สืบค้นงานวิจัย
การวิเคราะห์ธุรกิจและต้นทุนผลิตภัณฑ์เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่นในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน: กรณีศึกษาผลิตภัณฑ์ที่มิใช่อาหารและยา
อนุรักษ์ ทองสุโขวงศ์ - มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ชื่อเรื่อง: การวิเคราะห์ธุรกิจและต้นทุนผลิตภัณฑ์เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่นในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน: กรณีศึกษาผลิตภัณฑ์ที่มิใช่อาหารและยา
ชื่อเรื่อง (EN): Business and Product Cost Analysis for Developing OTOP in the Northern Region of Northeastern Thailand : Case Study of Non Food and Medicine Products
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: อนุรักษ์ ทองสุโขวงศ์
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Anurak Thongsukhowong
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตึกษาและวิเคราะห์ธุรกิจ ตันทุนผลิตภัณฑ์ และความ คุ้มค่าเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่นจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ในพื้นที่ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative research) เก็บรวบรวมข้อมูล โดยใช้แบบสัมภาษณ์เชิงลึก (Dept inteniew) แบบเก็บรวบรวมข้อมูล (Data collection form) และแบบ บันทึกการสังเกตการณ์ (bsevation record) ซึ่งกำหนดประเด็นไว้ล่วงหน้า การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างใช้ การสุ่มตัวอย่างอย่างมีระบบ (Systematic random sampling) ตามขั้นตอนดังนี้ 1) คัดเลือกจังหวัด ป้าหมาย จำนวน 2 จังหวัด โดยดัดเลือกจากจังหวัดที่มีจำนวนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมากกว่า 500 ราย จำนวน 1 จังหวัด และจากจังหวัดที่มีจำนวนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนน้อยกว่า 500 ราย จำนวน 1 จังหวัด 2) คัดเลือกตัวแทนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในแต่ละจังหวัดเป้าหมาย โดยพิจารณาคำคะแนนการประเมินผล จากข้อมูลเบื้องตันในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ คุณสมบัติผู้นำ คุณสมบัติกลุ่ม/สมาชิกกลุ่ม และผลิตภัณฑ์ ของกลุ่ม ผลการศึกษาข้อมูลเบื้องตัน พบว่าวิสาหกิจชุมชนเกิดจากการต่อยอดจากธุรกิจชุมชนเดิม ซึ่ง ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรภายในและภายนอกชุมชน การสืบทอดวัฒนธรรมชุมชนและการขยายต่อ ธุรกิจตรอบครัว โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของสมาชิกชุมชนที่มีความสัมพันธ์อย่างเหนียวแน่น และมี บุคคลที่สมาชิกยอมรับเป็นแกนกลางหรือผู้นำกลุ่ม การปฏิบัติงานจริงขึ้นอยู่กับการสั่งการของประธาน กลุ่มและความสมัตรใจของสมาชิก การสื่อสารระหว่างกลุ่มกับสมาชิกใช้วิธีการบอกกล่าวโดยตรงหรือ ผ่านเครื่องกระจายเสียงในชุมชน และการตัดสินใจในการบริหารงานนั้นจะอาศัยประสบการณ์ประกอบ กับรายงานผลจากการบันทึกบัญชีแบบง่าย จากการวิเคราะห์ธุรกิจในภาพรวม พบว่ากลุ่มสตรีรักษ์เมืองทอง จังหวัดร้อยเอ็ด อาศัย วัฒนธรรมชุมชนและประเพณีบุญมหาชาติสร้างผลิตภัณฑ์เฉพาะอย่าง/สินค้าจำเป็นสำหรับประเพณีบุญ มหาชาติจนกลายเป็นจุดเด่น และกลายเป็นสินค้าประจำจังหวัด ส่งผลให้อำนาจต่อรองของผู้ซื้อลดลง และป้องกันการเข้าสู่ตลาดของคู่แข่งขันรายอื่นโดยการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี และ ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มยังสามารถพัฒนาเป็นสินค้าชนิดอื่น ๆ ได้ ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์จากกก จังหวัด ร้อยเอ็ด และกลุ่มสตรีจักรสานจากตันกก จังหวัดขอนแก่น จัดตั้งโดยแรงผลักดันจากการสนับสนุนของ องค์กรท้องถิ่น การผลิตสินค้าเน้นผลิตตามกระแสนิยมที่มีสินค้าทดแทนจำนวนมาก ส่งผลให้การตลาด มีการแข่งขันสูง คู่แข่งเข้าสู่ตลาดได้ตลอดเวลา และผู้ซื้อมีอำนาจการต่อรองสูงเช่นกัน ทำให้การ จำหน่ายสินค้าของกลุ่มเป็นไปด้วยความยากลำบาก สำหรับกลุ่มอาชีพสตรีแปรรูปผลิตภัณฑ์จากใยปอ จังหวัดขอนแก่น เน้นผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อจากลูกค้าประจำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าคนกลางจาก กรุงเทพมหานคร ส่งผลให้ผู้ซื้อมีอำ จการต่อรองสูง และอาจกระทบต่อความมั่นคงของกลุ่มหาก สูญเสียลูกค้าไป นอก จากนี้ ในด้านการบริหารจัดการโดยภาพรวม ทั้ง 4 กลุ่มขาดการพัฒนารูปแบบ ผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด จากการวิเคราะห์ตันทุนผลิตภัณฑ์และความคุ้มค่าเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น พบว่า ทั้ง 4 กลุ่ม คำนวณตันทุนผลิตภัณฑ์โดยพิจารณาเฉพาะดันทุนด่าวัตถุดิบ และตั้งราคาจำหน่าย โดยการเทียบเดียงกับราคาสินค้าชนิดเดียวกันที่จำหน่ายในท้องตลาด เนื่องจากผลิตสินค้าเป็นงาน อดิเรกที่เน้นผลิตเฉพาะหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตร ซึ่งหากคำนวณตันทุนผลิตภัณฑ์ ตามหลักวิชาการโดยพิจารณาค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พบว่า กลุ่มอาชีพสตรีแปรรูปผลิตภัณฑ์จาก ใยปอ จังหวัดขอนแก่น ที่มีเป้าหมายการผลิตเชิงธุรกิจ มีอัตรากำไรส่วนเกินร้อยละ 56.29 กลุ่มสตรี รักษ์เมืองทอง จังหวัดร้อยเอ็ด ที่เน้นการผลิตสินค้าโตยอาศัยความเชื่อในประเพณีและวัฒนธรรม มี อัตรากำไรส่วนเกินร้อยละ 44.82 ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์จากกกจังหวัดร้อยเอ็ด และกลุ่มสตรีจักรสานจาก ต้นกก จังหวัดขอนแก่น มีอัตรากำไรส่วนเกินร้อยละ 34.41 และ 29.59 ตามลำดับ จากการวิเคราะห์ ตันทุนผลิตภัณฑ์และความคุ้มค่าสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่พัฒนาตามแนวคิดและความต้องการของตลาด พบว่า กลุ่มสดรีรักษ์เมืองทอง จังหวัดร้อยเอ็ด และกลุ่มสตรีจักรสานจากตันกก จังหวัดขอนแก่น มี อัดรากำไรส่วนเกินเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.40 และร้อยละ 17.80 ตามลำตับ กลุ่มอาชีพสตรีแปรรูปผลิตภัณฑ์ จากใยปอ จังหวัดขอนแก่น อัตรากำไรส่วนเกินไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์จากกก จังหวัด ร้อยเอ็ด มีอัตรากำไรส่วนเกินลดลงร้อยละ 12.32 เนื่องจากมีตันทุนการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นในขณะที่ ราคาจำหน่ายเท่าเดิม
บทคัดย่อ (EN): This research has the purpose to study and analyses the business and product cost for developing OTOP in the Northem Region of Northeastern Thailand. This research is the quantitative research, which applies dept interview, using data collection form, and observable record. Population sampling uses systematic random sampling procedure as follows: 1) Select two target provinces, one from the province, which has more than 500 OTOPs and another province, which has less than 500 OTOPs. 2) Select the representative OTOP from the target provinces by considering the evaluation score of group leader, members and product group. The analysis from the preliminary information found that OTOPs occur from the local businesses, which receive the support from the internal and external communities. The community culture of expansion business is transferred within their family network by using the participation of communitys member. Family member accept their group leader. The operation of business depends on the group leader head and the memberships participation themselves. The communication between group and member is by direct communication or through the community microphone. The decision in the business administration use the experience and simple accounting report. Based on the analysis of an overall of its business practices, the Women Group of Rak Muang Thong, Roi Et province adopted concepts concerning its community culture and tradition of Boon Ma Ha Chad to develop specific/necessary products, which possess their own uniqueness and became province products. This method reduced customers bargaining power and prevented other rivals to complete in the market since this approach helped create good relationships with customers. Moreover, the products could be used to produce other types of products. In regards to reed products, Roi Et Women Reed Group and Khon Kaen Women Reed Group were formed and supported by their local organizations. Since these two groups concentrated on the production of products that were in line with the popular trend and that could be replaced by substitute products, their market was highly competitive and there were new rivals constantly entering the market. This also resulted in customers high bargaining power. As a result, they faced difficulty in product selling. For Khon Kaen Processed Jute Women Group, its production was based on orders from regular customers, who were middle men from Bangkok. This resulted in the customers high bargaining power, which may lead to its unstable business when losing the customers. Finally, for the overall management of these four groups, all did not develop products to fulfill the needs of the market. Based on the analysis of product costs and cost benefits of the four groups products, in all group, only the costs of raw materials were used to calculate for the product costs. Also, the selling prices were derived from the comparison of prices among similar products in the market. This is due to the fact that their production was actually the groups hobbies performed after the agricultural season. However, when calculating the product costs adopting an academic method which included all involved costs, it was found that the Khon Kaen Processed Jute Women Group, who had commercial purposes as its production goal, had a contribution margin ratio (CM ratio) of 56.29 percent. The Roi Et Rak Muang Thong Women Group whose product production was based on cultural and traditional beliefs had a CM ratio of 44.82 percent, while the Roi Et Women Reed Group and the Khon Kaen Women Reed Groups had a CM ratio of 34.41 and 29.59 respectively. An analysis of product costs and cost benefits for new products having been produced following the market needs showed that the Roi Et Rak Muang Thong Women Group and the Khon Kaen Women Reed Group had a CM ratio of 18.40 percent and 17.80 percent respectively, while the Khon Kaen Processed Jute Women Group showed no change in its CM ratio. Finally, the Roi Et Reed Group showed a negative CM ratio of 12.32 percent since the production cost was higher while the selling price remained the same.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยขอนแก่น
คำสำคัญ: ความคุ้มค่าเชิงธุรกิจ
คำสำคัญ (EN): Cost and Benefit
หมวดหมู่ AGRIS:
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การวิเคราะห์ธุรกิจและต้นทุนผลิตภัณฑ์เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่นในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน: กรณีศึกษาผลิตภัณฑ์ที่มิใช่อาหารและยา
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
2553
การวิเคราะห์โอกาส (Opportunity analysis) เพื่อการพิจารณาปรับปรุงลักษณะของผลิตภัณฑ์ กลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์มังคุดของเกษตรกรภาคตะวันออก การถ่ายทอดองค์ความรู้ความหลากหลายทางชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นในแขวงจำปาสัก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สู่ชุมชน การถ่ายทอดองค์ความรู้ความหลากหลายทางชีวภาพและการนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ในพื้นที่เขาซับแกงไก่สู่ชุมชน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ซอสสาหร่ายปรุงรส การพัฒนาผลิตภัณฑ์จิ้งหรีดอบปรุงรสไขมันต่ำ การศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนของการปลูกสตรอว์เบอร์รี ในเขตอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ศักยภาพการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติด้านพืชพรรณของชุมชนเกษตรกรรมเพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน กรณีศึกษา ต.เพนียด อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี การพัฒนาองค์ความรู้และต่อยอดผลิตภัณฑ์ชุมชน : กรณีศึกษาไอศกรีมข้าวกล้องของตำบลเกาะคา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง การพัฒนาการผลิตและผลิตภัณฑ์ปลาดุกร้าเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก