สืบค้นงานวิจัย
รูปแบบการใช้ที่ดินและความเสื่อมโทรมของที่ดินที่สัมพันธ์กัน และการปรับปรุงดินการเกษตรที่เสื่อมโทรม ของพื้นที่ประสบ อุทกภัย จังหวัดอุตรดิตถ์
จันทร์เพ็ญ ชุมแสง - มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์
ชื่อเรื่อง: รูปแบบการใช้ที่ดินและความเสื่อมโทรมของที่ดินที่สัมพันธ์กัน และการปรับปรุงดินการเกษตรที่เสื่อมโทรม ของพื้นที่ประสบ อุทกภัย จังหวัดอุตรดิตถ์
ชื่อเรื่อง (EN): Relationship of land- use pattern and land degradation and improvement of land degradation in cultivated field in inundation, Uttaradit
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: จันทร์เพ็ญ ชุมแสง
บทคัดย่อ: จากเหตุการณ์นโคลนถล่มบริเวณพื้นที่อำภอลับแล อำเภอท่าปลา และอำเภอเมือง จังหวัด อุตรดิตถ์ ทำให้พื้นที่ทำการเกษตรได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ของชุมชน สภาพเศรษฐกิจ และการใช้ประโยชน์ที่ดิน งานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาความ เสื่อมโทรมของติน ด้วยตัวชี้วัดทางกายภาพ เคมี และขืวภาพของติน ของตินพื้นที่การเกษตรหลังน้ำ ท่วม ในเขตอำเภอลับแล อำเภอเมือง และ อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรติตถ์ (2) เพื่อศึกษาอิทธิพลของ วัสตุดินเหนียว วัสตุปรับปรุงติน และปุยหมัก ที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติทางกายภาพและทาง เคมีบางประการของดินเสื่อมโทรม ผลการศึกษาพบว่าตัวอย่างตินของสวนไม้ผลผสมบนภูเขา ที่มีการชะล้างเมื่อเกิดฝนตกทำให้ ดินสูญเสียความอุดมสมบูรณ์ของติน โดยเฉพาะปริมาณธาตุอาหารหลัก (ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และ โพแทสเซียม) และ ปริมาณอินทรียวัตถุในตินลตลง โตยเฉพาะในพื้นที่ไม้ผลผสมซึ่งแตกต่างอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติกับพื้นที่สวนปาสักที่ไม่เกิดดินถล่ม ในขณะที่ปริมาณไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเชียม รวมถึงแคลเซียมลตลงหลังเกิดเหตุการณ์ตินถล่ม และตินมีความเป็นกรตเป็นต่างลตลง ในขณะที่ตัวอย่างตินของพื้นที่ราบลุ่มตามลำน้ำ ในเขต อำเภอเมือง และ อำเภอท่าปลา ที่ได้รับ ผลกระทบจากน้ำไหลบ่าและเกิดตะกอนตินทับถมในพื้นที่เพาะปลูกนั้น ส่งผลให้ตินในพื้นที่มีลักษณะ เนื้อตินเป็นตินร่วนปนทราย และส่งผลให้ปริมาณอินทรียวัตถุ ปริมาณไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และ โพแทสเซียมอยู่ในระดับที่ต่ำ นอกจากนี้สมบัติของตินในการแลกเปลี่ยนแคทไอออน (CEC) ในตินอยู่ ในระดับต่ำถึงปานกลาง ทั้งนี้ปริมาณของดินเหนียวและอินทรียวัตถุในดินนั้นที่เป็นตัวดูดซับธาตุ อาหารอยู่ต่ำจากการศึกษามวลชีวภาพจุลินทรีย์คาร์บอน และไนโตรเจน (microbial biomass carbon; MBC, MBN) และอัตราการหายใจของจุลินทรีย์ดินในพื้นที่สวนไม้ผลผสมบนภูเขา ที่มีการชะล้างเมื่อเกิดฝนตกทำให้ดินสูญเสียความอุดมสมบูรณ์ของดิน พบว่ามีปริมาณมวลชีวภาพจุลินทรีย์และกิจกรรมของจุลินทรีย์ดิน มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) กับพื้นที่สวนป่าสักที่ไม่เกิดดินถล่ม และในขณะที่ตัวอย่างดินของพื้นที่ราบลุ่มตามลำน้ำ ในเขต อำเภอเมือง และ อำเภอท่าปลา ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำไหลบ่าและเกิดตะกอนดินทับถมในพื้นที่เพาะปลูกนั้น มีการหายใจของดินลดลง อัตราส่วนของมวลชีวภาพคาร์บอนต่อ ไนโตรเจน (Cmic/Nmic) และค่า metabolic quotient (qCO2) มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับพื้นที่เปรียบเทียบที่ไม่ได้รับผลกระทบ โดยพบว่าตัวอย่างดินในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำไหลบ่าและเกิดตะกอนดินทับถมในพื้นที่เพาะปลูก มีอัตราส่วน Cmic/Nmic มีค่าลดลง และมีการเพิ่มขึ้นของค่า qCO2 ประมาณ 1-2 เท่าเมื่อเทียบกับพื้นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p <0.05) ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าพารามิเตอร์ทางนิเวศวิทยาของจุลินทรีย์ดินมีศักยภาพที่สามารถใช้เป็นตัวบ่งชี้ผลกระทบและประเมินความเสื่อมโทรมของดินในระบบนิเวศดินได้ จากการศึกษาสมบัติวัสดุดินเหนียว วัสดุปรับปรุดิน พบว่า สมบัติทางกายภาพของดินนั้นมีปริมาณขนาดอนุภาคดินเหนียวอยู่สูง ความชื้นที่เป็นประโยชน์ต่อพืชอยู่ในช่วง 8.96-20.09 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก ส่วนค่า pH สูง ปริมาณอินทรียวัตถุในดินต่ำกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณธาตุอาหารหลักในดินมีอยู่ระดับต่ำ ยกเว้นฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์อยู่ในระดับสูง 14.21- 48.34 mg kg-1 และสมบัติในการแลกเปลี่ยนแคทไอออน (CEC) ในดินสูง สำหรับการเพิ่มระดับของวัสดุดินเหนียว วัสดุปรับปรุงดิน และปุ๋ยหมักนั้นมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสมบัติทางกายภาพและเคมีของดิน ทำให้ดินมีปริมาณอนุภาคดินเหนียวเพิ่มขึ้น ในช่วง 13.45 -33.67 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสูงกว่าตำรับควบคุม (7.85 เปอร์เซ็นต์) ซึ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มปริมาณของช่วงว่างขนาดเล็กในดินส่งผลทำให้ความชื้นที่เป็นประโยชน์ต่อพืชเพิ่มขึ้น ส่วนอินทธิพลที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงสมบัติทางเคมีของดิน พบว่าปริมาณอินทรียวัตถุและธาตุอาหารหลักในดินมีค่าเพิ่มขึ้นตามระดับของวัสดุดินเหนียวแต่จะพบในปริมาณที่สูงเมื่อมีการใส่ปุ๋ยหมักร่วม โดยเฉพาะฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์มีค่าสูงที่สุด 46.23 mg kg-1 นอกจากนี้การเพิ่มระดับของวัสดุดินเหนียว วัสดุปรับปรุงดิน และปุ๋ยหมักร่วมด้วยทำให้ดินมีค่าความจุในการแลกเปลี่ยนแคทไอออน (CEC) ในดินเพิ่มขึ้นมากกว่า 4-15 เท่าของตำรับควบคุม (7.10 me 100g-1) ซึ่งเป็นการเพิ่มการดูดซับธาตุอาหารในระบบดิน ทั้งนี้เมื่อทำการปลูกข้าวโพดในดินที่มีการเพิ่มวัสดุดินเหนียว วัสดุปรับปรุงดิน และปุ๋ยหมัก พบว่าข้าวโพดมีอัตราการเจริญเติบโตสูงกว่าตำรับควบคุม และพบว่าในตำรับทดลองที่มีการใส่ปุ๋ยหมักร่วมกับวัสดุดินเหนียว วัสดุปรับปรุงดินในอัตราสูงสุดมีอัตราการเจริญเติบโตสูงสุด ผลจากการศึกษาอาจกล่าวได้ว่าการเพิ่มปริมาณวัสดุดินเหนียว วัสดุปรับปรุงดิน และปุ๋ยหมักนั้น สามารถช่วยปรับสภาพสมบัติทางกายภาพและทางเคมีของดินที่เสื่อมโทรมให้สามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินได้ อย่างไรก็ตามควรมีการศึกษาต่อไปถึงแหล่งดินเหนียวที่มีคุณภาพ ชนิดของพืชในการทดสอบ และการทดลองในภาคสนาม
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์
คำสำคัญ: การปรับปรุงดิน
คำสำคัญ (EN): soil improvement
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
รูปแบบการใช้ที่ดินและความเสื่อมโทรมของที่ดินที่สัมพันธ์กัน และการปรับปรุงดินการเกษตรที่เสื่อมโทรม ของพื้นที่ประสบ อุทกภัย จังหวัดอุตรดิตถ์
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์
30 กันยายน 2552
พฤติกรรมของธาตุฟอสฟอรัสในดินในระบบเกษตรแบบประณีต ศักยภาพของแบคทีเรียในลำไส้ไส้เดือนดินท้องถิ่นไทยต่อการเกษตร ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินในการปลูกยางพาราบนพื้นที่ลาดชันในเขตภาคเหนือของประเทศไทย ผลของการจัดการดินและปุ๋ยต่อผลผลิตต้นสดและลักษณะทางการเกษตรบางประการของข้าวฟ่างหวาน การศึกษาสังเคราะห์สารโพลีเมอร์(กูลมาลีน)จากเชื้อราไมโครไรซ่าเพื่อปรับปรุงดิน อิทธิพลของสารปรับปรุงดินที่มีผลต่อคุณสมบัติทางเคมีบางประการของดิน (pH) และการเพิ่มผลผลิตพืช อนุกรมวิธานและเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อการอนุรักษ์และขยายพันธุ์กล้วยไม้ดินบางชนิดที่สำรวจพบในพื้นที่เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ศูนย์สาธิตและถ่ายทอดเทคโนโลยีพลังงานเพื่อการเกษตร พลวัตและการจัดการการเกษตรไทยในยุคเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พันธุศาสตร์ของลักษณะทางการเกษตรต่างๆ ในงา
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก