สืบค้นงานวิจัย
การวิจัยผลกระทบทรัพยากรดินจากการใช้น้ำกากส่าของการปลูกอ้อยในเชิงพื้นที่
ฤดี โคตรชารี - มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ชื่อเรื่อง: การวิจัยผลกระทบทรัพยากรดินจากการใช้น้ำกากส่าของการปลูกอ้อยในเชิงพื้นที่
ชื่อเรื่อง (EN): Research and Impact of Spent wash Liquid on Soil Resources in Sugar Cane Area-base
บทคัดย่อ: การวิจัยผลกระทบทรัพยากรดินจากการใช้น้ำกากส่าของการปลูกอ้อยในเชิงพื้นที่ เป็นการศึกษาแบบสำรวจพื้นที่ การเก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์เชิงลึก และการวิเคราะห์ดินตามพื้นที่ของเกษตรที่ใช้น้ำกากส่ากับการผลิตอ้อยโดยใช้ในปริมาณที่ติดต่อกัน ตั้งแต่ 1 ปี 2 ปี 3 ปี 4 ปี และ 5 ปี ของเกษตรทั้งหมด 39 ราย ผลการศึกษาพบว่าการใช้น้ำกากส่าในพื้นที่ปลูกอ้อยติดต่อกันเป็นเวลา 1 – 3 ปี มีแนวโน้มทำให้ผลผลิตเพิ่มมากขึ้น โดยให้ผลผลิตอ้อยเฉลี่ย 15.29, 17.75 และ 18.18 ตัน/ไร่ ตามลำดับ ขณะที่การใช้น้ำกากส่าติดต่อกันเป็นเวลา 4-5 ปี มีแนวโน้มทำให้ผลผลิตลดลง โดยให้ผลผลิตอ้อยเฉลี่ย 15.60 และ 13.33 ตัน/ไร่ การใช้น้ำกากส่าในพื้นที่ปลูกอ้อยติดต่อกันเป็นเวลา 1 – 5 ปี ทำให้ค่าความเป็นกรดด่างในดินใกล้เคียงกันเป็นกรดปลานกลาง โดยมีเฉลี่ย 6.11, 5.15, 6.07, 6.10 และ 6.36 ตามลำดับ ขณะที่ค่าการนำไฟฟ้า(EC) ใช้น้ำกากส่าติดต่อกันเป็นเวลา 1-5 ปี มีแนวโน้มทำให้ดินมีเพิ่มมากขึ้นตามระยะเวลาในการใช้ โดยมีค่าเฉลี่ย0.070, 0.072, 0.074, 0.95 และ 0.197 mS/cm ตามลำดับ การทดลองหรือแบบจำลองการใช้น้ำกากส่าที่อัตราที่แตกต่างกันต่อผลกระทบของน้ำกากส่าต่อคุณสมบัติของดิน 2 ชนิดคือดินเนื้อหยาบ และดินเนื้อละเอียด โดยจัดทำการแผนการทดลองแบบ(Completely Randomized Design, CRD)ประกอบด้วย 1) ไม่ได้รับน้ำกากส่าแต่ได้รับเฉพาะน้ำฝน 2) น้ำกากส่า 7.5 ตัน/ไร่ 3) น้ำกากส่า 15 ตัน/ไร่ 4) รับน้ำกากส่า 22.5 ตัน/ไร่ 5) น้ำกากส่า 30 ตัน/ 6) น้ำกากส่า 60 ตัน/ไร่ และ 7) น้ำกากส่า 90 ตัน/ไร่ การศึกษาพบว่าอนุภาคของดินเหนียวมีปริมาณที่มากขึ้นหรือปริมาณอนุภาคทรายลดลง ทั้งดินเนื้อหยาบและเนื้อละเอียด โดยดินชั้นล่าง 15-30 ซม.จะเกิดได้มากกว่าในดินชั้นบน 0-15 ซม. การใช้น้ำกากส่าทำให้ค่าความเป็นกรดด่าง(pH) และการนำไฟฟ้า(EC) ของดินชั้นบน 0-15 ซม. มีแนวโน้มสูงขึ้นมากกว่าดินชั้นล่าง 15-30 ซม. การใส่น้ำกากส่าที่มีปริมาณมากขึ้นมีผลทำให้ค่าความเป็นกรดด่างและการนำไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติทั้งในดินบนและดินชั้นล่าง ของดินทั้งเนื้อหยาบและเนื้อละเอียด การใช้น้ำกากส่าทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์เพิ่มขึ้นโดยทำให้ปริมาณอินทรียวัตถุ ปริมาณธาตุอาหารหลัก(ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม) และธาตุอาหารรอง(แคลเซียมและแมกนีเซียม) ของดินชั้นบน 0-15 ซม. มีแนวโน้มสูงขึ้นมากกว่าดินชั้นล่าง 15-30 ซม. การใส่น้ำกากส่าที่มีปริมาณมากขึ้นมีผลทำให้ความอุดมสมบูรณ์ของดินเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติทั้งในดินบนและดินชั้นล่างของดินทั้งเนื้อหยาบและเนื้อละเอียด
บทคัดย่อ (EN): A research study with reference to the impact of spent wash liquid on soil resource in sugar cane (Saccharum officinarum Linn.) area-base production was carried out at first year. There are field survey and in-depth interview with 39 farmers. They used spent wash continuously 1 to 5 years. The results showed that applying spent wash liquid continuously 1 to 3 years gave higher trend to increase sugar cane yield (15.29, 17.75 and 18.18 tons/rai , respectively) while applying spent wash liquid continuously 4 to 5 years gave lower trend of sugar cane yield (15.60 and 13.33 tons/rai). Soil pH after harvesting sugarcane, under applying spent wash continuously 1 to 5 years were moderate acid soil (pH 6.11, 5.15, 6.07, 6.10 and 6.36, respectively) while soil electrical conductivity (EC) after application 1 to 5 years gave higher trend to increase EC (0.070, 0.072, 0.074, 0.95 and 0.197 mS/cm, respectively). An experimental design was laid out under Completely Randomized Design (CRD) with 3 replications to investigate some changes of soil properties after applying various rates of spent wash liquid on course texture soil and fine texture soil. The treatments were 1) rainfall water with no spent wash liquid, 2) spent wash liquid 7.5 tons/rai, 3) spent wash liquid 15 tons/rais, 4) spent wash liquid 22.5 tons/rais, 5) spent wash liquid 30 tons/rais, 6) spent wash liquid 60 tons/rais, and 7) spent wash liquid 90 tons/rais. After applying treatments for a period of times, It was found that the accumulation of clay in subsoil (15-30 cm) was higher than that in topsoil (0-15 cm) for both course texture and fine texture soils. Application of spent wash liquid significantly improved both pH value and electrical conductivity (EC) of both course texture and fine texture soils. However, this effect was clearly shown in topsoil in that pH and EC were higher than that in subsoil. Regarding soil fertility, this research study revealed that spent wash liquid significantly improved the availability of primary and secondary nutrients (N, P, K, and Ca, Mg), particularly in topsoil of both course texture and fine texture soils.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยขอนแก่น
คำสำคัญ: อ้อยเชิงพื้น
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การวิจัยผลกระทบทรัพยากรดินจากการใช้น้ำกากส่าของการปลูกอ้อยในเชิงพื้นที่
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
30 กันยายน 2557
เปรียบเทียบการใช้ชนิดและปริมาณปุ๋ยอินทรีย์ในการปลูกอ้อยเพื่อเกษตรกรรายย่อยใน อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ การใช้ประโยชน์ของน้ำกากส่าสำหรับการผลิตอ้อยเพื่อลดมลพิษสิ่งแวดล้อม ความสัมพันธ์ของแมลงและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในดินกับการใช้ประโยชน์น้ำกากส่าในพื้นที่เพาะปลูกพืชเศรษฐกิจที่สำคัญในลุ่มน้ำพอง การประยุกต์ใช้ข้อมูลสารสนเทศเชิงพื้นที่เพื่อพัฒนาและบูรณาการทรัพยากรดินและน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำของประเทศไทย ผลกระทบทรัพยากรดินจากการใช้น้ำกากส่าของการปลูกอ้อยในเชิงพื้นที่ การศึกษาเกณฑ์ทางดินที่สัมพันธ์กับผลผลิตเพื่อแบ่งเขตการปลูกอ้อยในดินบริเวณส่วนต่ำของตะพักลำน้ำขั้นกลางพื้นที่อำเภอด่านขุนทด สีคิ้ว ปักธงชัย และสูงเนินจังหวัดนครราชสีมา ผลกระทบของน้ำกากส่าต่อธาตุอาหารพืชและคุณภาพน้ำในลุ่มแม่น้ำพอง และความเป็นพิษของน้ำกากส่าในปลานิล การใช้ประโยชน์ของน้ำกากส่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต มันสำปะหลังทดแทนพลังงาน การใช้ปุ๋ยอินทรีย์เคมีปั้นเม็ดสำหรับรองพื้นปลูกอ้อยในสภาพดินทรายร่วน การจัดทำระบบฐานข้อมูลสารสนเทศพื้นที่ความเหมาะสมและการจัดการดินสำหรับการปลูกอ้อยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก