สืบค้นงานวิจัย
สมบัติของฟิล์มและเจลจากแป้งมันสำปะหลังดัดแปรด้วยกรดในแอลกอฮอล์
ปฐมา จาตกานนท์ - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: สมบัติของฟิล์มและเจลจากแป้งมันสำปะหลังดัดแปรด้วยกรดในแอลกอฮอล์
ชื่อเรื่อง (EN): Properties of film and gel from cassava starch modified by acid hydrolysis in alcohols
บทคัดย่อ: จากการดัดแปรแป้งมันสำปะหลังด้วยการย่อยในสารละลายกรดไฮโดรคลอริกเข้มข้นร้อยละ 4 ในน้ำและเอทานอล ที่อุณหภูมิ 35 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 1-24 ชั่วโมง พบว่าการย่อยแป้งในเอทานอลทำให้สูญเสียคาร์โบไฮเดรตที่ละลายได้ในปริมาณน้อยกว่าและมีร้อยละผลได้สูงกว่าการย่อยด้วยกรดในน้ำ แป้งที่ย่อยด้วยกรดมีค่าความหนืดขณะร้อนต่ำกว่าแป้งดิบอย่างมีนัยสำคัญ และมีค่าลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อแป้งผ่านการย่อยด้วยกรดเป็นระยะเวลานานขึ้น การย่อยแป้งมันสำปะหลังด้วยกรดในเอทานอลเกิดได้เร็วกว่าการย่อยด้วยกรดในน้ำ โดยแป้งที่ย่อยด้วยกรดในเอทานอลมีความหนืดขณะร้อนต่ำกว่าแป้งที่ย่อยด้วยกรดในน้ำ ที่ระยะเวลาการย่อยเดียวกัน 1.5-3 เท่า แป้งเปียกของแป้งย่อยด้วยกรดในน้ำและเอทานอลมีความใสมากกว่าแป้งเปียกจากแป้งดิบและมีค่าใกล้เคียงกันที่ระยะเวลาการย่อยเท่ากัน และมีค่าลดลงหลังการเก็บรักษา 7 วัน โดยเฉพาะแป้งเปียกจากแป้งย่อยด้วยกรดในน้ำ ฟิล์มที่เตรียมได้จากแป้งดิบและแป้งย่อยด้วยกรดในน้ำและ เอทานอลที่มีความหนืดขณะร้อนสูง (450-550 mPa.s) กลาง (150-240 mPa.s) และ ต่ำ (< 20 mPa.s) ซึ่งได้จากการย่อยด้วยแป้งด้วยกรดในน้ำเป็นเวลา 2, 4 และ 20 ชั่วโมง และในเอทานอลเป็นเวลา 1, 2 และ 12 ชั่วโมง ตามลำดับ มีลักษณะเป็นแผ่นค่อนข้างใส โดยเฉพาะฟิล์มจากแป้งที่ความหนืดระดับต่ำ และมีรอยหยักเป็นลอนในสภาวะที่ไม่มีกลีเซอรอล แผ่นฟิล์มจากแป้งย่อยด้วยกรดโดยเฉพาะในเอทานอลมีรอยแตกและเปราะมากขึ้นเมื่อระดับความหนืดของแป้งที่ใช้เตรียมฟิล์มลดลง ในขณะที่การเติมกลีเซอรอลร้อยละ 33.3 ของน้ำหนักแป้งแห้ง ทำให้ฟิล์มมีผิวเรียบขึ้น โดยทั่วไปฟิล์มจากแป้งย่อยด้วยกรดมีค่าการส่องผ่านแสงและความสามารถในการละลายได้สูงกว่าฟิล์มจากแป้งดิบ และมีค่าความแข็งและค่ายังของมอดูลัสสูงกว่า ในขณะที่มีค่าร้อยละการยืดตัวต่ำกว่า ฟิล์มจากแป้งย่อยด้วยกรดจึงแข็งแรง แต่เปราะกว่าและมีความยืดหยุ่นน้อยกว่าฟิล์มจากแป้งดิบ โดยการเติมกลีเซอรอลส่งผลให้ทั้งความแข็ง ค่ายังของมอดูลัสลดลง ในขณะที่ร้อยละของการยืดตัวของฟิล์มเพิ่มขึ้น หลังผ่านการเก็บรักษาฟิล์มจากแป้งดิบและแป้งย่อยด้วยกรดมีค่าความแข็งเพิ่มขึ้น แต่มีความยืดหยุ่นลดลง โดยเฉพาะในสภาวะที่มีกลีเซอรอล แป้งดัดแปรที่ระดับความหนืดต่ำหรือขนาดโมเลกุลเล็กกว่า มีแนวโน้มที่จะเกิดเจลที่มีความแข็งแรงมากกว่า และเจลจากแป้งที่มีความหนืดระดับต่ำกว่ามีความแข็งสูงกว่าเจลจากแป้งที่มีความหนืดสูงกว่าและแป้งดิบ จากการดัดแปรแป้งมันสำปะหลังด้วยการย่อยในสารละลายกรดไฮโดรคลอริกเข้มข้นร้อยละ 4 ในน้ำและเอทานอล ที่อุณหภูมิ 35 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 1-24 ชั่วโมง พบว่าการย่อยแป้งในเอทานอลทำให้สูญเสียคาร์โบไฮเดรตที่ละลายได้ในปริมาณน้อยกว่าและมีร้อยละผลได้สูงกว่าการย่อยด้วยกรดในน้ำ แป้งที่ย่อยด้วยกรดมีค่าความหนืดขณะร้อนต่ำกว่าแป้งดิบอย่างมีนัยสำคัญ และมีค่าลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อแป้งผ่านการย่อยด้วยกรดเป็นระยะเวลานานขึ้น การย่อยแป้งมันสำปะหลังด้วยกรดในเอทานอลเกิดได้เร็วกว่าการย่อยด้วยกรดในน้ำ โดยแป้งที่ย่อยด้วยกรดในเอทานอลมีความหนืดขณะร้อนต่ำกว่าแป้งที่ย่อยด้วยกรดในน้ำ ที่ระยะเวลาการย่อยเดียวกัน 1.5-3 เท่า แป้งเปียกของแป้งย่อยด้วยกรดในน้ำและเอทานอลมีความใสมากกว่าแป้งเปียกจากแป้งดิบและมีค่าใกล้เคียงกันที่ระยะเวลาการย่อยเท่ากัน และมีค่าลดลงหลังการเก็บรักษา 7 วัน โดยเฉพาะแป้งเปียกจากแป้งย่อยด้วยกรดในน้ำ ฟิล์มที่เตรียมได้จากแป้งดิบและแป้งย่อยด้วยกรดในน้ำและ เอทานอลที่มีความหนืดขณะร้อนสูง (450-550 mPa.s) กลาง (150-240 mPa.s) และ ต่ำ (< 20 mPa.s) ซึ่งได้จากการย่อยด้วยแป้งด้วยกรดในน้ำเป็นเวลา 2, 4 และ 20 ชั่วโมง และในเอทานอลเป็นเวลา 1, 2 และ 12 ชั่วโมง ตามลำดับ มีลักษณะเป็นแผ่นค่อนข้างใส โดยเฉพาะฟิล์มจากแป้งที่ความหนืดระดับต่ำ และมีรอยหยักเป็นลอนในสภาวะที่ไม่มีกลีเซอรอล แผ่นฟิล์มจากแป้งย่อยด้วยกรดโดยเฉพาะในเอทานอลมีรอยแตกและเปราะมากขึ้นเมื่อระดับความหนืดของแป้งที่ใช้เตรียมฟิล์มลดลง ในขณะที่การเติมกลีเซอรอลร้อยละ 33.3 ของน้ำหนักแป้งแห้ง ทำให้ฟิล์มมีผิวเรียบขึ้น โดยทั่วไปฟิล์มจากแป้งย่อยด้วยกรดมีค่าการส่องผ่านแสงและความสามารถในการละลายได้สูงกว่าฟิล์มจากแป้งดิบ และมีค่าความแข็งและค่ายังของมอดูลัสสูงกว่า ในขณะที่มีค่าร้อยละการยืดตัวต่ำกว่า ฟิล์มจากแป้งย่อยด้วยกรดจึงแข็งแรง แต่เปราะกว่าและมีความยืดหยุ่นน้อยกว่าฟิล์มจากแป้งดิบ โดยการเติมกลีเซอรอลส่งผลให้ทั้งความแข็ง ค่ายังของมอดูลัสลดลง ในขณะที่ร้อยละของการยืดตัวของฟิล์มเพิ่มขึ้น หลังผ่านการเก็บรักษาฟิล์มจากแป้งดิบและแป้งย่อยด้วยกรดมีค่าความแข็งเพิ่มขึ้น แต่มีความยืดหยุ่นลดลง โดยเฉพาะในสภาวะที่มีกลีเซอรอล แป้งดัดแปรที่ระดับความหนืดต่ำหรือขนาดโมเลกุลเล็กกว่า มีแนวโน้มที่จะเกิดเจลที่มีความแข็งแรงมากกว่า และเจลจากแป้งที่มีความหนืดระดับต่ำกว่ามีความแข็งสูงกว่าเจลจากแป้งที่มีความหนืดสูงกว่าและแป้งดิบ
บทคัดย่อ (EN): Native cassava starch was subjected to hydrolysis by 4% HCl in water and ethanol at 35 oC for 1-24 hr. The effects acid hydrolysis on hot viscosity and clarity of cassava starch paste were then investigated. Acid hydrolysis in ethanol resulted in less amount of soluble carbohydrate loss and provided higher yield compared to that in water. Hydrolyzed cassava starch had significantly lower hot paste viscosity than native cassava starch. Their viscosity was progressively reduced along with longer hydrolysis time. Acid hydrolysis occurred more rapidly in ethanol than water. Starches hydrolyzed in ethanol possessed 1.5-3 times lower viscosity than those hydrolyzed in water at the same hydrolysis period. Furthermore, hydrolyzed starch pastes showed better light transmittance than native starch paste. Their paste clarity was reduced after 7 day storage, especially those from starches hydrolyzed in water. Films were then prepared from native and hydrolyzed starches with high (450-550 mPa.s), medium (150-250 mPa.s) and low (< 20 mPa.s) viscosity levels obtained from hydrolysis in water for 2, 4 and 20 hr and in ethanol for 1, 2 and 12 hr, respectively. All starch films casted without glycerol, especially those with low viscosity, were relatively transparent and exhibited shrinkage. Hydrolyzed starches with decreasing viscosity level, in particular starched hydrolyzed in ethanol, formed more brittle films with more cracks, while the addition of 20% glycerol resulted in films with smoother surface in all cases. In general, acid hydrolyzed starch films were more translucent and soluble than native starch films. Acid hydrolyzed starch films in most cases possessed higher tensile strength and young’s modulus, but lower %elongation than native starch film. Tensile strength and young’s modulus were reduced whereas %elongation was enhanced by the addition of glycerol. In addition, hydrolyzed starch with lower viscosity or smaller molecular weight possesses higher tendency to form gel than those with higher viscosity. Starch gels then become stronger when prepared from hydrolyzed starch with lower viscosity. Native cassava starch was subjected to hydrolysis by 4% HCl in water and ethanol at 35 oC for 1-24 hr. The effects acid hydrolysis on hot viscosity and clarity of cassava starch paste were then investigated. Acid hydrolysis in ethanol resulted in less amount of soluble carbohydrate loss and provided higher yield compared to that in water. Hydrolyzed cassava starch had significantly lower hot paste viscosity than native cassava starch. Their viscosity was progressively reduced along with longer hydrolysis time. Acid hydrolysis occurred more rapidly in ethanol than water. Starches hydrolyzed in ethanol possessed 1.5-3 times lower viscosity than those hydrolyzed in water at the same hydrolysis period. Furthermore, hydrolyzed starch pastes showed better light transmittance than native starch paste. Their paste clarity was reduced after 7 day storage, especially those from starches hydrolyzed in water. Films were then prepared from native and hydrolyzed starches with high (450-550 mPa.s), medium (150-250 mPa.s) and low (< 20 mPa.s) viscosity levels obtained from hydrolysis in water for 2, 4 and 20 hr and in ethanol for 1, 2 and 12 hr, respectively. All starch films casted without glycerol, especially those with low viscosity, were relatively transparent and exhibited shrinkage. Hydrolyzed starches with decreasing viscosity level, in particular starched hydrolyzed in ethanol, formed more brittle films with more cracks, while the addition of 20% glycerol resulted in films with smoother surface in all cases. In general, acid hydrolyzed starch films were more translucent and soluble than native starch films. Acid hydrolyzed starch films in most cases possessed higher tensile strength and young’s modulus, but lower %elongation than native starch film. Tensile strength and young’s modulus were reduced whereas %elongation was enhanced by the addition of glycerol. In addition, hydrolyzed starch with lower viscosity or smaller molecular weight possesses higher tendency to form gel than those with higher viscosity. Starch gels then become stronger when prepared from hydrolyzed starch with lower viscosity.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คำสำคัญ: แอลกอฮอล์
คำสำคัญ (EN): alcohol
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
สมบัติของฟิล์มและเจลจากแป้งมันสำปะหลังดัดแปรด้วยกรดในแอลกอฮอล์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
30 กันยายน 2554
อาหารจากมันสำปะหลัง การพัฒนาฟิล์มประกอบแอคทีฟจากเจลาตินและแป้งมันสำปะหลังดัดแปรและความสามารถในการถนอมอาหารของฟิล์ม ผลของสภาวะแทรนซิชันในกระบวนการเจลาติไนเซชันของเม็ดแป้งที่มีต่อสมบัติการปลดปล่อยสารของฟิล์มประกอบของไข่ขาวกับแป้งมันสำปะหลัง การผลิตไฮโดรเจลจากแป้งมันสำปะหลังและแป้งพุทธรักษา การหมักแอลกอฮอล์โดยตรงจากแป้งมันสำปะหลังด้วยยีสต์ที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรม การพัฒนาแผ่นปิดแผลไฮโดรเจลจากแป้งมันสำปะหลัง-ระยะที่ 2: การปรับปรุงสมบัติเชิงกลและการขึ้นรูปแผ่นปิดแผล การพัฒนาฟิล์มที่บริโภคจากแป้งข้าวและแป้งมันสำปะหลังสำหรับอุตสาหกรรมผลไม้และธัญพืชแปรรูปของไทย การพัฒนาฟิล์มที่บริโภคจากแป้งข้าวและแป้งมันสำปะหลังสำหรับอุตสาหกรรมผลไม้และธัญพืชแปรรูปของไทย การเตรียมไฮโดรเจลจากยางธรรมชาติและแป้งมันสำปะหลังที่เติมปุ๋ยชีวภาพEMและตัวยาเพื่อใช้งานเกษตรกรรม โครงการศึกษาความเข้ากันได้ของพอลิเมอร์ผสมระหว่างยางพาราและแป้งมันสำปะหลังดัดแปรทางเคมี
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก