สืบค้นงานวิจัย
ศึกษาการเจริญเติบโตของหญ้าแฝกบางสายพันธุ์บนคันนาปรับแต่ง ในพื้นที่ดินเค็ม จังหวัดร้อยเอ็ด
วัชรี แซ่ตั้ง, ยุพาพร กิ่งโสดา, ยุทธสงค์ นามสาย, วรรณา สุวรรณวิจิตร, สุวรรณภา บุญจงรักษ์, อมร อินทราเวช, กัญญาพร สังข์แก้ว - กรมพัฒนาที่ดิน
ชื่อเรื่อง: ศึกษาการเจริญเติบโตของหญ้าแฝกบางสายพันธุ์บนคันนาปรับแต่ง ในพื้นที่ดินเค็ม จังหวัดร้อยเอ็ด
ชื่อเรื่อง (EN): Study on Growth of some Strain Vetiver Grass on Khanna customized in Saline Soil Area, Roi-Et province.
ผู้ร่วมงาน / ผู้ร่วมวิจัย:
คำสำคัญ:
บทคัดย่อ: ศึกษาการเจริญเติบโตของหญ้าแฝกบางสายพันธุ์บนคันนาปรับแต่ง ในพื้นที่ดินเค็ม จังหวัดร้อยเอ็ด ดำเนินการ ณ บ้านค้อ ตำบลอีง่อง อำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด ระยะเวลาดำเนินการวิจัย ตั้งแต่เดือนมกราคม 2557 ถึงเดือนมกราคม 2558 มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการเจริญเติบโตของหญ้าแฝกบางสายพันธุ์บนคันนาปรับแต่ง ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงสมบัติทางเคมีของดินภายหลังการปลูกหญ้าแฝกบางสายพันธุ์บนคันนาปรับแต่งในพื้นที่ดินเค็ม จังหวัดร้อยเอ็ด ภายหลังการจัดการตามตำรับการทดลองต่างๆ วางแผนการทดลองแบบ Randomize Complete Block Design จำนวน 3 ซ้ำ ๆ 5 ตำรับ ประกอบด้วย การปลูกหญ้าแฝกสายพันธุ์ร้อยเอ็ด สายพันธุ์กำแพงเพชร1 สายพันธุ์พื้นบ้านร้อยเอ็ด1 สายพันธุ์พื้นบ้านร้อยเอ็ด2 และสายพันธุ์สงขลา3 โดยมีการเก็บข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสมบัติทางเคมีของดิน และการเจริญเติบโตของหญ้าแฝก จากผลการทดลองพบว่า ความเป็นกรดเป็นด่างของดิน (pH) ทั้งก่อนและหลังการทดลองทุกตำรับไม่แตกต่างกันทางสถิติ มีค่าอยู่ในช่วง 4.40-4.63 ซึ่งเป็นกรดจัดถึงกรดจัดมาก ค่าการนำไฟฟ้า (ECe) ของดินหลังทดลองมีค่า 12.78-26.33 เดซิซีเมนต์ต่อเมตร ซึ่งถือว่าเค็มมากถึงเค็มจัด โดยเพิ่มขึ้นจากก่อนการทดลอง (6.50 เดซิซีเมนต์ต่อเมตร : เค็มปานกลาง) ส่วนเปอร์เซ็นต์อินทรียวัตถุก่อนและหลังทดลองมีค่าอยู่ในเกณฑ์ต่ำมากถึงต่ำและมีค่าเพิ่มขึ้นจากก่อนทดลอง สำหรับดินหลังการทดลองมีปริมาณฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียมที่เป็นประโยชน์ และปริมาณโซเดียมที่สกัดได้สูงขึ้นจากก่อนการทดลองในทุกตำรับ นอกจากนี้พบว่า หญ้าแฝกสายพันธุ์ร้อยเอ็ด (ส่วนเหนือดิน ได้แก่ ลำต้นและใบ) หลังการปลูก 6 เดือน ให้น้ำหนักสดสูงสุด เท่ากับ 5.50 กิโลกรัมต่อแปลง (2,933.33 กิโลกรัมต่อไร่) สำหรับสายพันธุ์สงขลา3 และสายพันธุ์กำแพงเพชร1 นั้น มีความยาวใบมากที่สุด เท่ากับ 106.73 และ 126.67 เซนติเมตร เมื่อมีอายุ 135 และ 180 วันหลังปลูก ตามลำดับ ส่วนสายพันธุ์พื้นบ้านร้อยเอ็ด1 (อายุ 135 วันหลังปลูก) มีจำนวนหน่อมากที่สุด เท่ากับ 1,039 หน่อต่อแปลง และสายพันธุ์พื้นบ้านร้อยเอ็ด2 (อายุ 180 วันหลังปลูก) มีจำนวนหน่อมากที่สุด เท่ากับ 1,350 หน่อต่อแปลง ดังนั้น หญ้าแฝกทุกสายพันธุ์ที่ดำเนินการทดลอง ได้แก่ สายพันธุ์ร้อยเอ็ด กำแพงเพชร1 พื้นบ้านร้อยเอ็ด1 พื้นบ้านร้อยเอ็ด2 และสงขลา3 สามารถเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ดินเค็ม จังหวัดร้อยเอ็ด แต่หญ้าแฝกสายพันธุ์ร้อยเอ็ดเจริญเติบโตได้ดีที่สุด โดยมีค่าน้ำหนักสดและความยาวของใบสูงสุด และมีจำนวนหน่อมาก
บทคัดย่อ (EN): This experiment was conducted at Ban Kho, E-Gnogn Subdistrict, Chaturapakpiman District, Roi-Et Province during January 2014 till January 2015. The objective were to study the growth of some vetiver grass varities on modified contour bank and the changes of soil chemical properties in saline soil. The experiment design was randomize complete block consisted of 5 treatments and 3 replications. The treatments were the variety of vetiver grass which were Roi-Et, Khamphangpetch, local variety no.1, local variety no.2, and Songkhla3. The growth of vetiver grass and the changes of soil chemical properties were collected including the analysis of management cost in each treatment. The results found that soil pH both before and after experiment were not statistically significant. The soil pH was between 4.4-4.6. The soil electrical conductivity (ECe) after experiment was 12.8-26.3 dS/m which was severe saline soil while ECe before experiment was only 6.5 dS/m. The organic matter content, soil phosphorus, soil potassium, soil calcium, soil magnesium and extractable sodium were increased in every treatment. Roi-Et variety vetiver grass produced highest weight (2,933 kg/rai). Songkhla3 and Khampahangpetch1 variety vetiver grass at the age of 135 and 180 days produced the longest leaf length which were 106 and 126 centimeters respectively. The local variety no.1vetiver grass at the age of 135 days produced most shoots (1,039 shoots/plot) while local variety no.2 vetiver grass at the age of 180 days produced most shoots (1,350 shoots/plot). Therefore, it could be concluded that all varieties used in this experiment could grow well in saline soil. The Roi-Et vetiver grass grown very well which produced the highest fresh weigh, leaf length and shoots.
ปีเริ่มต้นงานวิจัย: 2557-01-01
ปีสิ้นสุดงานวิจัย: 2557-12-31
เอกสารแนบ: http://dric.nrct.go.th/Search/SearchDetail/291927
ลิขสิทธิ์: แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย (CC BY-NC-ND 3.0 TH)
เผยแพร่โดย: กรมพัฒนาที่ดิน
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ศึกษาการเจริญเติบโตของหญ้าแฝกบางสายพันธุ์บนคันนาปรับแต่ง ในพื้นที่ดินเค็ม จังหวัดร้อยเอ็ด
กรมพัฒนาที่ดิน
31 ธันวาคม 2557
เอกสารแนบ 1
การเปลี่ยนแปลงการแพร่กระจายคราบเกลือบนผิวดินหลังจากการพัฒนา ดินเค็มแบบบูรณาการในพื้นที่ ตำบลด่านช้าง ตำบลขุนทอง อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ผลของการจัดการดินในหลุมปลูกต่อการเจริญเติบโตของฝรั่งในพื้นที่ดินเค็มจังหวัดร้อยเอ็ด การเปรียบเทียบพันธุ์หญ้าแฝกทนเค็มสำหรับพื้นที่ดินเค็มจังหวัดกาฬสินธุ์ ลักษณะการเจริญเติบโตและการให้ผลผลิตของหญ้าซีตาเรีย 4 สายพันธุ์ การศึกษาพลวัตความเค็มของดินและน้ำกับการเจริญเติบโตของข้าวในพื้นที่ดินเค็มภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การปลูกหญ้าแฝกด้วยวัสดุอินทรีย์ชนิดต่างๆที่มีผลต่อการเจริญเติบโตไม้ผล ในพื้นที่ดินเค็มจังหวัดอำนาจเจริญ ผลของการปลูกหญ้าแฝกเพื่อขยายพันธุ์เป็นพืชแซมที่มีต่อการเจริญเติบโต ของยางพาราอายุน้อย ศึกษาการเจริญเติบโตของไม้ยืนต้นทนเค็มภายหลังการพัฒนาพื้นที่ดินเค็มในพื้นที่ลุ่มน้ำลำสะแทด การสำรวจและศึกษารูปแบบและพันธุ์หญ้าแฝกที่ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดินเค็มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การเปรียบเทียบอัตราการเจริญเติบโตของสายพันธุ์ปลานิลที่เลี้ยงในจังหวัดพะเยา

แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย (CC BY-NC-ND 3.0 TH)
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก