สืบค้นงานวิจัย
โครงการวิจัยการพัฒนาและทดสอบเทคโนโลยีการผลิตพืชไร่เศรษฐกิจที่เหมาะสมในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง
กรมวิชาการเกษตร - กรมวิชาการเกษตร
ชื่อเรื่อง: โครงการวิจัยการพัฒนาและทดสอบเทคโนโลยีการผลิตพืชไร่เศรษฐกิจที่เหมาะสมในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง
ชื่อเรื่อง (EN): Development and On Farm Research on Appropriate Technologies of Economic Field Crop Production in the Lower South
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: กรมวิชาการเกษตร
บทคัดย่อ: พืชไร่เศรษฐกิจที่สำคัญในภาคใต้ตอนล่างได้แก่ ข้าวโพดหวาน ถั่วลิสง และถั่วหรั่งปัญหาที่พบคือผลผลิตค่อนข้างต่ำ ขาดแคลนพันธุ์ดี และเกษตรกรไม่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีการผลิตพืชไร่เศรษฐกิจที่ถูกต้องเหมาะสม ดั้งนั้นจึงดำเนินการพัฒนาเพื่อทดสอบพันธุ์ใหม่ของข้าวโพดหวาน ถั่วลิสง และถั่วหรั่ง โดยการเปรียบเทียบพันธุ์ใหม่กับพันธุ์ที่เกษตรกรใช้เดิม ตลอดจนทดสอบการใช้ไรโซเบียมเพื่อเพิ่มผลลิตและคุณภาพถั่วลิสง การดำเนินงานโครงการดังนี้ พันธุ์ข้าวโพดหวาน ปลูกทดสอบการให้ผลผลิตและเปรียบเทียบการมีรายได้สุทธิจากการปลูกข้าว โพดหวานพันธุ์สงขลา 84-1 ซึ่งเป็นกรรมวิธีทดสอบกับพันธุ์ฮันนีสวีทซึ่งเป็นกรรมวิธีเกษตรกร ดำเนิน การในแปลงเกษตรกรบ้านยางงาม ตำบลนาท่ามใต้ อำเภอเมือง จังหวัดตรังใน ปี 2557-2559 ผลการทดสอบ พบว่า ข้าวโพดหวานทั้ง 2 พันธุ์ให้ผลผลิตฝักทั้งเปลือกแตกต่างกันทางสถิติ โดยพันธุ์สงขลา 84-1 ให้ผลผลิตฝักทั้งเปลือกเฉลี่ย 2,302 กิโลกรัม/ไร่เป็นผลผลิตที่ต่ำกว่าพันธุ์ฮันนีสวีท 191 กิโลกรัม/ไร่ คิดเป็นผลผลิตที่ต่ำกว่า 8.29 เปอร์เซ็นต์ และการใช้พันธุ์สงขลา 84-1 มีรายได้สุทธิเฉลี่ย 22,383 บาท/ไร่ เป็นรายได้สุทธิซึ่งต่ำกว่าพันธุ์ฮันนีสวีท 1,861 บาท/ไร่ เมื่อคำนวณสัดส่วนผลตอบแทนสุทธิ (BCR) พบว่า พันธุ์สงขลา 84-1 มีเกษตรกรทั้ง 10 ราย ให้ค่า BCR > 1 แสดงว่าการลงทุนในกรรมวิธีดังกล่าวมีความเหมาะสมคุ้มค่าในการลงทุนโดยพันธุ์สงขลา 84-1 มีสัดส่วนผลตอบแทนสุทธิ (BCR) สูงกว่าพันธุ์ฮันนีสวีทเล็กน้อย เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าในด้านราคาของเมล็ดพันธุ์ เกษตรกรให้การยอมรับพันธุ์สงขลา 84-1 เนื่องจากเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคซึ่งพึงพอใจในลักษณะรูปทรงของฝักที่เมล็ดติดเต็มฝัก ความหวาน ความนุ่มและสีของเมล็ด เปลือกฝักบาง ส่วนเกษตรกรผู้ผลิตพึงพอใจต่อการเก็บเกี่ยวพันธุ์สงขลา 84-1 ที่ง่ายกว่า เนื่องจากขั้วฝักไม่เหนียวและราคาของเมล็ดพันธุ์ซึ่งต่ำกว่า การทดสอบพันธุ์ข้าวโพดหวานในจังหวัดสตูล มีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบศักยภาพการให้ผลผลิตของข้าวโพดหวานพันธุ์สงขลา 84-1 (วิธีแนะนำ) กับพันธุ์ชูการ์ 75 (วิธีเกษตรกร) ดำเนินการในพื้นที่เกษตรกรอำเภอควนโดน จังหวัดสตูล ระหว่างปี 2557 - 2559 รวม 3 ปี พบว่า ข้าวโพดหวานพันธุ์ซูการ์ 75 ให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์สงขลา 84-1 โดยให้ผลผลิตเฉลี่ย 2,650.0 และ 2,493.0 กิโลกรัม/ไร่ ตามลำดับ ซึ่งพันธุ์สงขลา 84-1 มีผลผลิตทั้งเปลือกต่ำกว่าพันธุ์ซูการ์ 75 157 กิโลกรัม./ไร่ คิดเป็น 5.92 เปอร์เซ็นต์ และทำให้เกษตรกรมีรายได้เหนือต้นทุนผันแปรที่เป็นเงินสดสูงกว่าพันธุ์สงขลา 84-1 เฉลี่ย 48,405 และ 45,979 บาท/ไร่ ตามลำดับ แต่อย่างไรก็ตามต้นทุนผันแปรที่เป็นเงินสด ข้าวโพดหวานพันธุ์สงขลา 84-1 จะมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าข้าวโพดหวานพันธุ์ซูการ์ 75 เฉลี่ย 6,443 และ 7,113 บาท/ไร่ ตามลำดับ และข้าวโพดหวานพันธุ์สงขลา 84-1 เกษตรกรมีความพึงพอใจมากในส่วนของรสชาติ ลักษณะของรูปทรงของฝักมีการติดเมล็ดเต็ม เมล็ดจะนุ่มกว่าพันธุ์ซูการ์ 75 และสามารถลดต้นทุนการผลิตในส่วนของราคาเมล็ดพันธุ์ การทดสอบพันธุ์ข้าวโพดหวานในจังหวัดสงขลา มีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบศักยภาพการให้ผลผลิตของข้าวโพดหวานพันธุ์สงขลา 84-1 (วิธีแนะนำ) กับพันธุ์ชูการ์สตาร์ (วิธีเกษตรกร) ดำเนินการในพื้นที่เกษตรกรอำเภอควนเนียง จังหวัดสงขลา ระหว่างปี 2557 - 2559 รวม 3 ปี พบว่า ข้าวโพดหวานพันธุ์ชูการ์สตาร์ ให้ผลผลิตน้ำหนักฝักสดทั้งเปลือกเฉลี่ยสูงกว่าพันธุ์สงขลา 84-1 เท่ากับ 3,686 และ 2,986 กิโลกรัม/ไร่ ตามลำดับ ซึ่งพันธุ์สงขลา 84-1 ให้ผลผลิตต่ำกว่าพันธุ์ชูการ์สตาร์ 700 กิโลกรัม/ไร่ คิดเป็น 19 เปอร์เซ็นต์ โดยมีต้นทุนฝันแปรที่เป็นเงินสดเฉลี่ย 7,694 และ 6,925 บาท/ไร่ ตามลำดับ จึงทำให้เกษตรกรมีรายได้เหนือต้นทุนฝันแปรที่เป็นเงินสดเฉลี่ย 36,490 และ 29,113 บาท/ไร่ ตามลำดับ ถึงแม้ว่าข้าวโพดหวานพันธุ์สงขลา 84-1 ให้ผลผลิตต่ำกว่าพันธุ์ชูการ์สตาร์ แต่มีคุณภาพเหมาะสมสำหรับบริโภคฝักสด มีความหวาน 14 องศาบริกซ์ มีเนื้อเมล็ดมาก แกนฝักเล็ก และรสชาติฝักต้มดี เกษตรกรและผู้บริโภคส่วนใหญ่จึงมีความพึงพอใจในระดับมากต่อลักษณะและคุณภาพข้าวโพดหวานพันธุ์สงขลา 84-1 โดยเฉพาะรสชาติ และความหวาน คิดเป็น 60.0 และ 68.6 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ และข้าวโพดหวานทั้ง 2 พันธุ์มีอัตราผลตอบแทนต่อการลงทุน (Benefit Cost Ratio : BCR) มากกว่า 2 แสดงว่าข้าวโพดหวานทั้ง 2 พันธุ์มีความเหมาะต่อการผลิตและคุ้มค่าในการลงทุน การทดสอบข้าวโพดหวานพันธุ์สงขลา 84-1 ซึ่งเป็นพันธุ์แนะนำของกรมวิชาการเกษตรนำมาทดสอบในแปลงเกษตรกร โดยเปรียบเทียบกับพันธุ์การค้าของบริษัทเอกชนที่เกษตรกรใช้ปลูกอยู่เดิม (พันธุ์ซันสวีท 05) เพื่อเพิ่มทางเลือกในการใช้พันธุ์ข้าวโพดหวาน ตลอดจนการยอมรับพันธุ์สงขลา 84-1 และเป็นการทดสอบศักยภาพการให้ผลผลิตของข้าวโพดหวานพันธุ์สงขลา 84-1 ทำการทดสอบที่อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส ดำเนินการทดสอบ 3 ปี โดยคัดเลือกเกษตรกรเข้าร่วมดำเนินการ จำนวน 10 รายต่อปี ใช้พื้นที่ 20 ไร่ พร้อมทั้งใช้วิธีการปลูกและปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตร จากการทดลอง พบว่า พันธุ์สงขลา 84-1 ให้ค่าเฉลี่ยผลผลิตฝักสดทั้งเปลือก และค่าเฉลี่ยผลผลิตฝักสดปอกเปลือก ทั้ง 3 ปี ตั้งแต่ ปี 2557-2559 น้อยกว่าพันธุ์ซันสวีท 05 ทำให้มีกำไรน้อยกว่าการปลูกพันธุ์ซันสวีท 05 แต่การปลูกข้าวโพดหวานทั้ง 2 พันธุ์ ถือว่าคุ้มค่าต่อการลงทุน อย่างไรก็ตามเกษตรกรยอมรับพันธุ์สงขลา 84-1 และมีความต้องการปลูกข้าวโพดหวานพันธุ์สงขลา 84-1 เนื่องจาก มีความพึงพอใจในรสชาติ รูปทรงของฝักที่มีการติดเมล็ดเต็ม และสามารถลดต้นทุนการผลิตในเรื่องของราคาเมล็ดพันธุ์ ถั่วลิสง การขาดแคลนพันธุ์ดี มีจำนวนพันธุ์ให้เลือกปลูกน้อยคือปัญหาของเกษตรกรผู้ผลิตถั่วลิสงและปัญหาเกษตรกรมีการใช้ไรโซเบียมน้อยหรือไม่ใช้เพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพถั่วลิสงในภาคใต้ตอนล่าง ดังนั้นจึงนำถั่วลิสงพันธุ์ใหม่มาปลูกทดสอบการให้ผลผลิตและเปรียบเทียบการมีรายได้สุทธิจากการใช้พันธุ์ที่แตกต่างกัน และทดสอบการใช้ไรโซเบียม 2 ชนิดคลุกเมล็ดพันธุ์ก่อนปลูก สำหรับใช้เป็นทางเลือกให้กับเกษตรกร โดยการทดสอบพันธุ์ถั่วลิสงพันธุ์ใหม่คือขอนแก่น 84-8 กับพันธุ์เดิมที่เกษตรกรในพื้นที่นิยมปลูกคือ พันธุ์ไทนาน 9 และ สข.38 ดำเนินการ 3 จังหวัด คือ จังหวัดพัทลุง ในปี 2557-2558 ที่แปลงเกษตรกรตำบลคลองทรายขาว อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง เปรียบเทียบระหว่างพันธุ์ขอนแก่น 84-8 กับพันธุ์ไทนาน 9 และในปี 2559 ขยายผลการทดสอบไปที่ตำบลท่าสะบ้า อำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง เปรียบเทียบระหว่างพันธุ์ขอนแก่น 84-8 กับพันธุ์ สข.38 ดำเนินการทดสอบกับเกษตรกรจังหวัดละ 5 รายๆละ 2 ไร่ การทดสอบพันธุ์ถั่วลิสงจังหวัดสงขลา ดำเนินการในพื้นที่ อำเภอสิงหนคร อำเภอนาหม่อม อำเภอหาดใหญ่ และอำเภอเมืองจังหวัดสงขลา จำนวน 10 ราย ๆ ละ 2 ไร่ ดำเนินการระหว่างเดือนกันยายน 2557 ถึงเดือนตุลาคม 2559 เพื่อทดสอบศักยภาพการให้ผลผลิตของถั่วลิสงพันธุ์ขอนแก่น 84-8 พันธุ์ใหม่ในสภาพการผลิตของเกษตรกร และถั่วลิสงพันธุ์ สข.38 การทดสอบการใช้ไรโซเบียมในการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพถั่วลิสงในจังหวัดสงขลา ตั้งแต่ปี ตุลาคม 2556- กันยายน 2559 วิธีดำเนินการคัดเลือกเกษตรกรเข้าร่วมโครงการจำนวน 10 ราย วางแผนการทดลองแบบ Randomized Complete Block Design (RCBD) มี 2 ซ้ำ 4 กรรมวิธีดังนี้ 1) ไม่ใช้ไรโซเบียม ใส่ปุ๋ยอัตรา 3-9-6 กิโลกรัม(N-P2O5-K2O) ต่อไร่ 2) ไม่ใช้ไรโซเบียม ใส่ปุ๋ยอัตรา 0-9-6 กิโลกรัม(N-P2O5-K2O) ต่อไร่ 3) ใช้ไรโซเบียมชนิดผง ใส่ปุ๋ยอัตรา 0-9-6 กิโลกรัม(N-P2O5-K2O) ต่อไร่ 4) ใช้ไรโซเบียมชนิดเม็ด ใส่ปุ๋ยอัตรา 0-9-6 กิโลกรัม(N-P2O5-K2O) ต่อไร่ ดำเนินการในแปลงเกษตรกร ต.ทุ่งหวัง อ.เมือง ต.คลองเปรี๊ยะ และ ต.ป่าชิง อ.จะนะ จ.สงขลา ผลการทดสอบพันธุ์ถั่วลิสง จังหวัดพัทลุง ปี 2557 พบว่า พันธุ์ทำให้ผลผลิตฝักสดและฝักแห้งแตกต่างกันทางสถิติ พันธุ์ขอนแก่น 84-8 ให้ผลผลิตฝักสดเฉลี่ย 463 กิโลกรัมต่อไร่ และพันธุ์ไทนาน 9 ให้ผลผลิตฝักสดเฉลี่ย 571 กิโลกรัมต่อไร่ พันธุ์ขอนแก่น 84-8 ให้ผลผลิตฝักสดต่ำกว่าไทนาน 9 เท่ากับ 108 กิโลกรัมต่อไร่ ต่ำกว่าร้อยละ 18.91 ส่วนผลผลิตฝักแห้งพันธุ์ขอนแก่น 84-8 ให้ผลผลิตฝักแห้งได้ต่ำกว่าพันธุ์ไทนาน 9 เช่นเดียวกัน โดยมีผลผลิตฝักแห้งเท่ากับ 258 และ 324 กิโลกรัมต่อไร่ ตามลำดับ ผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ พบว่า พันธุ์ขอนแก่น 84-8 ทำให้มีรายได้สุทธิ 3,006 บาทต่อไร่ และพันธุ์ไทนาน 9 มีรายได้สุทธิ 4,644 บาทต่อไร่ เป็นรายได้ที่ต่ำกว่าการใช้พันธุ์ไทนาน 9 1,638 บาทต่อไร่ ในปี 2558 พบว่า ถั่วลิสงทั้ง 2 พันธุ์ ให้ผลผลิตฝักสดและฝักแห้งไม่แตกต่างกันทางสถิติ โดยที่พันธุ์ขอนแก่น 84-8 และไทนาน 9 ให้ผลผลิตฝักสดเฉลี่ย 585 และ 561 กิโลกรัมต่อไร่ ตามลำดับ และให้ผลผลิตฝักแห้ง 287 และ 276 กิโลกรัมต่อไร่ ตามลำดับ ผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ พบว่า ถั่วลิสงทั้ง 2 พันธุ์มีรายได้สุทธิเฉลี่ยได้ใกล้เคียงกัน คือพันธุ์ขอนแก่น 84-8 มีรายได้สุทธิเฉลี่ย 9,924 บาทต่อไร่ ส่วนพันธุ์ไทนาน 9 รายได้สุทธิเฉลี่ย 9,788 บาทต่อไร่ จังหวัดตรัง ประสบปัญหาน้ำท่วม สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เพียง 2 ราย ผลการทดสอบพบว่า พันธุ์ให้ผลผลิตฝักสดและฝักแห้งเฉลี่ยแตกต่างกันทางสถิติ พันธุ์ขอนแก่น 84-8 ให้ผลผลิตฝักสดเฉลี่ย 413 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งต่ำกว่าพันธุ์สข.38 ที่ให้ผลผลิตฝักสดเฉลี่ย 678 กิโลกรัมต่อไร่ ต่ำกว่าร้อยละ 64.16 และมีรายได้สุทธิจากพันธุ์ขอนแก่น 84-8 ต่ำกว่าพันธุ์สข. 38,885 บาทต่อไร่ โดยพันธุ์ขอนแก่น 84-8 มีรายได้สุทธิเฉลี่ย 14,713 บาทต่อไร่ และพันธุ์สข.38 มีรายได้สุทธิเฉลี่ย 15,598 บาทต่อไร่ สรุปในภาพรวมได้ว่าพันธุ์ทดสอบขอนแก่น 84-8 ให้ผลผลิตและรายได้สุทธิต่ำกว่าพันธุ์ไทนาน 9 และสข.38 แต่เกษตรกรทั้ง 2 แหล่งที่ทำการทดสอบให้การยอมรับถั่วลิสงพันธุ์ขอนแก่น 84-8 โดยพึงพอใจในลักษณะประจำพันธุ์ที่คล้ายคลึงกับสข.38 และการเก็บเกี่ยวง่ายกว่าพันธุ์ไทนาน 9 จังหวัดสงขลาผลการดำเนินงานพบว่า ปี 2557 และ 2558 ถั่วลิสงพันธุ์ขอนแก่น 84-8 ให้ผลผลิตมากกว่า ถั่วลิสงพันธุ์สข.38 ส่วนในปี 2559 ผลผลิตถั่วลิสงทั้งสองพันธุ์ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ สำหรับคุณภาพของเมล็ดพันธุ์พบว่า เปอร์เซ็นต์การกะเทาะของถั่วลิสงพันธุ์ขอนแก่น 84-8 ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติกับถั่วลิสงพันธุ์สข. 38 จากการศึกษาการยอมรับเทคโนโลยีเรื่องพันธุ์ถั่วลิสงพบว่าเกษตรกรที่ปลูกถั่วลิสงปี 2558 และ 2559 ให้การยอมรับถั่วลิสงทั้งสองพันธุ์ เนื่องจากมีพ่อค้ารับซื้อตลอดปีเพื่อขายเป็นถั่วลิสงฝักต้ม และพบว่า อัตราส่วนผลตอบแทนต่อต้นทุน (Benefit and Cost ratio :BCR) อยู่ระหว่าง 1.64-3.15 ซึ่งมากกว่า 1 เกษตรกรสามารถลงทุนได้ซึ่งให้ผลคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ การทดสอบการใช้ไรโซเบียมในการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพถั่วลิสงในจังหวัดสงขลา ผลการทดลอบพบว่า ปี 2557 ผลผลิตฝักสดเฉลี่ยของทุกกรรมวิธีไม่แตกต่างทางสถิติ ซึ่งกรรมวิธีไม่ใช้ไรโซเบียมใส่ปุ๋ย 3-9-6กิโลกรัม(N-P2O5-K2O) ต่อไร่ ใช้ไรโซเบียมชนิดเม็ดร่วมกับใส่ปุ๋ย 0-9-6กิโลกรัม(N-P2O5-K2O) ต่อไร่ และใช้ไรโซเบียมชนิดผงร่วมกับใส่ปุ๋ย 0-9-6กิโลกรัม(N-P2O5-K2O) ต่อไร่ให้ผลผลิตฝักสดเฉลี่ยเท่ากับ612.78 612.61และ582.96 กิโลกรัมต่อไร่ ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่ากรรมวิธีไม่ใช้ไรโซเบียมใส่ปุ๋ย 0-9-6กิโลกรัม(N-P2O5-K2O) ต่อไร่ที่ได้ผลผลิตฝักสดเฉลี่ย554.76 กิโลกรัมต่อไร่ ปี2558 กรรมวิธีที่ใช้ไรโซเบียมชนิดเม็ดร่วมกับใส่ปุ๋ย 0-9-6กิโลกรัม(N-P2O5-K2O) ต่อไร่ ให้ผลผลิตฝักสดเฉลี่ยสูงสุดคือ 693.72 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งแตกต่างทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญยิ่งกับกรรมวิธีไม่ใช้ไรโซเบียมใส่ปุ๋ย 0-9-6กิโลกรัม(N-P2O5-K2O) ต่อไร่ ที่ได้ผลผลิต598.67 กิโลกรัมต่อไร่ ปี2559 พบว่ากรรมวิธีใช้ไรโซเบียมชนิดผงร่วมกับใส่ปุ๋ย 0-9-6กิโลกรัม(N-P2O5-K2O) ต่อไร่ให้ผลผลิตฝักสดเฉลี่ยสูงสุด 780.00 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งแตกต่างทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญยิ่งกับกรรมวิธีไม่ใช้ไรโซเบียมใส่ปุ๋ย 0-9-6กิโลกรัม(N-P2O5-K2O) ต่อไร่ที่ได้ผลผลิตฝักสดเฉลี่ยต่ำสุดคือ 695.04 กิโลกรัมต่อไร่ สรุปภาพรวม ใน 3ปีพบว่าการใช้ไรโซเบียมทั้งชนิดผงและเม็ดโดยไม่ใส่ปุ๋ยไนโตรเจน สามารถเพิ่มผลผลิตถั่วลิสงและทดแทนการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนได้ เนื่องจากการใช้ไรโซเบียมชนิดเม็ดและผงทำให้ได้ผลผลิตฝักสดเฉลี่ย 3ปี คือ 684.86และ 670.55 กิโลกรัมต่อไร่ซึ่งสูงกว่ากรรมวิธีที่ไม่คลุกแต่ใส่ปุ๋ยไนโตรเจน 3 กิโลกรัมไนโตรเจนต่อไร่เล็กน้อยซึ่งผลผลิตเฉลี่ย 661.01กิโลกรัมต่อไร่ ทดแทนปุ๋ยไนโตรเจนและลดต้นทุนเรื่องปุ๋ย161.26 บาทต่อไร่ ทำให้รายได้สุทธิมากกว่าการไม่คลุกไรโซเบียมแล้วใส่ปุ๋ยไนโตรเจนเท่ากับ 495.16-996.01บาทต่อไร่ เมื่อเปรียบเทียบกับการไม่คลุกไรโซเบียมไม่ใส่ปุ๋ยไนโตรเจน(ตัวควบคุม)รายได้สุทธิที่เพิ่มขึ้น 1,883. 65-2,384.50 บาทต่อไร่ จำนวนปมรากถั่วของกรรมวิธีที่ใช้ไรโซเบียมชนิดผงและชนิดเม็ดมีจำนวนปมรากถั่วเฉลี่ยสูง 26.44และ25.74 ปมต่อต้น ส่วนด้านความสูงและจำนวนแขนงต่อต้นของแต่ละกรรมวิธีไม่แตกต่างทางสถิติความสูงเฉลี่ย59.77-62.56 เซนติเมตร จำนวนแขนงต่อต้น 8.67-9.04 แขนง ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจการใช้ไรโซเบียมชนิดเม็ดและชนิดผงทำให้มีรายได้เฉลี่ย23,970.10 และ23,469.25 บาทต่อไร่ ตามลำดับ ไม่แตกต่างกับการไม่ใช้ไรโซเบียมแต่ใส่ปุ๋ยไนโตรเจนมีรายได้เฉลี่ย 23,135.35 บาทต่อไร่ ส่วนการไม่ใช้ไรโซเบียมและไม่ใส่ปุ๋ยไนโตรเจนรายได้เฉลี่ย 21,565.60 บาทต่อไร่ เมื่อหักต้นทุนการผลิต 6,084.20-6,265.46 บาทต่อไร่ แล้วทำให้การใช้ไรโซเบียมชนิดเม็ดและชนิดผงมีรายได้สุทธิเฉลี่ย17,865.90 และ17,365.05 บาทต่อไร่ ตามลำดับ การไม่ใช้ไรโซเบียมแต่ใส่ปุ๋ยไนโตรเจนรายได้สุทธิเฉลี่ย16,869.89 บาทต่อไร่ สำหรับการไม่ใช้ไรโซเบียมและไม่ใส่ปุ๋ยไนโตรเจนรายได้สุทธิเฉลี่ย15,481.40 บาทต่อไร่ ด้านผลตอบแทนต่อการลงทุน(BCR) พบว่าทุกกรรมวิธีมีค่าสูงกว่า1 อยู่ระหว่าง 3.54-3.93 แสดงว่าเกษตรกรสามารถนำไปปฏิบัติได้ทุกกรรมวิธีทำให้ได้กำไร ไม่มีความเสี่ยง วิธีการใช้ไรโซเบียมชนิดเม็ดร่วมกับปุ๋ย0-9-6 กิโลกรัม(N-P2O5-K2O) ต่อไร่มีค่าBCR สูงสุด 3.93 ความพึงพอใจของเกษตรกรต่อเทคโนโลยีการผลิตถั่วลิสง พบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่มีความพึงพอใจในเทคโนโลยีการผลิตถั่วลิสงทั้งชุดภาพรวมอยู่ระดับมาก(คะแนน 4.46 ) การใช้ไรโซเบียมชนิดผงและชนิดเม็ดระดับความพึงพอใจมากที่สุด เพราะคิดว่าช่วยให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น แต่ไม่มีเกษตรกรรายใดนำไปปฏิบัติเนื่องจากหาซื้อยาก ถั่วหรั่ง:ปลูกเปรียบเทียบการให้ผลผลิตและรายได้สุทธิจากการใช้พันธุ์ถั่วหรั่งจำนวน 2 กรรมวิธี คือวิธีทดสอบ (TVsu 89) กับวิธีเกษตรกร ( พันธุ์สงขลา 1) ดำเนินการในปี 2557-2558 ที่แปลงเกษตรกรตำบลตะโหมด อำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง จำนวน 10 ราย และในปี 2559 ดำเนินการกับเกษตรกรรายเดิมในพื้นที่เดิม จำนวน 6 ราย และขยายผลการทดสอบไปยังพื้นที่ใหม่ในตำบลคลองใหญ่ อำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง ดำเนินการกับเกษตรกรรายใหม่ จำนวน 4 รายการ ทดสอบพันธุ์ถั่วหรั่งในจังหวัดปัตตานี ดำเนินการในแปลงเกษตรกร จำนวน 10 ราย ตำบลพ่อมิ่ง อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี ระหว่างปี 2557-2559 ปลูกทดสอบพันธุ์ถั่วหรั่ง จำนวน 2 พันธุ์ คือ พันธุ์ TVsu 89 (วิธีทดสอบ) และพันธุ์ TVsu 870 (วิธีเกษตรกร) ผลการทดสอบในปี 2557จังหวัดพัทลุง พบว่า พันธุ์ TVsu 89 ให้ผลผลิตฝักสดเฉลี่ย 597 กิโลกรัม/ไร่ ไม่แตกต่างกันทางสถิติกับสงขลา1 ที่มีผลผลิตเฉลี่ย 573 กิโลกรัม/ไร่ แต่ พันธุ์ TVsu 89 มีรายได้สุทธิสูงกว่าพันธุ์สงขลา 1 เท่ากับ 1747 บาท/ไร่ โดยมีรายได้สุทธิ 5,862 บาท/ไร่ แต่ผลการทดสอบในปี 2558 พบว่า พันธุ์สงขลา 1 ให้ผลผลิตฝักสด 616 กิโลกรัม/ไร่ ซึ่งแตกต่างกันทางสถิติกับพันธุ์ TVsu 89 ที่ให้ผลผลิตฝักสด 466 กิโลกรัม/ไร่ เนื่องจากก่อนเก็บเกี่ยวพันธุ์สงขลา 1 น้ำท่วมขังแปลง จึงทำให้ฝักอวบน้ำ แต่เมื่อลดความชื้นทั้ง 2 พันธุ์ มีผลผลิตฝักแห้งเท่ากัน 142 กิโลกรัม/ไร่ และสงขลา1 มีรายได้สุทธิสูงกว่า 1,988 บาท/ไร่โดยมีรายได้สุทธิ 5,277 บาท/ไร่ ในปี 2559 ผลการทดสอบเกษตรกรรายเดิม พบว่า พันธุ์สงขลา 1 ให้ผลผลิตฝักสดได้สูงกว่า คือ 493 กิโลกรัม/ไร่ ซึ่งแตกต่างกันทางสถิติกับ TVsu 89 ที่มีผลผลิตฝักสด 408 กิโลกรัม/ไร่ ทำให้รายได้สุทธิจาก TVsu 89 ต่ำกว่าสงขลา 1 867 บาท/ไร่ โดยมีรายได้สุทธิ 3,623 บาท/ไร่ ผลการทดสอบกับเกษตรกรรายใหม่ พบว่า ถั่วหรั่งพันธุ์ TVsu 89 ให้ผลผลิตฝักสดเฉลี่ยได้ใกล้เคียงกับพันธุ์สงขลา 1 โดยมีผลผลิตฝักสดเฉลี่ย 461 กก./ไร่ ในขณะที่พันธุ์สงขลา 1 ให้ผลผลิตฝักสดเฉลี่ย 455 กก./ไร่ ถั่วหรั่งทั้งสองพันธุ์มีศักยภาพในการให้ผลผลิตไม่แตกต่างกันแต่มีรายได้สุทธิเฉลี่ยจากพันธุ์ TVsu 89 สูงกว่าพันธุ์สงขลา1 2,354 บาท/ไร่ หากคิดค่าแรงงานและเมื่อไม่คิดค่าแรงงานมีรายได้สุทธิสูงกว่าพันธุ์สงขลา 1 3,091 บาท/ไร่ เนื่องจากเกษตรกรสามารถจำหน่ายผลผลิตได้ในราคาที่สูงกว่าเพราะผลผลิตออกสู่ตลาดในช่วงต้นของฤดูกาล จังหวัดปัตตานีผลการทดสอบในปี 2557 พบว่า ถั่วหรั่งพันธุ์ TVsu 89 ให้ผลผลิตฝักสดเฉลี่ย 490 กิโลกรัม/ไร่ ไม่แตกต่างกันทางสถิติกับพันธุ์ TVsu 870 ที่ให้ผลผลิตฝักสดเฉลี่ย 567 กิโลกรัม/ไร่ แต่พันธุ์ TVsu 89 มีรายได้สุทธิเฉลี่ยสูงกว่าพันธุ์ TVsu 870 เท่ากับ 1,120 บาท/ไร่ โดยมีรายได้สุทธิเฉลี่ย 7,895 บาท/ไร่ ในปี 2558 พบว่า ถั่วหรั่งพันธุ์ TVsu 89 ให้ผลผลิตฝักสดเฉลี่ย 470 กิโลกรัม/ไร่ แตกต่างกันทางสถิติกับพันธุ์ TVsu 870 ที่ให้ผลผลิตฝักสดเฉลี่ย 585 กิโลกรัม/ไร่ พันธุ์ TVsu 89 มีรายได้สุทธิเฉลี่ยสูงกว่าพันธุ์ TVsu 870 เท่ากับ 1,037 บาท/ไร่ โดยมีรายได้สุทธิเฉลี่ย 7,652 บาท/ไร่ และในปี 2559 พบว่า ถั่วหรั่งพันธุ์ TVsu 89 ให้ผลผลิตฝักสดเฉลี่ย 316 กิโลกรัม/ไร่ แตกต่างกันทางสถิติกับพันธุ์ TVsu 870 ที่ให้ผลผลิตฝักสดเฉลี่ย 240 กิโลกรัม/ไร่ โดยพันธุ์ TVsu 89 มีรายได้สุทธิเฉลี่ยสูงกว่าพันธุ์ TVsu 870 เท่ากับ 2,648 บาท/ไร่ โดยมีรายได้สุทธิเฉลี่ย 4,300 บาท/ไร่
บทคัดย่อ (EN): The major economic field crops in the lower south are sweet corn, groundnut and bambara groundnut .The problems are found that their yields are quiet low and lack of good varieties. Farmers had not known new production technologies to improve their yields. Therefore, they were developed to compare the new variety of sweet corn, groundnut and bambara groundnut with farmer practical variety. As well as testing the use of rhizobium to increase yield and quality of groundnut. The Project was conducted as follow : Sweet corn : The trail was conducted to evaluate yield potential and net income of 2 sweet corn varieties , Songkhla 84-1 and Honey Sweet (as check ) . The trail was established in farmers, fields at Tumbol Nathumtai Mueang district, Trang province during the year 2014-2016. It has found that there was significant effect of varieties on yield with husk. Songkhla 84-1 gave lower yield than Honey Sweet at average of 2,302 kg/rai. whereas lower yield than Honey Sweet 191 kg/rai. or 8.92 % and it gave net income at average of 22,283 bath/rai., lower net income than Honey Sweet at 1,861 bath/rai., higher benefit cost ratio than Honey Sweet. However, consumers and farmers satisfied to Songkhla 84-1 variety in good fresh ear component and reduced the costs of seed The yield trial of sweet corn variety was investigated in Satun province. The objective of this study was to test yield potential of sweet corn Sonkhla 84-1 and check variety Sugar 75. The experiment was carried out in Khuan Don district, Satun province during 2014-2016 (3 years). The results showed that yield of Sugar75 was higher than Songkhla 84-1 with average yield of 2,650.0 and 2,493.0 kilogram/rai, respectively. Songkhla 84-1 gave yield of husk ear lower than Sugar 75 157 kilogram/rai or 5.92 % . This resulted in income over variable costs of Sugar 75 higher than Songkhla 84-1 average 48,405 and 45,979 Baht/rai, respectively. However, variable costs of Songkhla 84-1 was lower than Sugar 75 average 6,443 and 7,113 Baht/rai, respectively. In addition. Songkhla 84-1 had a good taste, high ratio of kernel weight per husked ear weight, softer kernel and can be used as seeds which led to reduction of production cost. The yield trial of sweet corn variety was investigated in Songkhla province. The objective of this study was to test yield pertential of sweet corn Sonkhla 84-1 and check variety Sugar Star. The experiment was carried out in Khuan Niang district, Sonkhla province during 2014-2016 (3 years). The results showed that yield of Sugar Star was higher than Songkhla 84-1 with the average husk ear 3,686 and 2,986 kilogram/rai, respectively. Songkhla 84-1 gave the yield lower than Sugar Star 700 kilogram/rai or 19%. The average variable costs of Sugar Star and Sonkhla 84-1 were 7,694 and 6,925 Baht/rai, respectively this resulted in income over variable costs average 36,490 and 29,113 baht/rai, respectively. Although Songkhla 84-1 gave yield lower than Sugar Star, it had high eating quality. The sweetness of this variety was 14 %brix. It had high ratio of kernel weight per husked ear weight, small cob and good taste of boiled ear. Most consumers and farmers satisfied in characteristic and quality of Sonkhla 84-1 with high preference score especially taste and sweetness with preference score of 60.0 and 68.6%, respectively. However, both varieties had a benefit cost ratio (BCR) more than 2 meaning that these varieties were suitable for planting and investment worthiness. The trial of sweet corn Songkhla 84-1 variety; this variety was introduced by the Department of Agriculture. Trials were conducted in farmers’ corn farm areas by comparison with commercial variety of private company (Sun sweet05 variety) that farmers familiar. This trial will be the alternative in using varieties of sweet corn including the acceptance Songkhla 84-1 variety and also potential of yield of this variety. Trials were conducted in Rueso district, Narathiwat province, this works were carried out three years. Ten farmers were selected to attended in each year in 20 rai of area were used for trial. Technician supported growing technique by followed advice of the Department of Agriculture. The result of Songkhla 84-1 variety trial in three years from 2014-2016 showed average of fresh yield with husk and fresh yield peeled husk were less than Sun sweet05 variety, but growing of two varieties of sweet corn have profits when compared to investment. However, farmers accepted and satisfied to grow Songkhla 84-1 variety due to the flavor taste. Seed pods are high quality and also reduced the costs of seeds price. Groundnut :The problems of farmers grown groundnut in the Lower South of Thailand were lacking of good groundnut varieties and some technologies (especially using rhizobium). The objectives of these studies were to evaluate yield potential and net income of 2 groundnut varieties , Khon Kaen 84-8 with Tainan 9 (as check in Patthalung province) and SK 38 ( as check in Trang province) and to test using rhizobium in order to increase productivity and quality of groundnut in Songkhla provice. The trails were established in farmers, fields at Kong Ra district, Patthalung province during the year 2014-2015 and at Wang Wiset district, Trang province in 2016. Testing of varieties of groundnut was conducted at Singha Nakhon, Na Mom, Hat Yai and Muang district in Songkhla Province, with 10 farmers per 2 rai, during 2014 - 2016. Using rhizobium experiment of groundnut was carried out in Songkhla provice during October in 2014-September in 2016. Ten farmer fields were selected as experiment sites. A randomized complete block design with two replications with four treatments was applied. The treatments were 1) non-using rhizobium with fertilizer 3-9-6 Kg( N-P2O5-K2O)/rai 2)non-using rhizobium with fertilizer 0-9-6 Kg( N-P2O5-K2O)/ rai 3) using powder rhizobium with fertilizer 0-9-6 Kg( N-P2O5-K2O)/rai 4) using granule rhizobium with fertilizer 0-9-6 Kg( N-P2O5-K2O)/rai. The study was conducted in farmer fields at tumbol Tongwang, Mueang District, tumbol Klongpeaea and Paching, Chana District, Songkhla province. The results showed that Patthalung province : in 2014 there was significantly different on yield of varieties whereas Tainan 9 gave higher yield and net income than Khon Kaen 84-8 which fresh and dry pod yielded at 571 and 324 kg/rai.,respectively. And Khon Kaen 84-8 fresh and dry pod yielded 463 and 258 kg/rai respectively. It gave lower yield and net income than Tainan 9 at 108 kg/rai. (18.91 % ), 1,638 baht/rai. In 2015, It has found that there was no significant effect of varieties on yield, Khon Kaen 84-8 and Tainan 9 gave fresh pod yield at 585 and 561 kg/rai respectively and dry pod yield at 287 and 276 kg/rai respectively. Economic analysis found that Khon Kaen 84-8 and Tainan 9 gave net income at 9,924 and 9,788 baht/rai., respectively. In 2015 at Wang Wiset district, Trang province,it was found that there was significantly different on yield of varieties whereas SK 38 gave higher yield and net income than Khon Kaen 84-8 which fresh pod yield at 678 and 413 kg/rai,respectively. It gave lower yield and net income than SK 38 at 265 kg/rai. (64.16 % ), 885 baht/rai. Result from combine analysis shown that Khon Kaen 84-8 gave lower yield and net income than Tainan 9 and SK 38 . However, farmers both sites accepted Khon Kaen 84-8 in characteristic and easy to harvesting. The results of testing of Songkhla Province showed that in 2014 and 2015 Khon Kaen 84-8 groundnut yield was higher than Sukhothai 38 groundnut. In 2016 two varieties of groundnut yield was not statistically significant differences. For the quality of the seeds was not statistically significant difference. In the year 2015 and 2016 the farmers adopt the two groundnut varieties because merchants bought all year round and benefit and cost ratio is more than one, rewarding economic. For testing of using rhizobium in groundnut, the results showed that in 2014, average fresh yield of all treatments were not significantly different. Average fresh yields of non-using rhizobium with 3-9-6 Kg( N-P2O5-K2O) / rai , using granule rhizobium with 0-9-6 Kg( N-P2O5-K2O)/ rai and using powder rhizobium with 0-9-6 Kg( N-P2O5-K2O)/rai treatments were 612.78, 612.61 and 582.96 kg/rai respectively which is higher than non-using rhizobium with 0-9-6 Kg( N-P2O5-K2O)/rai treatment (554.76 kg/rai). In 2015, average yield of using granule rhizobium with 0-9-6 Kg( N-P2O5-K2O) /rai was the highest (693.72 kg/rai) which was highly significant different with non-using rhizobium with 0-9-6 Kg( N-P2O5-K2O)/ rai (598.67 kg/rai). In 2016, average yield of using powder rhizobium with 0-9-6 Kg ( N-P2O5-K2O)/rai was the highest yield (780.00 kg/rai) and was highly significant different with non-using rhizobium with 0-9-6 Kg( N-P2O5-K2O)/ rai (695.04 kg/rai). for 3 years, it was concluded that using both powder and granule rhizobium were able to increase groundnut yields and replace nitrogen fertilizer. Because using both types of rhizobium were got high average yield : 684.86 and 670.55 kg/rai. They were got higher than yield of non-using rhizobium with 3-9-6 Kg ( N-P2O5-K2O)/rai which yield was 661.01kg/rai. Efficiency of rhizobium can be replaced nitrogen fertilizer and able to decrease cost production 166.26 baht/rai. Net income of using rhizobium compared with non-using rhizobium with 3 kgN/rai was higher during 495.16-996.01 baht/rai. Net income of using both rhizobium types compared with non-using rhizobium and no nitrogen fertilizer (control) were increased during 1,883.65-2,384.50 baht/rai. For, number of root nodules of using powder and granule rhizobium were higher than non-using rhizobium treatments. They were 26.44 and 25.44 nodules/plant. Height of nut plant and number of tiller per plant were not significantly different among treatments. Average height was during 59.77-62.56 centimeters and number of tiller per plant was during 8.67-9.04 tillers. Economic Returns: it was found that using powder and granule rhizobium can be got average income 23,970.10 and 23,569.25 baht/rai respectively which was not different with non-using rhizobium with 3-9-6 Kg( N-P2O5-K2O)/rai (23,135.35 baht/rai.). Non-using rhizobium with 0-9-6 Kg( N-P2O5-K2O)/rai had got income 21.565.60 baht/rai. Cost production of four treatments were during 6,084.20-6,265.46 baht/rai so that using rhizobium treatments can be got net income 17,865.90 and 17,365.05 baht/rai. The average net income of non-using rhizobium with 3 kg N/rai and non-using rhizobium with no nitrogen fertilizer were 16,869.89 and 15,481.40 baht/rai respectively. For, Benefit Cost Return (BCR) of all treatments were during 3.54-3.93 which were higher than 1. It was showed that farmers can used all treatments to practice which are made a profit and no risk. Benefit Cost Return of using granule rhizobium with fertilizer 0-9-6 Kg( N-P2O5-K2O)/rai was the highest BCR (3.93). Farmers’ satisfaction with groundnut production technology: it was found that most farmers satisfied with whole groundnut technology at high level score (4.46). Especially, level score of using both powder and granule rhizobium was the highest because they thought that rhizobium is able to increase groundnut yields. But none of farmers applied it because of difficult to buy. Bambara groundnut : The trails were conducted to evaluate yield potential and net income of 2 bambara groundnut varieties , TVsu 89 and Songkhla 1 (as check ) in Phattalung province and TVsu 89 and TVsu890 in Pattani province . The trail was established in farmers, fields at Tumbol Tamot and Tumbol Klongyai Tamot district, Patthalung province .For Pattani province, the experiment was conducted at tumbol Poming Panaraea district during the year 2014-2016. Phattalung: the first year result shown that TVsu 89 had average fresh pod yield of 597 kg/rai. but not significantly different with Songkhla 1 which yielded 573 kg/rai., net income at 5,862 bath/rai. and gave lower net income than Songkhla 1 at 1,747 baht/rai. In 2015, result shown that Songkhla 1 had average fresh pod yield of 616 kg/rai. significantly kg/rai which yielded 466 kg/rai. but both varieties had the same dry pod yield at 142 kg/rai., net income 5,277 baht/rai. It gave higher net income than TVsu 89 1,988 bath/rai. In 2016, at Tumbol Tamot , it had found that there was significant effect of varieties on fresh pod yield. Songkhla 1 gave higher yield and net income than TVsu 89 at average of 493 kg/rai. and 867 baht/rai. At Tumbol Klongyai shown that TVsu 89 yielded 373 kg/rai. significant different with Songkhla 1 had yield of 137 kg/rai. Result from combine analysis shown that both varieties had yield potential not different , TVsu 89 and Songkhla 1 yielded 461 and 455 kg/rai.,respectively .But TVsu 89 gave higher net income than Songkhla 1 at 2,354 baht/rai. Pattani: in 2014 the results was shown that average fresh pod yield of TVsu 89 was 490 Kg/rai which was not not significantly different with TVsu870 (567 kg/rai). But average net income of TVsu 89 was higher than average net income of TVsu 870 is equal to 1,120 baht/rai. Average net income of TVsu 89 was 7,895 baht/rai. In 2015 average fresh pod yield of TVsu 89 was 470 kg/rai which was statistically significant different with TVsu 870 (585 kg/rai). The average net income of TVsu 89 (7,652 baht/rai) was higher than TVsu 870 at 1,037 baht/rai. In 2016, average fresh pod yield of TVsu 89 variety was 312kg/rai. It was statistically significant different with TVsu 870 (240 kg/rai). The average net income of TVsu 89 (4,300 baht/rai) was higher than TVsu 870 at 2,648 baht/rai.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมวิชาการเกษตร
คำสำคัญ: ปอคิวบา
คำสำคัญ (EN): varietal testing
เจ้าของลิขสิทธิ์: ฐานข้อมูล NRMS
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
โครงการวิจัยการพัฒนาและทดสอบเทคโนโลยีการผลิตพืชไร่เศรษฐกิจที่เหมาะสมในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง
กรมวิชาการเกษตร
30 กันยายน 2559
โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและการใช้ประโยชน์มันขี้หนู โครงการวิจัยการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและการแปรรูปงาขี้ม้อนที่มีคุณภาพดี การศึกษาหาขนาดและรูปร่างเนื้อที่เก็บเกี่ยวที่เหมาะสมของพืชไร่บางชนิด การปรับใช้เทคโนโลยีการผลิตพืชตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง โครงการวิจัยพันธุ์และเทคโนโลยีการผลิตกล้วยหินในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง โครงการวิจัยพัฒนาพันธุ์และเทคโนโลยีการผลิตไหมที่เหมาะสม การพัฒนาการใช้ไหมอีรี่เป็นอาหารกุ้งก้ามกราม โครงการทดสอบและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตปาล์มน้ำมันพื้นที่ปลูกใหม่ในเขตตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง การทดสอบเสถียรภาพของผลผลิตถั่วเขียวอินทรีย์ แผนงานวิจัยทดสอบและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตปาล์มน้ำมันในพื้นที่ใหม่
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก