สืบค้นงานวิจัย
การปรับปรุงเสถียรภาพต่ออุณหภูมิสูงของเอนไซม์เพนโทซาเนสจาก Aspergillus sp. FAS 128
สมภพ บุญพยุง - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
ชื่อเรื่อง: การปรับปรุงเสถียรภาพต่ออุณหภูมิสูงของเอนไซม์เพนโทซาเนสจาก Aspergillus sp. FAS 128
ชื่อเรื่อง (EN): Thermal Stability Improvement of Pentosanase from Aspergillus sp. FAS 128
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: สมภพ บุญพยุง
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Somphop Boonpayung
บทคัดย่อ: ในการศึกษานี้ได้ทำการปรับปรุงเสถียรภาพของเอนไซม์เพนโทซาเนสที่ผลิตจาก Aspergillus sp. FAS 128 เพื่อให้ทนต่ออุณหภูมิสูง โดยการเติมสารเคมีบางชนิดและสาร carrier และทำการศึกษาเสถียรภาพของเอนไซม์ที่ถูกปรับปรุงในอุณหภูมิที่ใช้เก็บรักษา สำหรับสารละลายเพนโทซาเนสโดยรวม (Crude pentosanase solution) การปรับปรุงเสถียรภาพทำโดยการเติมสารเคมี ได้แก่สารประกอบกลุ่ม bivalent metal สารประกอบกลุ่ม polyol น้ำตาล โปรตีน และกรดอะมิโน แล้วนำสารละลายที่ได้ไปให้ความร้อนที่อุณหภูมิ 75 c เป็นเวลา 2 นาที จากการทดลองพบว่า สารเคมีทุกชนิดยกเว้นน้ำตาลช่วยให้เสถียรภาพของสารละลายเพนโตซาเนสโดยรวมสูงขึ้น การเติมยูเรีย30% (w/v) ร่วมกับแมงกานีสคลอไรด์ (MnCl2) 1.0mM ทำให้สารละลายเอนไซม์มีความเสถียรสูงสุด โดยค่ากิจกรรมของเอนไซม์ที่เหลือหลังการให้ความร้อน มีค่า 54.7 และ 52.2% ที่พีเอช 3.0 และ 6.8 ตามลำดับ ยูเรียและ MnCl2 นอกจากจะช่วยให้เอนไซม์มีเสถียรภาพสูงขึ้นแล้วยังช่วยเพิ่มอัตราเร่งปฎิกิริยาของเอนไซม์อีกด้วย อายุการเก็บรักษาของสารละลายเอนไซม์ที่ได้นี้มีระยะเวลานานขึ้นอย่างน้อยที่สุดกว่า 3 เดือน ระหว่างการเก็บที่อุณหภูมิ 4c โดยค่ากิจกรรมที่เหลือของสารละลายเอนไซม์ที่เติมยูเรียและ MnCl2 และผ่านการเก็บที่อุณหภูมิ 4 c เป็นเวลา 3 เดือน มีค่าสูงกว่าค่ากิจกรรมของสารละลายเอนไซม์ที่ไม่เติมสารเคมี 4.8 และ 12.1 เท่า ที่พีเอช 3.0 และ 6.8 ตามลำดับสำหรับเอนไซม์โดยรวมรูปผงแห้ง (Crude pentosanase powder) การเติม MnCl2 5.8 mg และแป้งข้าวเจ้า 2.7 g dry weight ในเอนไซม์โดยรวม 1.0 g dry weight เป็นสูตรที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการปรังปรุงเสถียรภาพของเอนไซม์ผงแห้ง โดยไอออนของ Mn2+ อาจจะสร้างสาร Chelate กับเอนไซม์ ทำให้เสถียรภาพของเอนไซม์สูงขึ้น ขณะที่แป้งข้าวเจ้าเป็นสาร carrier ทำหน้าที่เป็นฉนวนความร้อนระหว่างการทำแห้ง ให้กับโมเลกุลของเอนไซม์ซึ่งถูกดูดซับไว้ภายในโครงสร้างของแป้งข้าวเจ้า ด้วยการเติมสารดังกล่าว ทำให้กิจกรรมที่เหลืออยู่ของเอนไซม์หลังจากการให้ความร้อนที่ 75 c เป็นเวลา 5 นาที มีค่า 96.6 และ 97.5% ที่พีเอช 3.0 และ 6.8 ตามลำดับ เอนไซม์โดยรวมรูปผงแห้งที่ได้มีอายุการเก็บรักษานานกว่า 1 เดือน ระหว่างการเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 4 c และที่อุณหภูมิห้อง โดยค่ากิจกรรมที่เหลืออยู่ของเอนไซม์หลังให้ความร้อนมีค่าสูงกว่าค่ากิจกรรมของเอนไซม์โดยรวมผงแห้งที่เติมแป้งข้าวเจ้าเพื่อเป็น carrier แต่ไม่เติม MnCl2 1.2 และ 1.0 เท่า ที่พีเอช 3.0 และ 6.8 ตามลำดับ จากการศึกษาทั้งหมดได้ สูตรที่เหมาะสมสำหรับผลิตภัณฑ์เอนไซม์น้ำประกอบด้วย ยูเรีย 30 เปอร์เซนต์ และแมงกานีสคลอไรด์ 1.0 มิลลิโมลาร์ในเอนไซม์โดยรวม 1.0 g dry weight (70 u/ml) และสูตรที่เหมาะสมสำหรับผลิตภัณฑ์เอนไซม์ผงแห้งประกอบด้วยแป้งข้าวเจ้า 2.7 กรัมน้ำหนักแห้งและแมงกานีสคลอไรด์ 5.8 มิลลิกรัมในเอนไซม์โดยรวม 1.0 g dry weight (~3000 U/g dry weight)
บทคัดย่อ (EN): Thermal stability improvement of pentosanase from Aspergillus sp. FAS 128 by chemical modification and carrier binding, and storage stability of treated enzymes were investigated in this study. For crude pentosanase solution, the thermal stability test was carried out by adding several additive substances i.e. bivalent metal compounds, polyol compounds, sugars, proteins, and amino acids, and heated for 2 mins at 75oC. The chemical additives except sugars could improve the thermal stability of crude pentosanase solution. The suitable additives for the liquid form consisted of 30% (w/v)urea and 1.0 mM MnCl2. The highest relative activities after heating were 54.7 and 52.2% at pH 3.0 and 6.8, respectively. Urea and MnCl2 not only stabilized pentosanase but also increased their initial activities. Shelf-life of pentosanase solution was prolonged to at least 3 months during storage at 4oC. The relative activities of pentosanase solution supplement with urea and MnCl2 after heating test of pentosanase solution stored at 4oC for 3 months were 4.8 and 12.1 times higher than those of bear enzyme at pH 3.0 and 6.8, respectively. For pentosanase powder, the suitable formula consisted of 2.7 g dry weight of rice flour and 5.8 mg of MnCl2 in 1.0 g dry weight of crude pentosanase. The relative activities after heating at 75oC for 5 mins were 96.6 and 97.5% at pH 3.0 and 6.8, respectively. Rice flour and MnCl2 stabilized pentosanase at high temperature. Rice flour physically absorbed to enzyme substance whereas Mn2+ possibly chelated the enzyme. Shelf-life of pentosanase powder was more than 1 month during storage at 4oC and room temperature. After 1 month, the relative activities of pentosanase powder after heating test were 1.2 and 1.0 times greater than the pentosanase powder without MnCl2 at pH 3.0 and 6.8, respectively. The results overall, the optimum developed formulas improving thermal stability contained 30% (w/v) urea and 1.0 mM MnCl2 in the crude pentosanase solution (70 U/ml), and 2.7 g dry weight of rice flour and 5.8 mg MnCl2 in crude pentosanase (3000 U/g dry weight).
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=54&RecId=8865&obj_id=25162
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
คำสำคัญ: การปรับปรุงเสถียรภาพ
คำสำคัญ (EN): Stability Improvement
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
รายละเอียด: ในการศึกษานี้ได้ทำการปรับปรุงเสถียรภาพของเอนไซม์เพนโทซาเนสที่ผลิตจาก Aspergillus sp. FAS 128 เพื่อให้ทนต่ออุณหภูมิสูง โดยการเติมสารเคมีบางชนิดและสาร carrier และทำการศึกษาเสถียรภาพของเอนไซม์ที่ถูกปรับปรุงในอุณหภูมิที่ใช้เก็บรักษา สำหรับสารละลายเพนโทซาเนสโดยรวม (Crude pentosanase solution) การปรับปรุงเสถียรภาพทำโดยการเติมสารเคมี ได้แก่สารประกอบกลุ่ม bivalent metal สารประกอบกลุ่ม polyol น้ำตาล โปรตีน และกรดอะมิโน แล้วนำสารละลายที่ได้ไปให้ความร้อนที่อุณหภูมิ 75 c เป็นเวลา 2 นาที จากการทดลองพบว่า สารเคมีทุกชนิดยกเว้นน้ำตาลช่วยให้เสถียรภาพของสารละลายเพนโตซาเนสโดยรวมสูงขึ้น การเติมยูเรีย30% (w/v) ร่วมกับแมงกานีสคลอไรด์ (MnCl2) 1.0mM ทำให้สารละลายเอนไซม์มีความเสถียรสูงสุด โดยค่ากิจกรรมของเอนไซม์ที่เหลือหลังการให้ความร้อน มีค่า 54.7 และ 52.2% ที่พีเอช 3.0 และ 6.8 ตามลำดับ ยูเรียและ MnCl2 นอกจากจะช่วยให้เอนไซม์มีเสถียรภาพสูงขึ้นแล้วยังช่วยเพิ่มอัตราเร่งปฎิกิริยาของเอนไซม์อีกด้วย อายุการเก็บรักษาของสารละลายเอนไซม์ที่ได้นี้มีระยะเวลานานขึ้นอย่างน้อยที่สุดกว่า 3 เดือน ระหว่างการเก็บที่อุณหภูมิ 4c โดยค่ากิจกรรมที่เหลือของสารละลายเอนไซม์ที่เติมยูเรียและ MnCl2 และผ่านการเก็บที่อุณหภูมิ 4 c เป็นเวลา 3 เดือน มีค่าสูงกว่าค่ากิจกรรมของสารละลายเอนไซม์ที่ไม่เติมสารเคมี 4.8 และ 12.1 เท่า ที่พีเอช 3.0 และ 6.8 ตามลำดับสำหรับเอนไซม์โดยรวมรูปผงแห้ง (Crude pentosanase powder) การเติม MnCl2 5.8 mg และแป้งข้าวเจ้า 2.7 g dry weight ในเอนไซม์โดยรวม 1.0 g dry weight เป็นสูตรที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการปรังปรุงเสถียรภาพของเอนไซม์ผงแห้ง โดยไอออนของ Mn2+ อาจจะสร้างสาร Chelate กับเอนไซม์ ทำให้เสถียรภาพของเอนไซม์สูงขึ้น ขณะที่แป้งข้าวเจ้าเป็นสาร carrier ทำหน้าที่เป็นฉนวนความร้อนระหว่างการทำแห้ง ให้กับโมเลกุลของเอนไซม์ซึ่งถูกดูดซับไว้ภายในโครงสร้างของแป้งข้าวเจ้า ด้วยการเติมสารดังกล่าว ทำให้กิจกรรมที่เหลืออยู่ของเอนไซม์หลังจากการให้ความร้อนที่ 75 c เป็นเวลา 5 นาที มีค่า 96.6 และ 97.5% ที่พีเอช 3.0 และ 6.8 ตามลำดับ เอนไซม์โดยรวมรูปผงแห้งที่ได้มีอายุการเก็บรักษานานกว่า 1 เดือน ระหว่างการเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 4 c และที่อุณหภูมิห้อง โดยค่ากิจกรรมที่เหลืออยู่ของเอนไซม์หลังให้ความร้อนมีค่าสูงกว่าค่ากิจกรรมของเอนไซม์โดยรวมผงแห้งที่เติมแป้งข้าวเจ้าเพื่อเป็น carrier แต่ไม่เติม MnCl2 1.2 และ 1.0 เท่า ที่พีเอช 3.0 และ 6.8 ตามลำดับ จากการศึกษาทั้งหมดได้ สูตรที่เหมาะสมสำหรับผลิตภัณฑ์เอนไซม์น้ำประกอบด้วย ยูเรีย 30 เปอร์เซนต์ และแมงกานีสคลอไรด์ 1.0 มิลลิโมลาร์ในเอนไซม์โดยรวม 1.0 g dry weight (70 u/ml) และสูตรที่เหมาะสมสำหรับผลิตภัณฑ์เอนไซม์ผงแห้งประกอบด้วยแป้งข้าวเจ้า 2.7 กรัมน้ำหนักแห้งและแมงกานีสคลอไรด์ 5.8 มิลลิกรัมในเอนไซม์โดยรวม 1.0 g dry weight (~3000 U/g dry weight)
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การปรับปรุงเสถียรภาพต่ออุณหภูมิสูงของเอนไซม์เพนโทซาเนสจาก Aspergillus sp. FAS 128
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
2548
การใช้เอนไซม์ในการผลิตรำข้าวโปรตีนสูง. การหาสูตรอาหารที่เหมาะสมต่อการผลิตและศึกษาสมบัติเอนไซม์ไซลาเนสบริสุทธิ์จากเชื้อราที่เจริญในอุณหภูมิสูง Thermoascus aurantia การผลิตและสมบัติของเอนไซม์ไฟเตสทนอุณหภูมิสูงจากเชื้อ Thermoascus aurantiacus SL16W การทำให้เอนไซม์ไคติเนสบริสุทธิ์และการศึกษาคุณสมบัติของเอนไซม์จากเชื้อ escherichia coli ที่ การเพิ่มการผลิตไมโรซิเนสจาก Aspergillus sp. NR463 โดยการทำให้เกิดการกลายพันธุ์ การศึกษาผลการปรับปรุงการซึมผ่านของยาแคลซิโทนินทางผิวหนังโดยการประยุกต์ใช้คลื่นอัลตร้าซาวน์ ผลของอุณหภูมิสูงและปริมาณคาร์บอนต่ำที่ส่งผลต่อการกำจัดฟอสฟอรัสทางชีวภาพ การตอบสนองทางสรีรวิทยาเมื่อดื่มน้ำที่มีอุณหภูมิต่างกันในที่ที่มีความร้อนสูง การผลิตและศึกษาคุณสมบัติของเอนไซม์ไฟเทสจากเชื้อ Pseudomonas sp. การศึกษาผลของอุณหภูมิที่มีต่อการผลิตแก๊สไฮโดรเจนจากกระบวนการอิเล็กโทรไลซิส
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก