สืบค้นงานวิจัย
โครงการวิจัยพัฒนาพันธุ์มันฝรั่งและเทคโนโลยีการผลิต
สนอง จรินทร - กรมวิชาการเกษตร
ชื่อเรื่อง: โครงการวิจัยพัฒนาพันธุ์มันฝรั่งและเทคโนโลยีการผลิต
ชื่อเรื่อง (EN): Research Project on Potato Variety Development
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: สนอง จรินทร
บทคัดย่อ: การดำเนินโครงการวิจัยการพัฒนาพันธุ์มันฝรั่งและเทคโนโลยีการผลิต ประกอบไปด้วยการทดสอบความต้านทานโรคใบไหม้ (Phytophthora infestans) ของสายต้น Atlantic ที่คัดเลือกได้ การใช้วัสดุคลุมแปลงในการผลิตมันฝรั่ง และการทดสอบพันธุ์มันฝรั่งต้านทานโรคใบไหม้ในแปลงเกษตรกร ดังนี้ การทดสอบความต้านทานโรคใบไหม้ (Phytophthora infestans) ของสายต้น Atlantic ที่คัดเลือกได้ ดำเนินการปี 2554-2556 ที่ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) จังหวัดเชียงใหม่ และ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเชียงใหม่ (ฝาง) วางแผนการทดลองแบบ RCB มี 4 ซ้ำ 5 กรรมวิธี ได้แก่ พันธุ์ต้านทานโรคใบไหม้จากสายต้นที่คัดเลือกได้ ได้แก่ A1, A3, A5, A9 และพันธุ์ Atlantic ดั้งเดิมที่ผลิตภายในประเทศ ซึ่งใช้เป็นพันธุ์เปรียบเทียบ ทำการบันทึกการเจริญเติบโต ที่ 30 และ 60 วันหลังปลูก ผลผลิตและองค์ประกอบของผลผลิต และระดับการเกิดโรคใบไหม้ ในปี 2554 ที่ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) พบว่ามันฝรั่งมีความสูงเมื่ออายุ 60 วันเฉลี่ย อยู่ระหว่าง 46.60–58.86 เซนติเมตร เมื่อเปรียบเทียบจำนวนหัวต่อหลุม สายต้นมันฝรั่ง A9 มีจำนวนหัวเฉลี่ยสูงสุด 9.31 หัว ส่วนน้ำหนักต่อหลุม พันธุ์ Atlantic มีน้ำหนักหัวเฉลี่ยสูงสุด 601.94 กรัม เมื่อเปรียบเทียบผลผลิตต่อไร่ของพันธุ์Atlantic มีผลผลิตเฉลี่ยสูงสุด 5,490 กรัม/ไร่ และทุกกรรมวิธีมีระดับการเกิดโรคใบไหม้อยู่ระหว่าง 5-6 (แปลงมองดูเขียวแต่ทุกต้นเป็นโรค ใบล่างแห้งตาย ใบถูกทำลาย 50 เปอร์เซ็นต์ และแปลงมองดูเขียวและมีจุดสีน้ำตาล ต้นถูกทำลาย 75 เปอร์เซ็นต์ ใบล่างครึ่งหนึ่งถูกทำลาย) ส่วนที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเชียงใหม่ พบว่าสายต้นมันฝรั่ง A3 มีจำนวนหัวเฉลี่ยสูงสุด 6.55 หัว น้ำหนักต่อหลุมของสายต้นมันฝรั่ง A3 มี น้ำหนักหัวเฉลี่ยสูงสุด 228 กรัม เมื่อเปรียบเทียบผลผลิตต่อไร่ สายต้นมันฝรั่ง A3 มีผลผลิตเฉลี่ยสูงสุด 1,791.67 กรัม/ไร่ และทุกกรรมวิธีไม่แสดงอาการโรคใบไหม้ ในปี 2555 พบว่าเมื่อต้นมันฝรั่งมีอายุประมาณ 60 วัน เกิดลมและฝนตกติดต่อกันนานหลายวัน ทำให้ต้นมันฝรั่งหักเสียหายและเกิดเน่าเสีย จนไม่สามารถเก็บผลผลิตได้ ในปี 2556 พบว่าเมื่อต้นมันฝรั่งอายุ 60 วัน มีความสูงเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 67.15-75.13 เซนติเมตร เมื่อเปรียบเทียบจำนวนต้นต่อหลุม สายต้นมันฝรั่ง A9 มีจำนวนต้นเฉลี่ยสูงสุด 1.94 ต้น ส่วนมันฝรั่งของสายต้น A1 มีค่าเฉลี่ยหัวขนาดใหญ่ (?>45 มิลลิเมตร) สูงที่สุด 2.50 หัว สายต้นมันฝรั่ง A9 มีน้ำหนักต่อหลุมเฉลี่ยสูงสุด 328.30 กรัม เมื่อเปรียบเทียบผลผลิตต่อไร่ สายต้นมันฝรั่ง A9 มีผลผลิตเฉลี่ยสูงสุด 4,315 กิโลกรัม/ไร่ และทุกกรรมวิธีมีเปอร์เซ็นต์การรอด 68–69 % เปอร์เซ็นต์การเกิดโรคไวรัส เมื่ออายุ 60 วัน ของสายต้นมันฝรั่ง A5 และ A9 มีค่าเฉลี่ยการเกิดโรคต่ำสุด เท่ากับ 2.09% ส่วนระดับการเกิดโรคใบไหม้ เมื่ออายุ 65 วัน สายต้น A3 มีระดับการเกิดโรคใบไหม้เฉลี่ยต่ำสุด 3.75 ซึ่งไม่มีความแตกต่างกันกับสายต้นมันฝรั่ง A9 (พืชดูสมบูรณ์แต่เมื่อเข้าใกล้จะเห็นแผลพื้นที่ใบที่เป็นแผลไม่เกิน 20 ใบย่อย และโรคใบไหม้เห็นโดยง่ายทั่วไป ใบเป็นแผลประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์) การศึกษาการใช้วัสดุคลุมแปลงในการผลิตมันฝรั่ง ดำเนินการในพื้นที่ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) ในปี 2555-2556 วางแผนการทดลองแบบ RCB มี 5 กรรมวิธี 4 ซ้ำ ได้แก่ ปลูกโดยไม่มีการคลุมแปลง คลุมแปลงด้วยพลาสติก คลุมแปลงด้วยหญ้าคา คลุมแปลงด้วยฟางข้าว และคลุมแปลงด้วยเปลือกกับซังข้าวโพด แปลงที่ไม่มีการคลุมวัสดุจะพ่นยาคลุมวัชพืช ส่วนกรรมวิธีที่มีการคลุมแปลงจะไม่พ่นยาคลุมวัชพืช โดยคลุมแปลงให้หนา 30 เซนติเมตร และทำการบันทึกการเจริญเติบโต ที่ 30 และ 60 วันหลังปลูก ปริมาณผลผลิต คุณภาพผลผลิต และสำรวจสุขภาพของพืช จากการทดลองพบว่าต้นมันฝรั่งคลุมแปลงด้วยเปลือกและซังข้าวโพด ฟางข้าว และหญ้าคา จะมีการเจริญเติบโตดีที่สุด ผลผลิตของต้นมันฝรั่งที่ปลูกโดยการคลุมแปลงด้วยฟางข้าว มีจำนวนหัวต่อหลุมเฉลี่ยสูงที่สุด 8.5 หัว/หลุม รองลงมาคือ มันฝรั่งที่ปลูกโดยคลุมด้วยหญ้าคาและมันฝรั่งที่ปลูกโดยคลุมด้วยเปลือกและซังข้าวโพด มีจำนวนหัวต่อหลุมเฉลี่ย 7.8 และ 7.3 หัว/หลุม ตามลำดับ น้ำหนักหัวต่อหลุมมันฝรั่งที่ปลูกด้วยการคลุมด้วยหญ้าคาจะมีน้ำหนักหัวต่อหลุมเฉลี่ยมากที่สุด 267.7 กรัม/หัว รองลงมาคือ มันฝรั่งที่ปลูกโดยคลุมด้วยเปลือกและซังข้าวโพดและมันฝรั่งที่ปลูกโดยคลุมด้วยหญ้าคา มีน้ำหนักหัวต่อหลุมเฉลี่ย 244.2 และ 226.9 กรัม/หัว ตามลำดับ และมันฝรั่งที่ปลูกด้วยการคลุมด้วยหญ้าคาจะให้ผลผลิตต่อพื้นที่ปลูก 12 ตารางเมตร เฉลี่ยมากที่สุด 5.54 กิโลกรัม รองลงมาคือ มันฝรั่งที่ปลูกด้วยการคลุมด้วยฟางข้าว และมันฝรั่งที่ปลูกด้วยเปลือกกับซังข้าวโพด ให้ผลผลิตต่อพื้นที่ปลูก 12 ตารางเมตร เฉลี่ย 5.49 และ 5.40 กิโลกรัม ตามลำดับ ขนาดหัวของมันฝรั่งที่ปลูกโดยคลุมด้วยฟางข้าวจะมีจำนวนหัวต่อพื้นที่ 12 ตารางเมตร เฉลี่ยมากที่สุด 186 หัว และมีขนาดหัวใหญ่กว่า 45 กรัมเฉลี่ยสูงที่สุด 21 หัว ส่วนการคลุมแปลงด้วยหญ้าคา จะมีขนาดหัวน้อยกว่า 45 กรัมเฉลี่ยสูงที่สุด 170 หัว นอกจากนี้การคลุมแปลงด้วยฟางข้าว จะลดการเกิดโรคใบไหม้ เปอร์เซ็นต์การเกิดหัวเขียวต่ำที่สุด ลดอัตราการเกิดวัชพืช และลดอุณหภูมิในดินลงดีที่สุด รองลงมาคือการคลุมแปลงด้วยเปลือกกับซังข้าวโพด และหญ้าคา เมื่อเปรียบเทียบกับการคลุมแปลงด้วยพลาสติก และไม่มีการคลุมแปลง ดังนั้นการคลุมแปลงด้วยวัสดุที่เหมาะสม ซึ่งเป็นวัสดุที่เหลือใช้ และหาได้ง่ายในท้องถิ่น ได้แก่ ฟางข้าว และ เปลือกและซังข้าวโพด จะเป็นวิธีที่เหมาะสมกับการปลูกมันฝรั่งแบบแถวคู่ ควรคลุมแปลงให้หนา 30 เซนติเมตร ซึ่งจะทำให้ต้นมันฝรั่งมีการเจริญเติบโตที่ดี ผลผลิตมันฝรั่งเพิ่มขึ้น ช่วยลดปริมาณการเกิดวัชพืช ลดการเกิดหัวเขียว รักษาความชื้นในดิน โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งและเป็นการช่วยลดต้นทุนการผลิตมันฝรั่งของเกษตรกรได้ การทดสอบพันธุ์มันฝรั่งต้านทานโรคใบไหม้ในแปลงเกษตรกร จ.เชียงใหม่ จ.ลำพูน และ จ.ตาก ปี 2557-2559 โดยศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ ร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเชียงใหม่ และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรตาก วางแผนการทดลองแบบ Simple randomized trial ดำเนินการทดสอบในแปลงเกษตรกร ประกอบด้วย 3 กรรมวิธี คือ มันฝรั่งพันธุ์ต้านทานโรคใบไหม้ที่ได้จากกรมวิชาการเกษตร สายพันธุ์ A3, สายพันธุ์ A9 และมันฝรั่งพันธุ์ Atlantic ของเกษตรกรที่ผลิตในประเทศซึ่งใช้เป็นพันธุ์เปรียบเทียบ และทำการประเมินผลผลิตและความต้านทานโรคใบไหม้ จากการทดสอบพบว่ามันฝรั่งต้านทานโรคใบไหม้ที่ปลูกในฤดูฝน สายต้น A3 ให้จำนวนหัวต่อหลุมเฉลี่ยสูงที่สุด 4.4 หัว น้ำหนักหัวต่อหลุมเฉลี่ยสูงที่สุด 857.2 กรัม ผลผลิตต่อไร่เฉลี่ยสูงที่สุด 3,429 กิโลกรัม และเปอร์เซ็นต์แป้งเฉลี่ยเท่ากับ 19.43 % มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญกับสายต้น A9 และมันฝรั่งพันธุ์ Atlantic ของเกษตรกร ไม่พบเปอร์เซ็นต์การเกิดโรคใบไหม้ในมันฝรั่งทั้งสามสายพันธุ์ ส่วนการทดสอบมันฝรั่งในฤดูหนาวที่ อ.ฝาง, อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ อ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน และ อ.พบพระ จ.ตาก พบว่าสายต้น A9 ให้จำนวนหัวต่อหลุมเฉลี่ยสูงที่สุด 11.5 หัว น้ำหนักหัวต่อหลุมเฉลี่ยสูงที่สุด 809.3 กรัม ผลผลิตต่อไร่เฉลี่ยสูงที่สุด 3,608 กิโลกรัม และเปอร์เซ็นต์แป้งเฉลี่ยเท่ากับ 18.55 % ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับสายต้น A3 ที่มีจำนวนหัวต่อหลุมเฉลี่ย 9.7 หัว น้ำหนักหัวต่อหลุมเฉลี่ย 775 กรัม ผลผลิตต่อไร่เฉลี่ย 3,162.3 กิโลกรัม และเปอร์เซ็นต์แป้งเฉลี่ย 17.93 % และสายพันธุ์ Atlantic ไม่พบเปอร์เซ็นต์การเกิดโรคใบไหม้ในมันฝรั่งทั้งสามสายพันธุ์ ดังนั้นมันฝรั่งสายต้น A3 เหมาะสมต่อการผลิตมันฝรั่งในฤดูฝน และสายต้น A9 เหมาะสมต่อการผลิตมันฝรั่งในฤดูหนาว ซึ่งจะให้จำนวนหัวมาก ผลผลิตสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี สามารถส่งเสริมเป็นพันธุ์แนะนำของกรมวิชาการเกษตร เพื่อเผยแพร่ให้เกษตรกรปลูกต่อไป
บทคัดย่อ (EN): Testing of selected potato clones for late blight resistance was conducted at Chiang Mai Royal Agricultural Research Center (Khun Wang), Chiang Mai Agricultural Research and Development Center during 2011-2013. The experiment was designed to accommodate a randomized complete block design trial with four replications and five treatments of A1, A3, A5, A9 and Atlantic (commercial variety). The yield, quality attribute and late blight occurrence of potato were evaluated. In 2011, the height of potato after planting 60 days at Chiang Mai Royal Agricultural Research Center (Khun Wang) was showed 46.60-58.86 cm and A9 variety was higher tuber per plant (9.31 tubers per plant). Atlantic variety was higher weight per plant (601.94 g) and yield (5,490 kg/rai). The late blight level of all treatment was showed level 5-6 (Plot looks green; however, all plants are affected, lower leaves are dead, about half the foliage area is destroyed and Plot looks green with brown flecks. About 75 % of each plant is affected. Leaves of the lower half of plants are destroyed). Moreover, potato planting in Chiang Mai Agricultural Research and Development Center show that A3 variety was higher tuber per plant (6.55 tubers per plant), weight per plant (228 g), the yield (1,791.67 kg). Late blight level of all treatment was not appeared disease. In 2013, the height of potato after planting 60 days was showed 67.15-75.13 cm, A9 variety was higher plant (1.94 plant) than other variety. A1 variety was higher grade ?>45 mm. tuber per plant (2.50 tubers per plant), A9 variety was higher weight per plant (328.30 g) and yield (4,315 kg). The harvesting percentage of all treatment was showed 68-69%. The percentage of virus after planting was lower in A5 and A9 variety (2.09%). Late blight level of A3 variety after planting 65 days was lower 3.75 but not significant with A9 variety. The Study of using mulch in potato production was conducted at Chiang Mai Royal Agricultural Research Center (Khun Wang) during 2012–2013. The experiment included cultivation without mulch, cultivation with plastic black, cultivation with cogon grass, cultivation with rice straw, and cultivation with corn husk and cob. This study were designed to accommodate a RCB, five treatments and four replication per treatments. For the plantation without mulch was used herbicide. On contrary, the plantation with mulch didn’t apply herbicide but using mulch to cover the plantation around 20 centimeters thick. Variables used to measure performance include the growth, yield, and quality attribute of potato. Results showed that the potato in field cover with corn husk and cob, rice straw, and cogon grass showed the best growth. Potato production from cultivation with rice straw has highest tuber per hole (9 tubers per hole) at 268 gram per a potato. The potato cultivation with cogon grass provided the highest potato production (186 tubers) considered 12 square meter plantation area and showed the highest amount of potato’ size which are bigger than 45 gram (21 tubers). However, the cultivation with cogon grass provided the smallest size of potato tuber which is less than 45 gram (170 tubers). Moreover, cultivation with rice straw was able to reduce of herbicide, pesticide and late blight diseases. This cultivation is also showed the best result to reduced soil temperature. The following best cultivations are planting with corn husk and cob, and with cogon grass comparing to cultivation with plastic and cultivation without mulch. Therefore, using appropriate and available mulch is able to increase potato production and growth rate and reduce production cost. The trial of potato late blight resistant varieties in farmer’s field at Chiangmai, Chiangrai, Lumpoon and Tak Province was conducted in the Chiang Mai Royal Agricultural Research Center (CMRARC), Chiang Mai Agricultural Research and Development Center and Tak Agricultural Research and Development Center during 2014-2016. The experiment was designed to accommodate a simple randomized trial with two replications and three treatments of A3, A9 (late blight resistant varieties) and Atlantic (commercial variety). The yield, quality attribute and late blight occurrence of potato were evaluated. In rainy season, potato production of A3 variety at Maewang, Chiangmai was higher tuber per plant (4.4 tubers per plant), weight per plant (857.2 g), the yield (3,429 kg) and percentage of total solid (19.43%) than A9 and Atlantic varieties. In cold season, A9 variety at Fang, Sansai, Chiangmai province, Tunghuachang, Lumpoon province and Poppra, Tak province was higher tuber per plant (11.5 tubers per plant), weight per plant (809.3 g), the yield (3,608 kg) and percentage of total solid (18.55%) than Atlantic variety but did not significant from A3 that show tuber per plant (9.7 tubers per plant), weight per plant (775 g), the yield (3,162 kg) and percentage of total solid (17.93%). However, the late blight did not appear in planting areas because the environment not appropriate to infect disease and good soil preparation and management. Then, A3 was suitable variety for planting in rainy season and A9 was suitable variety for planting in cold season because they was showed high tuber and yield including resistant late blight and can adapt in environment in north and northeastern of Thailand. Therefore, using appropriate and available variety is able to increase potato production and quality attribute and reduce production cost.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมวิชาการเกษตร
คำสำคัญ: ความต้านทานโรค
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
โครงการวิจัยพัฒนาพันธุ์มันฝรั่งและเทคโนโลยีการผลิต
สนอง จรินทร
กรมวิชาการเกษตร
30 กันยายน 2558
โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอ้อย โครงการวิจัยการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตหัวพันธุ์มันฝรั่ง โครงการวิจัยเทคโนโลยีการผลิตมันฝรั่งที่มีคุณภาพ โครงการศึกษาเทคโนโลยีการผลิตมันฝรั่ง โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตบัวบก โครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์และเทคโนโลยีการผลิตชา ชุดโครงการวิจัยและพัฒนามันฝรั่ง โครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์อ้อย เทคโนโลยีการผลิตพืชแห่งศตวรรษที่ 21 การบริหารจัดการเทคโนโลยีเพื่อผลิตลำไยนอกฤดูในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย ระยะที่ 1
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก