สืบค้นงานวิจัย
การกำหนดปริมาณและช่วงเวลาการให้น้ำชลประทานที่เหมาะสมในการปลูกข้าวโพดหวาน โดยใช้โปรแกรม CROPWAT จังหวัดกาญจนบุรี
สุลาวัลย์ สุทธิวรวงศ์ - กรมพัฒนาที่ดิน
ชื่อเรื่อง: การกำหนดปริมาณและช่วงเวลาการให้น้ำชลประทานที่เหมาะสมในการปลูกข้าวโพดหวาน โดยใช้โปรแกรม CROPWAT จังหวัดกาญจนบุรี
ชื่อเรื่อง (EN): Quantity and Interval of Optimum Irrigation for Sweet Corn by CROPWAT at Kanchanaburi Province.
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: สุลาวัลย์ สุทธิวรวงศ์
ผู้ร่วมงาน / ผู้ร่วมวิจัย:
คำสำคัญ:
คำสำคัญ (EN):
บทคัดย่อ: การกำหนดปริมาณและช่วงเวลาการให้น้ำชลประทานที่เหมาะสมในการปลูกข้าวโพดหวาน โดยใช้โปรแกรม CROPWAT จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อกำหนดปริมาณและช่วงเวลาการให้น้ำที่เหมาะสมของชุดดินตัวแทน กลุ่มชุดดินสำหรับปลูกข้าวโพดหวานในจังหวัดกาญจนบุรี เป็นการรวบรวมข้อมูลจากรายงานแผนที่ดิน แผนที่กลุ่มชุดดิน การใช้ประโยชน์ที่ดิน ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ และแบบจำลองการใช้น้ำ ร่วมกับการเก็บข้อมูลจากการทำแปลงของเกษตรกรประมวลผลร่วมกัน กลุ่มชุดดินที่ปลูกข้าวโพดหวานที่มีค่าความจุความชื้นที่เป็นประโยชน์สูงที่สุด คือ กลุ่มชุดดินที่ 7 มีค่าเป็น 141.7 มม/ม. ค่าอัตราการซาบซึมน้ำฝนสูงสุดเป็น 95 มม./วัน และมีความชื้นดินที่ยอมให้พืชเอไปใช้ได้เป็น 70.8 มม /ม. กลุ่มชุดดินที่ปลูกข้าวโพดหวานที่มีค่าความจุความชื้นที่เป็นประโยชน์ต่ำที่สุด คือ กลุ่มชุดดินที่ 44 มีค่าเป็น 44.4 มม./ม. ค่าอัตราการซาบซึมน้ำฝนสูงสุดเป็น 300 มม./วัน และมีความชื้นดินที่ยอมให้พืชเอาไปใช้ได้เป็น 22.2 มม/ม. ในแปลงทดสอบที่ 1 ชุดดินลพบุรี (Lb-br) มีค่าความจุความชื้นที่เป็นประโยชน์เป็น 50.77 มม/ม. ค่าอัตราการซาบซึมน้ำฝนสูงสุดเป็น 37.65 มม./วัน และมีความชื้นดินที่ยอมให้พืชเอาไปใช้ได้เป็น 25.4 มม/ม. และในแปลงทดสอบที่ 2 ชุดดินเขาพลอง (Kp3) มีค่าความจุความชื้นที่เป็นประโยชน์เป็น 47.15 มม/ม. ค่าอัตราการซาบซึมน้ำฝนสูงสุดเป็น 133.43 มม./วัน และมีความชื้นดินที่ยอมให้พืชเอาไปใช้ได้เป็น 23.6 มม./ม. การคำนวณปริมาณและรอบการให้น้ำชลประทานบนกลุ่มชุดดินที่ปลูกข้าวโพดหวาน เริ่มปลูกวันที่ 1 มีนาคม เก็บเกี่ยว 14 พฤษภาคม โดยมีรูปแบบการให้น้ำในแต่ละครั้งเมื่อปริมาณน้ำที่เป็นประโยชน์ต่อพืชลดลง 30% และมีการให้น้ำชลประทานเพิ่มในแต่ละครั้งเป็นปริมาณ 100% ของปริมาณน้ำที่เป็นประโยชน์ต่อพืช พบว่า มีปริมาณฝนทั้งหมดเป็น 277.- มม. และมีอัตราการคายระเหยน้ำของข้าวโพดหวานเป็น 292.3 มม. กลุ่มชุดดินที่คำนวณปริมาณน้ำฝนที่พืชนำไปใช้ได้สูงสุดคือกลุ่มชุดดินที่ 7 (Np) กลุ่มชุดดินที่ 31 (Wi) และกลุ่มชุดดินที่ 52 (Tk) โดยมีปริมาณน้ำฝนที่ใช้ได้เท่ากันเป็น 131.7 มม. ต้องมีการให้น้ำชลประทานเพิ่มเท่ากันจำนวน 11 ครั้ง และใช้ปริมาณน้ำเป็น 177.2 177.0 และ 177.2 มม. ตามลำดับ ซึ่งกลุ่มชุดดินที่ต้องจัดสรรปริมาณน้ำเพิ่มให้กับข้าวโพดหวานน้อยที่สุดคือ กลุ่มชุดดินที่ 31 ชุดดินวังไฮ (W) เป็นชุดดินตัวแทน มีปริมาณน้ำฝนที่ใช้ได้เป็น 131.70 มม. ต้องมีการให้น้ำชลประทานเพิ่มจำนวน 1 1 ครั้ง แต่ใช้ปริมาณน้ำเพียง 177 มม. และเกษตรกรมีการจัดการน้ำในแปลงทดสอบที่ 1 และแปลงที่ 2 ทั้งหมด 15 และ 25 ครั้ง คิดเป็นปริมาณน้ำที่ใช้ตลอดฤดูปลูกประมาณ 450 และ 525 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่ การคำนวณปริมาณและรอบการให้น้ำชลประทานบนกลุ่มชุดดินที่ปลูกข้าวโพดหวาน เริ่มปลูกวันที่ 10 พฤศจิกายน เก็บเกี่ยว 23 มกราคม โดยมีรูปแบบการให้น้ำในแต่ละครั้งเมื่อปริมาณน้ำที่เป็นประโยชน์ต่อพืชลดลง 30% และมีการให้น้ำชลประทานเพิ่มในแต่ละครั้งเป็นปริมาณ 100% ของปริมาณน้ำที่เป็นประโยชน์ต่อพืช พบว่า มีปริมาณฝนทั้งหมดเป็น 16.70 มม. และมีอัตราการคายระเหยน้ำของข้าวโพดหวานเป็น 228.9 มม. กลุ่มชุดดินที่คำนวณปริมาณน้ำฝนที่พืชนำไปใช้ได้สูงสุดคือกลุ่มชุดดินที่ 21 (Sa) กลุ่มชุดดินที่ 28 (Lb) กลุ่มชุดดินที่ 36 (Si) กลุ่มชุดดินที่ 54 (Ln) และกลุ่มชุดดินที่ 56 (Ly โดยมีปริมาณน้ำฝนที่ใช้ได้เท่ากันเป็น 11.6 มม. ต้องมีการให้น้ำชลประทานเพิ่มเท่ากันจำนวน 18 ครั้ง และใช้ปริมาณน้ำเป็น 224.4 224.2 224.3 224.7 และ 232.2 มม. ตามลำดับ ซึ่งกลุ่มชุดดินที่ต้องจัดสรรปริมาณน้ำเพิ่มให้กับข้าวโพดหวานน้อยที่สุดคือ กลุ่มชุดดินที่ 28 ชุดดินลพบุรี (Lb) เป็นชุดดินตัวแทน มีปริมาณน้ำฝนที่ใช้ได้เป็น 1 1.6 มม. ต้องมีการให้น้ำชลประท่านเพิ่มจำนวน 18 ครั้ง แต่ช้ปริมาณน้ำเพียง 224.2 มม. และเกษตรกรมีการจัดการน้ำในแปลงทดสอบที่ 1 และแปลงที่ 2 ทั้งหมด 19 และ 37 ครั้ง คิดเป็นปริมาณน้ำที่ใช้ตลอดฤดูปลูกประมาณ 475 และ 555 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่
วิธีการจ้างทำงานวิจัย: ได้รับทุนวิจัย
ปีเริ่มต้นงานวิจัย: 2553-10-01
ปีสิ้นสุดงานวิจัย: 2555-09-30
ลิขสิทธิ์: แสดงที่มา-อนุญาตแบบเดียวกัน 3.0 ประเทศไทย (CC BY-SA 3.0 TH)
เผยแพร่โดย: กรมพัฒนาที่ดิน
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การกำหนดปริมาณและช่วงเวลาการให้น้ำชลประทานที่เหมาะสมในการปลูกข้าวโพดหวาน โดยใช้โปรแกรม CROPWAT จังหวัดกาญจนบุรี
กรมพัฒนาที่ดิน
30 กันยายน 2555
ปกป้องสายตาด้วยข้าวโพด การกำหนดปริมาณและช่วงเวลาการให้น้ำชลประทานที่เหมาะสมในการปลูกอ้อย โดยใช้โปรแกรม CROPWAT จังหวัดบุรีรัมย์ การปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดเพื่อเพิ่มคุณภาพโปรตีน โครงการทดสอบปริมาณน้ำใช้ที่เหมาะสมของข้าวโพดหวาน (ปีที่ 2) การทดลองหาปริมาณการใช้น้ำที่เหมาะสมของข้าวโพดหวานที่ปลูกโดยระบบเกษตรอินทรีย์ (ปีที่ 1) ปฏิสัมพันธ์ระหว่างระยะเวลาการเริ่มต้นให้น้ำและอัตราปลูกของข้าวโพดหวาน อัตราและช่วงเวลาที่เหมาะสมของการใช้ปุ๋ยเคมีตามโปรแกรมปุ๋ยรายแปลงร่วมกับปุ๋ยมูลไก่เพื่อเพิ่มคุณภาพผลผลิตข้าวโพดหวานในเขตพื้นที่มีความเหมาะสมกลุ่มชุดดินที่ 33 การใช้เศษวัสดุเหลือใช้ของข้าวโพดฝักอ่อนและข้าวโพดหวานเป็นอาหารสัตว์ การทดสอบพันธุ์ข้าวโพดหวานในระบบการปลูกแบบอินทรีย์ ในหลายฤดูปลูก ผลของการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในระบบเกษตรลดใช้สารเคมีกับข้าวโพดหวาน

แสดงที่มา-อนุญาตแบบเดียวกัน 3.0 ประเทศไทย (CC BY-SA 3.0 TH)
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก