด้านการเกษตรโดยเฉลี่ย 3.0 คน มีรายได้จากภาคการเกษตรโดยเฉลี่ย 40,150 บาทต่อครอบครัวต่อปี มีรายได้นอกภาคการเกษตรเฉลี่ย 9,420 บาทต่อครอบครัวต่อปี ส่วนใหญ่หรือคิดเป็นร้อยละ 68.7 เคยเข้ารับการฝึกอบรมด้านการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม มีขนาดพื้นที่ปลูกหม่อนโดยเฉลี่ย ร้อยละ 1.2 ไร่ ส่วนใหญ่ปลูกหม่อนพันธุ์ส่งเสริม ได้แก่ พันธุ์บุรีรัมย์ 60 ปลูกโดยวิธีตัดท่อนพันธุ์แล้วปลูกทันที มีการตัดแต่งกิ่งหม่อนโดยวิธีตัดต่ำ ปีละ 1 ครั้ง ไม่มีการให้น้ำแปลงหม่อน (อาศัยฝนอย่างเดียว) บำรุงรักษาแปลงหม่อนโดยใส่ปุ๋ยทั้งปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก และปุ๋ยเคมี กำจัดวัชพืชโดยใช้แรงงานคน ไม่มีการใช้สารเคมีในแปลงหม่อน แปลงหม่อนมีอายุโดยเฉลี่ย 5.3 ปี เกษตรกรมากกว่าครึ่งหนึ่ง มีวิธีการเลี้ยงไหมแบบดั้งเดิม (แบบกางมุ้ง) และไม่มีห้องเลี้ยงไหม เลี้ยงไหมเฉลี่ย 6.8 รุ่นต่อปี มากกว่าครึ่งหนึ่งเลี้ยงไหมพันธุ์ส่งเสริม ได้แก่ พันธุ์ กสก.8 และพันธุ์ดอกบัว เกษตรกร มีวัตถุประสงค์ในการเลี้ยงไหมเพื่อทอผ้าใช้เองและจำหน่าย เกษตรกรส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 69.5 ระบุว่า ปริมาณใบหม่อนเพียงพอ มีวิธีการให้ใบหม่อนแก่ไหมวัยอ่อนโดยหั่นใบหม่อนก่อนให้ สำหรับไหมวัยแก่จะให้ทั้งใบและกิ่งหม่อน โดยส่วนใหญ่ให้ 3 ครั้งต่อวัน ส่วนใหญ่ใช้สารเคมีในการเลี้ยงไหมบางรุ่น และทุกรุ่นไม่ใช้แกลบเผาโรยตัวไหม มีรายได้จากการเลี้ยงไหมเฉลี่ย 9,591 บาทต่อรายต่อปี เกษตรกรส่วนใหญ่มีปัญหาในการปลูกหม่อนในด้านต้นหม่อนเป็นโรครากเน่า และต้นหม่อนกระทบฝนแล้ง ส่วนใหญ่มีปัญหาในการเลี้ยงไหม ได้แก่ ไหมเป็นโรคแกรสเชอรรี่ (โรคเต้อ) ไหมไม่ทำรัง ไหมเป็นโรคเพบริน (โรคเน่า) และ ไหมเป็นโรคเฟรสเชอรรี่ (โรคหัวส่อง) และไหมเป็นโรคมัสคาดีน (โรคตายแห้ง) ตามลำดับ โดยมีข้อเสนอแนะคือเห็นควรจัดสร้างแปลงหม่อนรวม และจัดหาแหล่งน้ำสำหรับแปลงหม่อน
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมส่งเสริมการเกษตร
คำสำคัญ: หม่อนไหม
หมวดหมู่ AGRIS:
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
สภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมของเกษตรกรอำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์
กรมส่งเสริมการเกษตร
2547
สภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมของเกษตรกร จังหวัดชุมพร สภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและความต้องการการส่งเสริม ของเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมอุตสาหกรรม ที่ดำเนินโครงการแปลงใหญ่หม่อนไหม กรณีศึกษาจังหวัดมุกดาหาร จังหวัดอุทัยธานี จังหวัดน่าน และจังหวัดอุดรธานี สภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมของเกษตรกร อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม สภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมของเกษตรกรอำเภอประทาย จังหวัดนครราชสีมา สภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมของเกษตรกรในอำเภอโนนแดง จังหวัดนครราชสีมา การระบุเครื่องหมายโมเลกุลที่สัมพันธ์กับกลไกการตอบสนองต่อความเค็มของหม่อน สภาพการเลี้ยงไหมของเกษตรกรในอำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ สภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมของเกษตรกร ตำบลขามสมบูรณ์ อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา สภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมของเกษตรกรตำบลวังไชย อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม สภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ของเกษตรกรตำบลหินตั้ง อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก