สืบค้นงานวิจัย
กรรมวิธีการผลิตชาสมุนไพร
กุลยา จันทร์อรุณ - มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
ชื่อเรื่อง: กรรมวิธีการผลิตชาสมุนไพร
ชื่อเรื่อง (EN): The production of tea from herbs I
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: กุลยา จันทร์อรุณ
บทคัดย่อ: การวิจัยเรื่องกรรมวิธีการผลิตชาสมุนไพรได้ทำการทดลองผลิตชาเขียว ชาจีนและชาผงจากพืชสมุนไพรใบเตยหอม ใบกระเพรา ตะไคร้ ฟ้าทะลายโจร ใบบัวบก ใบขลู่ ใบสะระแหน่ และขิง โดยกรรมวิธีที่แตกต่างกันในการผลิตชาแต่ละชนิด และจากการวิเคราะห์หาองค์ประกอบทางเคมีพบว่าความชื้นของชาทุกชนิดมีความชื้นต่ำกว่าเกณฑ์มาตราฐาน คือ 10 % โดยชาเขียวใบสะระแหน่มีความชื้นสูงสุด 9.60 % ส่วนชาผงใบเตยมีความชื้นต่ำสุด 2.44 % และชาสมุนไพรทุกชนิดมีแทนนิน โดยฟ้าทะลายโจรมีตัวแทนนินสูงสุด 20.96 % ส่วนชาผงใบเตยมีปริมาณเทนนินน้อยที่สุด คือ 8.41 % ซึ่งเทนนินจะทำให้ชาสมุนไพรมีรสฝาด แทนชาจากใบชาได้ ชาทุกชนิดที่วิเคราะห์จะมีกลิ่นหอมและกลิ่นน้ำมันหอมระเหยเฉพาะตัวทำให้หอมกลิ่นชาสมุนไพรเฉพาะตัวแตกต่างกัน และจากการวิเคราะห์หาปริมาณคาเฟอีนพบว่าสมุนไพรทุกชนิดที่ใช้ในการทดลองทำใบชาไม่มีคาเฟอีนที่อาจจะมีผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภค ถ้าดื่มชาจากใบชามากเกินไป ส่วนวิตามินซีและแคลเซียมพบว่ามีมีปริมาณน้อย จากการทดสอบการชิมชาแต่ละชนิดโดยแบ่งกลุ่มอายุผู้ชิม ระหว่าง 20-25 ปี พบว่าผู้ชิมชอบชาเขียวใบเตย ชาเขียวใบบัวบก อยู่ในระดับมาก 60.42 % ชอบชาจากใบสะระแหน่ ใบเตย ใบบัวบก ในระดับมาก 75 % ส่วนชาผงชอบในระกับปานกลาง ส่วนกลุ่มผู้ชิมอายุมากกว่า 25 ปี ชอบชาเขียวจากใบเตย ใบบัวบก ใบสาระแหน่ ใบขลู่ ในระดับมาก 82.29 % ซึ่งจากการทดสอบรสชาติ กลิ่นจากผู้ชิมพบว่าอยู่ในเกณฑ์ชอบปานกลางถึงชอบมาก ดังกล่าวแล้วผู้วิจัยจึงเห็นว่าน่าจะสนับสนุนให้มีการผลิตชาจากสมุนไพรดังกล่าว ซึ่งกรรมวิธีการผลิตก็ทำได้ง่าย และไม่มีผลข้างเคียงจากคาเฟอีนเหมือนการบริโภคจากใบชาด้วย
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=22&RecId=52&obj_id=47
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
คำสำคัญ: ชา
คำสำคัญ (EN): 663.94
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
รายละเอียด: การวิจัยเรื่องกรรมวิธีการผลิตชาสมุนไพรได้ทำการทดลองผลิตชาเขียว ชาจีนและชาผงจากพืชสมุนไพรใบเตยหอม ใบกระเพรา ตะไคร้ ฟ้าทะลายโจร ใบบัวบก ใบขลู่ ใบสะระแหน่ และขิง โดยกรรมวิธีที่แตกต่างกันในการผลิตชาแต่ละชนิด และจากการวิเคราะห์หาองค์ประกอบทางเคมีพบว่าความชื้นของชาทุกชนิดมีความชื้นต่ำกว่าเกณฑ์มาตราฐาน คือ 10 % โดยชาเขียวใบสะระแหน่มีความชื้นสูงสุด 9.60 % ส่วนชาผงใบเตยมีความชื้นต่ำสุด 2.44 % และชาสมุนไพรทุกชนิดมีแทนนิน โดยฟ้าทะลายโจรมีตัวแทนนินสูงสุด 20.96 % ส่วนชาผงใบเตยมีปริมาณเทนนินน้อยที่สุด คือ 8.41 % ซึ่งเทนนินจะทำให้ชาสมุนไพรมีรสฝาด แทนชาจากใบชาได้ ชาทุกชนิดที่วิเคราะห์จะมีกลิ่นหอมและกลิ่นน้ำมันหอมระเหยเฉพาะตัวทำให้หอมกลิ่นชาสมุนไพรเฉพาะตัวแตกต่างกัน และจากการวิเคราะห์หาปริมาณคาเฟอีนพบว่าสมุนไพรทุกชนิดที่ใช้ในการทดลองทำใบชาไม่มีคาเฟอีนที่อาจจะมีผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภค ถ้าดื่มชาจากใบชามากเกินไป ส่วนวิตามินซีและแคลเซียมพบว่ามีมีปริมาณน้อย จากการทดสอบการชิมชาแต่ละชนิดโดยแบ่งกลุ่มอายุผู้ชิม ระหว่าง 20-25 ปี พบว่าผู้ชิมชอบชาเขียวใบเตย ชาเขียวใบบัวบก อยู่ในระดับมาก 60.42 % ชอบชาจากใบสะระแหน่ ใบเตย ใบบัวบก ในระดับมาก 75 % ส่วนชาผงชอบในระกับปานกลาง ส่วนกลุ่มผู้ชิมอายุมากกว่า 25 ปี ชอบชาเขียวจากใบเตย ใบบัวบก ใบสาระแหน่ ใบขลู่ ในระดับมาก 82.29 % ซึ่งจากการทดสอบรสชาติ กลิ่นจากผู้ชิมพบว่าอยู่ในเกณฑ์ชอบปานกลางถึงชอบมาก ดังกล่าวแล้วผู้วิจัยจึงเห็นว่าน่าจะสนับสนุนให้มีการผลิตชาจากสมุนไพรดังกล่าว ซึ่งกรรมวิธีการผลิตก็ทำได้ง่าย และไม่มีผลข้างเคียงจากคาเฟอีนเหมือนการบริโภคจากใบชาด้วย
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก