สืบค้นงานวิจัย
ศักยภาพของน้ำคั้นแก่นตะวันเพื่อการผลิตเอทานอลที่อุณหภูมิสูงโดยใช้เชื้อยีสต์ทนร้อน
จิดาภา แสงสวันต์ - มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
ชื่อเรื่อง: ศักยภาพของน้ำคั้นแก่นตะวันเพื่อการผลิตเอทานอลที่อุณหภูมิสูงโดยใช้เชื้อยีสต์ทนร้อน
ชื่อเรื่อง (EN): Potential of Jerusalem Artichoke juice for high-temperature ethanol fermentation using thermotolerant yeasts
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: จิดาภา แสงสวันต์
บทคัดย่อ: งานวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศัตเลือกยีสต์ทนร้อนจำนวนสองสายพันธุ์ที่มีประสิทธิภาพในการ หมักเอทานอลจากน้ำคั้นหัวแก่นตะวัน แล้วนำยีสต์ที่ตัดเลือกได้มาใช้ในการศึกษาสภาวะที่เหมาะสม สำหรับการผลิตเอทานอล โดยจากเปรียบเทียบความสามารถในการเจริญที่อุณหภูมิสูงของยีสต์ทนร้อน ที่ตัดแยกได้ใหม่กับยีสต์ทนร้อน K. marxianus สายพันธุ์ UBU พบว่ายี่สต์ทนร้อนที่คัดแยกได้ใหม่ เจริญต้ที่อุณหภูมิต่ำกว่ายีสต์สายพันธุ์ บBU ดังนั้นจึงนำยีสต์สายพันธุ์ UBUs จำนวน 10 สายพันธุ์มา คัตเลือก โตยสายพันธุ์ที่ถูกตัตเลือก คือ UBU-1-2 และ UBU-1-8 เนื่องจากสามารถผลิตเอทานอลไต้สูง ที่สุด โดยสามารถผลิตเอทานอลไต้เท่ากับร้อยละ 5.03+1.24 และ 4,84+0.26 โดยปริมาตรตามลำตับ ต่อมาได้นำยีสต์สายพันธุ์ตังกล่าวมาใช้ในการศึกษาสภาวะที่เหมาะสม ในการหาสภาวะที่เหมาะสมสำหรับการหมักเอทานอลนั้น จะใช้น้ำคั้นหัวแก่นตะวันปริมาตร 50 มิลลิลิตรบรรจุในขวดรูปชมพู่ขนาต 250 มิลลิสิตร มเขย่าที่อุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส 150 รอบต่อ นาทีปรับปริมณซล์สต์ริ่มต้นให้ใด้ OD5, เท่ากับ 0.2 โดยในการศึกษาอิทธิพลของน้ำตาลเริ่มตัน นั้นได้ทำการปรับปริมาณน้ำตาลเริ่มต้นเป็น 50, 100, 150 และ 200 กรัมต่อสิตร พบว่าสายพันธุ์UBU- 1-2 ผลิตเอทานอลได้สูงสุด 0.37 และ 0.38 กรัมเอทานอลต่อกรัมน้ำตาล เมื่อมีน้ำตาลเริ่มต้นเท่ากับ 100 และ 150 กรัมต่อลิตร ตามลำตับ ส่วนสายพันธุ์ UBU-1-8 ผลิตเอทานอลไต้สูงสุด 0.37 และ 0.39 กรัมเอทานอลต่อกรัมน้ำตาล เมื่อมีน้ำตาลเริ่มต้นเท่ากับ 150 และ 200 กรัมต่อลิตรตามลำตับ นอกจากนี้ยังทำการศึกษาอิทธิพลของอุณหภูมิต่อการหมัก โดยทดสอบที่อุณหภูมิ 35,40 และ 45 องศาเซลเซียส น้ำตาลเริ่มต้นเท่ากับ 150 กรัมต่อสิตร พบว่าสายพันธุ์ UBU-1-2 และ UBU-1-8 ผลิตเอ ทานอลไต้ไม่แตกต่างกันในทุกอุณหภูมิ ซึ่งสายพันธุ์ UBU-1-2 ผลิตเอทานอลได้ระหว่างร้อยละ 5.19- 5.57 โตยปริมาตร และสายพันธุ์ UBU-1-8 ผลิตเอทานอลได้ระหว่างร้อยละ5.31-6.00 โดยปริมาตร สำหรับการศึกษาอิทธิพลของพีเอชนั้นได้ปรับพีเอซเป็น 4.5, 5.0, 5.5, 6.0 และไม่มีการปรับพีเอช โดย มีน้ำตาลเริ่มตันเท่ากับ 150 กรัมต่อสิตร พบว่าสายพันธุ์ UBU-1-2 และสายพันธุ์ UBU-1-8 ผลิตเอทา นอลได้ไม่แตกต่างกันในทุกระดับของพีเอช โดยสายพันธุ์ UBU-1-2 ผลิตเอทานอลได้ระหว่างร้อยละ 6.77-7.76 โดยปริมาตร ส่วนสายพันธุ์ UBU-1-8 ผลิตเอทานอลได้ระหว่างร้อยละ 4.94-5.69 โตย ปริมาตร ในการศึกษาอิทธิพลของสารสกัดจากยีสต์ (yeast extract) นั้น น้ำคั้นแก่นตะวันถูกเติมสารสกัดจาก ยีสต์ความเข้มขันเท่ากับร้อยละ 0, 0.5, 1.0, 1.5, 2.0 และ 2.5 โตยน้ำหนัก จากการทตลองพบว่ สาย พันธุ์ UBU-1-2 สมารถผลิตเอทานอลได้เท่ากับร้อยละ 4.01 +0.25 โดยปริมาตรเมื่อไม่มีการเติมสาร สกัตจากยีสต์ และปริมาณเอทานอลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเติมสารสกัดจากยีสต์ความเข้มข้นร้อย ละ 2.5 โตยน้ำหนักเท่านั้น ส่วนในสายพันธุ์ UBU-1-8 สามารถผลิตเอทานอลได้ร้อยละ 2.65+0.64 โดยปริมาตรเมื่อไม่มีการเติมสารสกัดจากสต์ และปริมาณเอทานอลจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเติม สารสกัดจากยีสต์ความเข้มขันร้อยละ 0.5 โดยน้ำหนักขึ้นไป อย่างไรก็ตามเมื่อเพิ่มความเข้มข้นสารสกัด จากยีสต์เป็นร้อยละ 2.5 โดยน้ำหนักพบว่าเอทานอลที่ได้ไม่แกต่างจากที่เติมสารสกัดจากยีสต์ร้อยละ 1.5 โดยน้ำหนัก งานวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศัตเลือกยีสต์ทนร้อนจำนวนสองสายพันธุ์ที่มีประสิทธิภาพในการ หมักเอทานอลจากน้ำคั้นหัวแก่นตะวัน แล้วนำยีสต์ที่ตัดเลือกได้มาใช้ในการศึกษาสภาวะที่เหมาะสม สำหรับการผลิตเอทานอล โดยจากเปรียบเทียบความสามารถในการเจริญที่อุณหภูมิสูงของยีสต์ทนร้อน ที่ตัดแยกได้ใหม่กับยีสต์ทนร้อน K. marxianus สายพันธุ์ UBU พบว่ายี่สต์ทนร้อนที่คัดแยกได้ใหม่ เจริญต้ที่อุณหภูมิต่ำกว่ายีสต์สายพันธุ์ บBU ดังนั้นจึงนำยีสต์สายพันธุ์ UBUs จำนวน 10 สายพันธุ์มา คัตเลือก โตยสายพันธุ์ที่ถูกตัตเลือก คือ UBU-1-2 และ UBU-1-8 เนื่องจากสามารถผลิตเอทานอลไต้สูง ที่สุด โดยสามารถผลิตเอทานอลไต้เท่ากับร้อยละ 5.03+1.24 และ 4,84+0.26 โดยปริมาตรตามลำตับ ต่อมาได้นำยีสต์สายพันธุ์ตังกล่าวมาใช้ในการศึกษาสภาวะที่เหมาะสม ในการหาสภาวะที่เหมาะสมสำหรับการหมักเอทานอลนั้น จะใช้น้ำคั้นหัวแก่นตะวันปริมาตร 50 มิลลิลิตรบรรจุในขวดรูปชมพู่ขนาต 250 มิลลิสิตร มเขย่าที่อุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส 150 รอบต่อ นาทีปรับปริมณซล์สต์ริ่มต้นให้ใด้ OD5, เท่ากับ 0.2 โดยในการศึกษาอิทธิพลของน้ำตาลเริ่มตัน นั้นได้ทำการปรับปริมาณน้ำตาลเริ่มต้นเป็น 50, 100, 150 และ 200 กรัมต่อสิตร พบว่าสายพันธุ์UBU- 1-2 ผลิตเอทานอลได้สูงสุด 0.37 และ 0.38 กรัมเอทานอลต่อกรัมน้ำตาล เมื่อมีน้ำตาลเริ่มต้นเท่ากับ 100 และ 150 กรัมต่อลิตร ตามลำตับ ส่วนสายพันธุ์ UBU-1-8 ผลิตเอทานอลไต้สูงสุด 0.37 และ 0.39 กรัมเอทานอลต่อกรัมน้ำตาล เมื่อมีน้ำตาลเริ่มต้นเท่ากับ 150 และ 200 กรัมต่อลิตรตามลำตับ นอกจากนี้ยังทำการศึกษาอิทธิพลของอุณหภูมิต่อการหมัก โดยทดสอบที่อุณหภูมิ 35,40 และ 45 องศาเซลเซียส น้ำตาลเริ่มต้นเท่ากับ 150 กรัมต่อสิตร พบว่าสายพันธุ์ UBU-1-2 และ UBU-1-8 ผลิตเอ ทานอลไต้ไม่แตกต่างกันในทุกอุณหภูมิ ซึ่งสายพันธุ์ UBU-1-2 ผลิตเอทานอลได้ระหว่างร้อยละ 5.19- 5.57 โตยปริมาตร และสายพันธุ์ UBU-1-8 ผลิตเอทานอลได้ระหว่างร้อยละ5.31-6.00 โดยปริมาตร สำหรับการศึกษาอิทธิพลของพีเอชนั้นได้ปรับพีเอซเป็น 4.5, 5.0, 5.5, 6.0 และไม่มีการปรับพีเอช โดย มีน้ำตาลเริ่มตันเท่ากับ 150 กรัมต่อสิตร พบว่าสายพันธุ์ UBU-1-2 และสายพันธุ์ UBU-1-8 ผลิตเอทา นอลได้ไม่แตกต่างกันในทุกระดับของพีเอช โดยสายพันธุ์ UBU-1-2 ผลิตเอทานอลได้ระหว่างร้อยละ 6.77-7.76 โดยปริมาตร ส่วนสายพันธุ์ UBU-1-8 ผลิตเอทานอลได้ระหว่างร้อยละ 4.94-5.69 โตย ปริมาตร ในการศึกษาอิทธิพลของสารสกัดจากยีสต์ (yeast extract) นั้น น้ำคั้นแก่นตะวันถูกเติมสารสกัดจาก ยีสต์ความเข้มขันเท่ากับร้อยละ 0, 0.5, 1.0, 1.5, 2.0 และ 2.5 โตยน้ำหนัก จากการทตลองพบว่ สาย พันธุ์ UBU-1-2 สมารถผลิตเอทานอลได้เท่ากับร้อยละ 4.01 +0.25 โดยปริมาตรเมื่อไม่มีการเติมสาร สกัตจากยีสต์ และปริมาณเอทานอลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเติมสารสกัดจากยีสต์ความเข้มข้นร้อย ละ 2.5 โตยน้ำหนักเท่านั้น ส่วนในสายพันธุ์ UBU-1-8 สามารถผลิตเอทานอลได้ร้อยละ 2.65+0.64 โดยปริมาตรเมื่อไม่มีการเติมสารสกัดจากสต์ และปริมาณเอทานอลจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเติม สารสกัดจากยีสต์ความเข้มขันร้อยละ 0.5 โดยน้ำหนักขึ้นไป อย่างไรก็ตามเมื่อเพิ่มความเข้มข้นสารสกัด จากยีสต์เป็นร้อยละ 2.5 โดยน้ำหนักพบว่าเอทานอลที่ได้ไม่แกต่างจากที่เติมสารสกัดจากยีสต์ร้อยละ 1.5 โดยน้ำหนัก
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
คำสำคัญ: แก่นตะวัน
คำสำคัญ (EN): thermotolerant yeasts
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ศักยภาพของน้ำคั้นแก่นตะวันเพื่อการผลิตเอทานอลที่อุณหภูมิสูงโดยใช้เชื้อยีสต์ทนร้อน
มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
30 กันยายน 2554
การปรับปรุงสภาวะที่เหมาะสมต่อการผลิตเอทานอล ผลของระยะเวลาการเก็บรักษาต่อการงอกหลังบ่มของหัวแก่นตะวัน ระยะเวลาที่เก็บเกี่ยวที่เหมาะสมสำหรับการผลิตแก่นตะวัน การวิจัยและพัฒนากระบวนการผลิตเอทานอลคุณภาพสูงจากข้าวโพดเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน สัดส่วนน้ำผลไม้และสายพันธุ์ของยีสต์ที่ใช้ผลิตไวน์สตรอเบอรี่ ผลของเชื้อบริสุทธิ์ต่อคุณภาพของแหนมที่ผลิตในฤดูร้อน ศักยภาพการผลิตเอทานอลและไบโอแก๊สจากลำไยตกเกรด พัฒนาการผลิตพรรณไม้น้ำปลอดไส้เดือนฝอยศัตรูพืชเพื่อการส่งออก การศึกษาและพัฒนาวิธีการใช้สารไกลซีนเบตาอีนเพื่อเพิ่มเปอร์เซ็นต์การงอกและความทนทานของต้นกล้ามะเขือเทศ (Lycopersicon esculentum) ในสภาวะอุณหภูมิสูงและสภาวะเค็มจัด ศึกษาผลผลิต น้ำคั้น และชานอ้อยในอ้อยพันธุ์ขอนแก่น 3 และอ้อยลูกผสมอ้อยป่า (Saccharum spontaneum)
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก