สืบค้นงานวิจัย
โครงการวิจัยและพัฒนาการอารักขาพืชในมันสำปะหลัง
อมรรัชฏ์ คิดใจเดียว - กรมวิชาการเกษตร
ชื่อเรื่อง: โครงการวิจัยและพัฒนาการอารักขาพืชในมันสำปะหลัง
ชื่อเรื่อง (EN): Research and Development on Cassava Plant Protection
บทคัดย่อ: อนุกรมวิธานของเพลี้ยแป้ง แมลงหวี่ขาว และไรแดง ในมันสำปะหลังศึกษาเพื่อทราบชนิด ลักษณะความแตกต่างพร?อมแนวทางในการวินิจฉัยและเขตการกระจายในมันสำปะหลังที่มีอยู่?ในประเทศไทย โดยเก็บรวบรวมตัวอย่างจากแหล่งปลูกมันสำปะหลังในจังหวัดต่?างๆ ทั่วประเทศ มาทำสไลด์ถาวร และตรวจวินิจฉัยชนิด ตามหลักอนุกรมวิธาน พบเพลี้ยแป้ง 5 ชนิด ได้แก่? เพลี้ยแป้งลาย, Ferrisia virgata (Cockerell) เพลี้ยแป้งมันสำปะหลังสีชมพู, Phenacoccus manihoti Matile-Ferrero เพลี้ยแป้งมันสำปะหลังสีเขียว, Phenacoccus madeirensis Green เพลี้ยแป้งมันสำปะหลังสีเทา, Pseudococcus jackbeardsleyi Gimple & Miller เพลี้ยแป้งมะละกอ, Paracoccus marginatus Williams & Granara de Willink พบแมลงศัตรูธรรมชาติ อันดับ Coleoptera วงศ์ Coccinellidae จำนวน 7 ชนิด อันดับ Neuroptera วงศ์ Chrysopidae จานวน 1 ชนิด และอันดับ Hymenoptera วงศ์ Encyrtidae จำนวน 1 ชนิด พบแมลงหวี่ขาว 2 ชนิด ได้?แก่ แมลงหวี่ขาวใยเกลียว (spiralling Whitefly) Aleurodicus dispersus Russell และแมลงหวี่ขาวยาสูบ (tobacco Whitefly) Bemisia tabaci (Gennadius) พบไรศัตรูมันสำปะหลังทั้งหมด 2 วงศ์ 13 ชนิด วงศ์ Tetranychidae มีทั้งหมด 11 ชนิด และวงศ์ Tenuipalpidae พบ 2 ชนิด ได้แก่ Brevipalpus phoenicis (Geijskes), Brevipalpus californicus (Banks) ซึ่งชนิดที่มีความสำคัญและพบระบาดตลอดเกือบทั้งปี ได้แก่? Tetranychus truncatus Ehara และ Oligonychus biharensis (Hirst) นอกจากนี้แล้วในการสำรวจไรศัตรูพืชที่พบบนมันสาปะหลังในครั้งนี้ ยังพบไรชนิดใหม่? (new species) จานวน 1 ชนิดมีชื่อว่า Neotetranychus lek Flechtmann ซึ่งตั้งชื่อโดย ดร. Flechtmann นำตัวอย่างแมลงหวี่ขาวนาเก็บรักษาในพิพิธภัณฑ์แมลง กรมวิชาการเกษตร ซึ่งสภาพภูมิอากาศที่พบแมลงศัตรูมันสำปะหลังมากคือ ช่?วงเวลาที่ฝนทิ้งช่วงหรือมีฝนตกน้อย อุณหภูมิต่ำ และความชื้นสูง สำหรับการจัดการแมลงและไรศัตรูมันสำปะหลัง พบว่าการใช้สารเคมี thiamethoxam 25% WG มีประสิทธิภาพดีที่สุดในการป้องกันกาจัดเพลี้ยแป้งในมันสำปะหลัง เมื่อศึกษาต้นทุนการใช้?เทคโนโลยีการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูมันสำปะหลังโดยเฉพาะเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังสีชมพู ซึ่งระบาดหนักและทำความเสียหายมากมีต้นทุนเพิ่มขึ้น 17 - 192 บาทต่อไร่? (รวมค่าสารเคมีและค่าจ้างแรงงานพ่นสาร) ส่วนการใช้แมลงช้างปีกใส Plesiochrysa ramburi ควบคุมเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังนั้นตัวอ่?อน วัย 1-3 ของแมลงช้างปีกใสสามารถกินเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังได้? ซึ่งปล่?อยในอัตรา 3-5 ตัวต่อต้น จำนวน 2 ครั้ง ส่วนการป้องกันกำจัดไรแดงหม่อน Tetranychus truncatus Ehara สารฆ่าไรทุกชนิดที่ทำการทดลอง สามารถควบคุมไรแดงศัตรูมันสำปะหลังได้ดีหลังการพ่?น 7-14 วัน ส่?วนการศึกษาผลกระทบของสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีต่อด้วงตัวห้ำ Stethorus pauperculus (Weise) พบว่า amitraz 20% EC, pyridaben 20% WP และ white oil 67% EC ไม่?มีพิษต่?อด?วงตัวห้ำ สำหรับปัญหาเรื่องโรคของมันสำปะหลัง ศึกษาโรคแอนแทรคโนสของมันสำปะหลัง จากการออกสำรวจและเก็บรวบรวมเชื้อสาเหตุโรค จากแหล่งปลูกมันสำปะหลัง 11 จังหวัด พบมันสำปะหลังแสดงอาการของโรค 4 จังหวัด คือ ลพบุรี ตาก ลำปาง และอุตรดิตถ์ ได้?เชื้อราสาเหตุโรค 8 ไอโซเลท ในมันสำปะหลังพันธุ์ระยอง 11 และระยอง 72 จำแนกชนิดเชื้อราสาเหตุโรคแอนแทรคโนส คือ Colletotrichum gloeosporioides 7 ไอโซเลท และ Collectotrichum capsici 1 ไอโซเลท และเชื้อรา Colletotrichum gloeosporioides จากการแยก 7 เชื้อสาเหตุโรคจากตัวอย่างมันสำปะหลังที่แสดงอาการของโรคที่เก็บรวบรวมจากอำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง มีความรุนแรงก่อให้เกิดโรคสูงสุด ส่?วนปัญหาด้?านวัชพืช พบว่?า การใช้สารป้องกันกำจัดวัชพืชพ่นแบบก่?อนวัชพืชงอก (Pre-emergence application) ตามกรรมวิธีทดลอง สามารถควบคุมวัชพืชได้?ดี โดยไม่?เป็นอันตรายต่อต้นมันสำปะหลัง การจัดการวัชพืชแบบผสมผสานเพื่อลดต้?นทุนในระบบการผลิตมันสำปะหลังของเกษตรกร เกษตรกรส่วนใหญ่?เลือกใช้??ผสม s-metolachlor+flumioxazin อัตรา 196+10 กรัมสารออกฤทธิ์ต่?อไร่? ร่?วมกับการไถตากดิน และกาจัดวัชพืชเถาเลื้อยข้ามปีก่?อนไถเตรียมแปลงปลูก ส่วนการกำจัดต้?นข้?าวในการปลูกมันสาปะหลังหลังนา การใช้?สารกำจัดวัชพืช alachlor+diuron อัตรา 240+160 กรัมสารออกฤทธิ์ต่อไร่ จะสามารถควบคุมวัชพืชได้?นานถึง 3 เดือน สามารถลดต้?นทุนการกำจัดวัชพืชของเกษตรกรได้? 3.3-5.4 เท่า ของการใช้?แรงงานดายหญ้?าซึ่งมีต้นทุนเฉลี่ยไร่ละ 2,357 บาท
บทคัดย่อ (EN): The objective of this research was to study the taxonomy of the mealybug, whitefly and mite in cassava for knowing the types, various characteristics, diagnosismethod and distribution area in Thailand. The mealybug samples were collected from the nationwide cultivation areas. They were manufactured to the permanent slide and diagnosed the type following the taxonomy. This study found that the five types of mealybug including Ferrisiavirgata (Cockerell), Phenacoccus manihoti Matile-Ferrero, Phenacoccus madeirensis Green, Pseudococcus jackbeardsleyi Gimple & Miller and Paracoccus marginatus Williams & Granara de Willink. Moreover, this study exhibited the insect natural enemies for 7 types in the order Coleoptera family Coccinellidae, 1 type in the order Neuroptera family Chrysopidae, and 1 type in the order Hymenoptera family Encyrtidae. Taxonomy of whitefly in cassava, 2 species is presented. spiralling Whitefly: Aleurodicus dispersus Russell and tobacco Whitefly: Bemisia tabaci (Gennadius). Mite pest identified under the microscope revealed that 13 species in 2 families were found. The family Tetranychidae contains 11 species. The Tenuipalpidae consists of 2 species . T. truncatus and O. biharensis are considered the most importance mite pests, both of which found throughout the year. More importantly, one new species of mite pest on cassava was found in this study. It was identified as Neotetranychus lek Flechtmann. The specimens preserve insect museum Department of Agriculture Thailand. The low rainfall or during the rainy condition, low temperature and high humidity enhanced the dispersing of the insect of cassava. Mealybug protection was highest when used thiamethoxam 25% WG. Cost production when the farmers use this technology in crease 17-192 baht per rai. (chemical and labor). In addition, the stage 1-3 larva of the Plesiochry saramburi for 3-5 insects/plant for two times could decrease mealybugin cassava. Addition, all chemicals could protect the Tetranychustrun catus Ehara after spraying 7-14 days. Pesticide affecting this study showed that the amitraz 20% EC, pyridaben 20% WP and white oil 67% EC were not toxic to the Stethorus pauperculus. 8
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dric.nrct.go.th//Search/SearchDetail/292790
เผยแพร่โดย: กรมวิชาการเกษตร
คำสำคัญ: กำจัดวัชพืช
คำสำคัญ (EN): Oligonychus biharensis(Hirst
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
โครงการวิจัยและพัฒนาการอารักขาพืชในมันสำปะหลัง
กรมวิชาการเกษตร
30 กันยายน 2558
อาหารจากมันสำปะหลัง มันสำปะหลังพันธุ์ใหม่ "ระยอง 3" ความสัมพันธ์ระหว่างดัชนีพืชพรรณผล ต่างแบบนอร์แมลไลซ์กับผลผลิตมันสำปะหลังในจังหวัดกำแพงเพชร สถานการณ์ปัจจุบันและศักยภาพการผลิตมันสำปะหลังของไทย ผลผลิตของมันสำปะหลังที่เก็บเกี่ยวอายุสั้นในสภาพปริมาณน้ำฝนต่างกัน โครงการวิจัยและพัฒนาเครื่องขุดเก็บมันสำปะหลังและเครื่องมือตัดหัวมันสำปะหลังจากเหง้า แนวทางการลดต้นทุนการผลิตมันสำปะหลังและพัฒนาเครือข่ายของเกษตรกรผู้ผลิตมันสำปะหลังจังหวัดนครราชสีมา การประยุกต์ใช้แบบจำลองการเจริญเติบโตของพืชในการประเมินการตอบสนองของพันธุ์มันสำปะหลังต่อวันปลูกที่แตกต่างกัน โครงการวิจัยและพัฒนาเครื่องปลิดและขนย้ายหัวมันสำปะหลังขึ้นรถบรรทุก การจัดการระบบน้ำที่มีประสิทธิภาพในผลิตมันสำปะหลัง
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก