สืบค้นงานวิจัย
ความสามารถในการเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ของผักอินทรีย์ชนิดต่าง ๆ
วิจิตรา แดงปรก - มหาวิทยาลัยแม่โจ้
ชื่อเรื่อง: ความสามารถในการเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ของผักอินทรีย์ชนิดต่าง ๆ
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: วิจิตรา แดงปรก
บทคัดย่อ: เปรียบเทียบความสามารถในการต้านออกซิเคชันของผักอินทรีย์และผักทั่วไป (ผักปลอดภัยจากสารพิษและผัก MCC; Muliple Cropping Center) ได้แก่ ผักกาคขาว (Brassica chinensis Jusl var. pekinensisRupr.), กะหล่ำปลี (Brassica oleracea cv. Gr. Headedcabbage), คะน้ำ (Brassica oleracea cv. Gr. Chinese), ผักกวางตุ้ง (Brassica rapa L. cV. Gr. Caisin), ผักบุ้งจีน (Ipomoea aquatica) และถั่วฝักยาว (Vigna unguicalaia L.Walp cv. Gr. Sesquipedalis L. Verdc.) นำตัวอย่างผักผงสกัดด้วยเอทานอลเข้มข้นร้อยละ 95 วิเคราะห์หาปริมาณพอลิฟินอลทั้งหมด, DPPH* assay, ABTS * assay และ reducing power พบว่าผักบุ้งจีนอินทรีย์มีปริมาณพอลิพีนอล เท่ากับ 6.65 มิลลิกรัม สมมูลของกรคแกลลิค/น้ำหนักแห้ง ! กรัม ซึ่งมีค่าสูงสุดเมื่อเทียบกับผักบุ้งจีน ที่ปลูกแบบทั่วไป และผักชนิดอื่นที่ปลูกแบบอินทรีย์และทั่วไป โคยมีค่าอยู่ในช่วง 2. 10-5.61 มิลลิกรัม สมมูลของกรคแกลลิค/น้ำหนักแห้ง ! กรัม ความสามารถในการค้านออกชิเดชันของผัก อินทรีย์และผักทั่วไปมีความแตกต่างกันที่ไม่เป็นในทิศทางเดียวกันขึ้นอยู่กับชนิดของผัก (PS0.05) นอกจากนี้ยังพบว่าผักบุ้งจีนอินทรีย์มีความสามารถในการต้านออกซิเดชันที่ดีกว่าผักชนิดอื่นๆ และมี ค่า DPPH (% activity) และค่า TEAC (มิลลิโมลสมมูลของโทรลอกซ์/น้ำหนักแห้ง ! กรัม) เท่ากับ 70.33 และ 14.43 ตามลำคับ (P 50.05) ดังนั้นผักบุ้งจีนอินทรีย์จึงมีศักขภาพสูงในการนำไปใช้เป็น แอนติออกซิแดนท์ในอาหารหรือเพื่อเสริมสร้างสุขภาพ นำผักบุ้งจีนอินทรีย์มาทำการสกัดด้วยเอทานอลเข้มข้นร้อยละ 95 และนำสารสกัดจากผักบุ้งจีนอินทรีย์ที่ได้เดิมลงในน้ำมันถั่วเหลืองโดยมีความ เข้มข้น 500 (SBO-500) และ 1000 (SBO-1000) ppm เปรียบเทียบกับน้ำมันถั่วเหลืองที่เติม BHIA 200 ppm (SBO-BHA) และตัวอย่างน้ำมันถั่วเหลืองที่ไม่ติมสารใค (ตัวอย่างควบคุม) นำตัวอย่างน้ำมันทั้ง 4 ตัวอย่างไปเก็บในตู้บ่มที่อุณหภูมิ 6 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 28 วัน สุ่มตัวอย่างมาตรวจวิเคราะห์ ทุก 4 วัน โดยทำการวิเคราะห์ปริมาณกรดไขมันอิสระ ค่าเปอร์ออกไซด์ และความหนืด ผลการทดลอง พบว่ากรคไขมันอิสระ และค่าเปอร์ออกไซค์มีค่าเพิ่มขึ้นเมื่อระยะการเก็บรักษานานขึ้น โดยที่วันที่ 28 พบว่าตัวอย่าง SBO-500 มีปริมาณกรดไขมันอิสระที่มีค่ามากที่สุดและตัวอย่าง SBO-BHA มีปริมาณกรคไขมันอิสระน้อยที่สุด ส่วนค่าเปอร์ออกไซด์ของตัวอย่างควบคุมมีค่ามากที่สุด รองลงมา คือ ตัวอย่าง SBO-BHA > SBO-1000 > SBO-500 โดยมีค่า 156.00, 135.27, 102.94 และ 96.29 มิลลิกรัม สมมูล/กิโลกรัม ตามลำคับ (P< 0.05) ส่วนความหนีดนั้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เมื่อระยะเวลาการเก็บ รักษามากขึ้น แต่ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (?>0.05) คังนั้น สารสกัดจากผักบุ้งจีนอินทรีย์สามารถใช้เป็น แหล่งของสารแอนติออกซิแคนท์ที่ดีได้
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://webpac.library.mju.ac.th:8080/mm/fulltext/thesis/2553/apichaya_prasoprattanachai/%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%8D%E0%B8%B2%20%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2.pdf
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยแม่โจ้
คำสำคัญ: สารสกัดจากผักอินทรีย์
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยแม่โจ้
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ความสามารถในการเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ของผักอินทรีย์ชนิดต่าง ๆ
มหาวิทยาลัยแม่โจ้
2552
ระบบโรงเรือนอัจฉริยะเพื่อการผลิตผักสลัดอินทรีย์ การศึกษาประสิทธิภาพทางเทคนิคการผลิตผักอินทรีย์ ความตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และการบริโภคผักอินทรีย์ของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร พฤติกรรมการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชและทัศนคติด้านความเสี่ยงของเกษตรกรผู้ปลูกผักในจังหวัดปทุมธานี สถานการณ์เชื้อจุลินทรีย์อีโคไลและซัลโมเนลลาในผักจากแปลง เขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ความแปรปรวนของปริมาณสารแอนติออกซิแดนซ์ในใบชาที่ปลูกในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ศึกษาการผลิตผักอินทรีย์เปรียบเทียบกับการใส่ปุ๋ยรูปแบบต่างๆ ในระบบการปลูกพืชหมุนเวียน เมลาโทนินและฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระในผักจากท้องถิ่น ผลของการใช้สารสกัดชีวภาพเป็นแหล่งของธาตุอาหาร ต่อการเจริญเติบโตของผักสลัดที่ปลูกในระบบไฮโดรพอนิกส์ การศึกษาอิทธิพลของความร้อน ต่อความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระของพืชผักไทยบางชนิด
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก