สืบค้นงานวิจัย
การพัฒนาแหล่งการเรียนรู้ชุมชนในจังหวัดเลย
นัยนา อรรจนาทร - มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย
ชื่อเรื่อง: การพัฒนาแหล่งการเรียนรู้ชุมชนในจังหวัดเลย
ชื่อเรื่อง (EN): The Development of Learning Resources at Changwat Loei7
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: นัยนา อรรจนาทร
บทคัดย่อ: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพของแหล่งเรียนรู้ชุมชนในตำบลนาอ้อ อำเภอเมือง จังหวัดเลย 2) หาแนวทางในการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ชุมชน 3) สร้างรูปแบบของแหล่งเรียนรู้ชุมชน 4) พัฒนาแหล่งการเรียนรู้ชุมชน และ 5) ประเมินรูปแบบแหล่งเรียนรู้ กลุ่มตัวอย่างในงานวิจัย ได้แก่ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแหล่งเรียนรู้ชุมชนในตำบลนาอ้อ อำเภอเมือง จังหวัดเลย วิธีการรวบรวมข้อมูลโดยวิธีเชิงคุณภาพ ใช้การสัมภาษณ์แบบเจาะลึก การสนทนากลุ่ม และการประชุมระดมความคิดเห็นแบบมีส่วนร่วม ส่วนข้อมูลเชิงปริมาณ ใช้แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. สภาพทั่วไปตำบลนาอ้อ อำเภอเมือง จังหวัดเลย เป็นตำบลที่เก่าแก่มาตั้งแต่สมัย โดยส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากเวียงจันทน์และหลวงพระบาง ชาวบ้านประกอบอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งมีแหล่งเรียนรู้ชุมชนที่สำคัญในวัดศรีจันทร์ ตำบลนาอ้อ อำเภอเมือง จังหวัดเลย ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ประภัสสร์ จันทโชติ ซึ่งยังไม่มีระบบในการจัดการข้าวของเครื่องใช้ในพิพิธภัณฑ์ ยังไม่ได้รับการดูแลจากชุมชน ทำให้พิพิธภัณฑ์ไม่น่าสนใจ 2. แนวทางในการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ชุมชนในจังหวัดเลย ที่ชุมชนต้องการ คือ ควรมีการจัดทำระบบและทะเบียนประวัติข้าวของเครื่องใช้ มุมหนังสือสำหรับชุมชน การจัดทำประวัติวัด ประวัติพิพิธภัณฑ์ และควรให้ชุมชนมีส่วนร่วม 3. การสร้างรูปแบบของการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ชุมชน มีดังนี้ จัดทำหนังสือประวัติหมู่บ้าน นาอ้อ ประวัติวัด และประวัติพิพิธภัณฑ์ จัดลงทะเบียนเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ จัดทำป้ายชื่อติดสิ่งของในพิพิธภัณฑ์ จัดทำป้ายแสดงระเบียบการใช้ จัดมุมการอ่านหนังสือและส่งเสริมกิจกรรมการอ่านในพิพิธภัณฑ์ จัดอบรมภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยว การจำลองของใช้โบราณ และจัดเรียงเครื่องใช้ภายในพิพิธภัณฑ์ให้เป็นหมวดหมู่ 4. จากการพัฒนารูปแบบแหล่งเรียนรู้ชุมชน ได้ดำเนินการพัฒนารูปแบบแหล่งเรียนรู้ชุมชนในจังหวัดเลย มีการจัดเรียงเครื่องใช้ในพิพิธภัณฑ์ให้เป็นหมวดหมู่ ได้แก่ จัดทำป้ายชื่อพร้อมบอกข้อมูลของวัตถุแต่ละชิ้น หมวดหมู่พระพุทธรูป เครื่องใช้ในครัวเรือน เครื่องมือทางการเกษตร เครื่องมือเครื่องใช้ในการทอผ้า เครื่องแต่งกาย การจัดทำมุมหนังสือ และการจัดทำแผ่นพับเพื่อประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูล 5. ผลการศึกษาระดับความพึงพอใจของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีต่อการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ชุมชนในจังหวัดเลยโดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก โดยด้านที่มีระดับความพึงพอใจสูงสุด คือ ด้านอาคารสถานที่ รองลงมาคือ ด้านงบประมาณ ส่วนด้านที่มีระดับความพึงพอใจน้อยที่สุด คือ ด้านการมีส่วนร่วมของชุมชน
บทคัดย่อ (EN): The objectives of this research were 1) to study the status of a Community Learning Center in Na-O sub-district, Muang district, Loei province, 2) to find out the way to develop the learning center, 3) to design the community learning center model, 4) to develop the learning center, and 5) to evaluate the designed learning center model for Loei province. Stakeholders of the learning center in Na-O sub-district, Muang district, Loei province were purposively selected as research samples. Qualitative research method was applied for collecting. An in-depth interview, a focus group and a participatory brain-storming meeting were used as research instruments. On the other hand, a quantitative research method was also implemented and a questionnaire was employed. Mean, Percentage and Standard Deviation were used as research statistics for analyzing data. The results of the research were as follows. 1. For general information, Na-O sub-district, Muang district, Loei province is an old district existed since the ancient time. The people in Na-O sub-district are inhanbitats of Vienteine and Luang Phra Bang of Laos. The majority of people living in Na-O community are agriculturists. There is the important community learning center located in Wat Si Jan or Si Jan Temple in Na-O sub-district, Muang district, Leoi Province. It is Prapasjantachot Museum. However, there is no certain organization system for exhibiting. The place is not kept clean by the people in the village; therefore, the museum is not widely known. 2. There are some guidelines for developing the learning center in Loei province suggested by communities. Firstly, the community needs to establish a registration system for displaying appliances, reading corner. The information regarding the historical background of the temple and the museum are also needed, and the communities should participate in taking care of the museum. 3. For the design of developing model for community learning center, the communities need to create the books containing information of historical backgrounds of Na-O Village, the temple and the museum. The communities recommended that the museum should have a registration system for collections to be displayed for visitors as well as nametags on the collections exhibited at the museum, the notice board showing the rules for visitors, a book corner and activities to promote reading inside the museum. Moreover, there should be a training course of English for tourism, the demonstration of using ancient appliances in the past, and an arrangement of collections into appropriate categories. 4. The development of the community learning center model focuses on organizing the museum more systematic. The collections displayed at the museum are reorganized by tagging their names and putting them into categories of Buddha Images, household appliances, agricultural tools, weaving tools and clothes and costumes. There is a book corner within the museum, and brochures for promoting and publicizing information. 5. The level of communities’ satisfaction on the development of the learning community in Loei province was at high level. The communities were satisfied with the aspect of museum building the highest. The communities’ satisfaction on the aspect of budget was at high level. On the other hand, the communities’ satisfaction on the aspect of communication participation was at the lowest level.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย
คำสำคัญ: แหล่งเรียนรู้ชุมชน
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

นัยนา อรรจนาทร. "การพัฒนาแหล่งการเรียนรู้ชุมชนในจังหวัดเลยThe Development of Learning Resources at Changwat Loei7". มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย. 2556

นัยนา อรรจนาทร. "การพัฒนาแหล่งการเรียนรู้ชุมชนในจังหวัดเลยThe Development of Learning Resources at Changwat Loei7". มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย. 2556. Print.



TARR Wordcloud:
การพัฒนาแหล่งการเรียนรู้ชุมชนในจังหวัดเลย
นัยนา อรรจนาทร
มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย
31 ธันวาคม 2556
รูปแบบการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนสู่แหล่งเรียนรู้จังหวัดสุรินทร์ รูปแบบการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนสู่แหล่งเรียนรู้จังหวัดอุดรธานี กรณีศึกษา : เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงบ้านถ่อนนาลับ ตำบลถ่อนนาลับ อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ในอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย โครงการศึกษารูปแบบและกระบวนการพัฒนาองค์กรชุมชนบนพื้นที่สูง การประเมินศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรมในอำเภอภูเรือ จังหวัดเลย ผลกระทบทางสังคมจากการพัฒนาอุตสาหกรรมชายฝั่งทะเลตะวันออก ต่อชุมชนท้องถิ่น : รายงานผลการวิจัย กลยุทธ์การพัฒนาวิสาหกิจชุมชนเพื่อการพึ่งตนเอง กรณีศึกษา : วิสาหกิจชุมชนส่งเสริมผลิตข้าวพันธุ์ดีบ้านห้วยหมาก ตำบลโพธิ์พระยา อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี บทบาทของการพัฒนาศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงในชุมชน : กรณีศึกษา อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน ในรายวิชาการพัฒนาเว็บเบื้องต้น การวางและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชุมชน เพื่อผลในการพัฒนาที่ยั่งยืนของชุมชนเกษตรรายย่อยในตำบลบ่อเกลือใต้ อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair