สืบค้นงานวิจัย
การปรับปรุงและพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการผลิตวัตถุดิบสมุนไพรข้าวเย็นเหนือ
วาริน สุทนต์ - สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
ชื่อเรื่อง: การปรับปรุงและพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการผลิตวัตถุดิบสมุนไพรข้าวเย็นเหนือ
ชื่อเรื่อง (EN): Improvement and Development of Appropriate Technology on Production of Smilax corbularia Kunth as Herbal Raw Material
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: วาริน สุทนต์
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: โครงการวิจัยการปรับปรุงและพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการผลิตวัตถุดิบสมุนไพร ข้าวเย็นเหนือ ได้ดำเนินการระหว่าง เดือนพฤษภาคม 2563 ถึง เดือนพฤศจิกายน 2564 ณ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ มีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมและคัดเลือกพันธุ์ข้าวเย็นเหนือที่ให้ ผลผลิตและคุณภาพวัตถุดิบสูง เพื่อให้ได้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในการผลิตข้าวเย็นเหนือ และเพื่อ พัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการขยายพันธุ์ข้าวเย็นเหนือโดยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การ ดำเนินการวิจัยประกอบด้วย 3 โครงการวิจัยย่อย ได้แก่ โครงการการสำรวจ รวบรวมและคัดเลือก พันธุ์พืชสมุนไพรข้าวเย็นเหนือ โครงการการพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการผลิตข้าวเย็นเหนือ และโครงการการขยายพันธุ์ข้าวเย็นเหนือโดยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ผลการดำเนินโครงการการสำรวจ รวบรวมและคัดเลือกพันธุ์พืชสมุนไพรข้าวเย็นเหนือ สามารถสำรวจและรวบรวมสายพันธุ์ข้าวเย็นเหนือจากเขตภาคเหนือตอนบนได้รวม 24 สายพันธุ์ โดย สภาพพื้นที่ที่สำรวจพบต้นข้าวเย็นเหนือ มีความสูงของพื้นที่ประมาณ 855 – 1,396 เมตรเหนือ ระดับน้ำทะเลปานกลาง พบในเขตป่าดิบเขา ป่าสนเขา และป่าดิบแล้ง ลักษณะคุณสมบัติของดินใน พื้นที่ที่มีการพบต้นข้าวเย็นเหนือมีค่าความเป็นกรด-ด่างเฉลี่ยเท่ากับ 4.81 และมีค่าอินทรียวัตถุเฉลี่ย เท่าดับ 5.64 เปอร์เซ็นต์ ส่วนค่าวิเคราะห์ปริมาณธาตุอาหารหลักและธาตุอาหารรองในดินจากพื้นที่ สำรวจพบว่ามีค่าต่ำกว่าค่ามาตรฐานที่พืชต้องการ ยกเว้นแมงกานีส (Mn) ที่มีมากเกินกว่าความต้อง ของพืชทั่วไปถึง 5 เท่า การศึกษาลักษณะอนุกรมวิธานและการจัดจำแนกพบว่าเป็นข้าวเย็นเหนือ (Smilax corbularia Kunth) จัดเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว (monocotyledon) ในวงศ์ Smilacaceae มี ลำต้นสูง 1-5 เมตร มีการเจริญเติบโตแบบไม้รอเลื้อย (scandent) ออกดอกช่วงเดือน กรกฎาคม ติด ผลเดือน สิงหาคม และผลสุกแก่เดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม การศึกษาเปรียบเทียบลายพิมพ์ดีเอ็นเอ พบว่ามีความแตกต่างกันทางสายพันธุ์และสอดคล้องกับความแตกต่างทาง phenotype ส่วน การศึกษาเปรียบเทียบและคัดเลือกสายพันธุ์ข้าวเย็นเหนือ พบว่าข้าวเย็นเหนือสายพันธุ์แม่ออนมีการ เจริญเติบโตดีกว่าทุกสายพันธุ์ ทั้งด้านความสูงของต้น การแตกกิ่งแขนงย่อยต่อต้น และจำนวนใบต่อ ต้น รองลงมาคือ สายพันธุ์ ขุนวาง ขุนลาว แม่สาใหม่ และป่าแป๋ตามลำดับ ส่วนการวิเคราะห์ปริมาณ สารสำคัญ astilbin ในส่วนหัวหรือเหง้า พบว่าสายพันธุ์ ปงไคร้ มีปริมาณสารสำคัญสูงสุด รองลงมา คือสายพันธุ์ แม่สาใหม่ แม่จอนหลวง ปางทางไขว้ โป่งน้อย และพระบาทสี่รอย ตามลำดับ ผลการดำเนินโครงการการพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการผลิตข้าวเย็นเหนือ พบว่า สถานที่ปลูกมีอิทธิพลต่อจำนวนใบที่แตกใหม่ เปอร์เซ็นต์การตายของต้น และปริมาณสาร astilbin ในส่วนหัว โดยการปลูกบนพื้นที่สูงในระดับสูงประมาณ 1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล (โป่งแยง) ให้ ผลดีในแง่การลดเปอร์เซ็นต์การตายของต้นและให้ผลส่งเสริมการเติบโตด้านการเพิ่มจำนวนใบใหม่ และปริมาณสาร astilbin ในส่วนหัวมากกว่าการปลูกบนพื้นที่ราบซึ่งสูงประมาณ 300 เมตรจาก ระดับน้ำทะเล(แม่โจ้) แต่ไม่มีผลชัดเจนต่อความยาวของกิ่งยอดหลักที่เพิ่มขึ้นความยาวเฉลี่ยของกิ่ง จำนวนกิ่งที่แตกใหม่ ขนาดของใบ คะแนนการพัฒนารากน้ำหนักสดและน้ำหนักแห้งของหัว กรรมวิธี การให้ปุ๋ยมีผลต่อปริมาณธาตุไนโตรเจนในใบ (N) ความยาวเฉลี่ยของกิ่ง จำนวนกิ่งที่แตกใหม่ และ จำนวนใบที่แตกใหม่ โดยกรรมวิธีให้ปุ๋ยมูลไก่ร่วมกับมูลค้างคาว และการให้ปุ๋ยเคมีให้ผลดีกว่าการไม่ ใช้ปุ๋ย อย่างไรก็ตามกรรมวิธีให้ปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ยังไม่มีผลชัดเจนต่อความยาวกิ่งยอดที่เพิ่มขึ้น ขนาดของใบ เปอร์เซ็นต์การตายของต้น น้ำหนักสดและน้ำหนักแห้งของหัว รวมทั้งปริมาณสาร astilbin ในส่วนหัว ระดับการพรางแสงมีผลส่งเสริมการเติบโตด้านความยอดที่เพิ่มขึ้น จำนวนกิ่งที่ แตกใหม่ คะแนนการพัฒนาราก และช่วยลดเปอร์เซ็นต์การตายของต้น โดยการพรางแสงที่ระดับ 70 เปอร์เซ็นต์ให้ผลดีที่สุด ส่วนการไม่พรางแสงทำให้ต้นตายทั้งหมด แต่ระดับการพรางแสงไม่มีผลต่อ ความยาวเฉลี่ยของกิ่ง จำนวนใบที่แตกใหม่ ขนาดของใบ น้ำหนักสดและน้ำหนักแห้งของหัว รวมทั้ง ปริมาณสาร astilbin ในส่วนหัว กรรมวิธีควบคุมระดับความชื้นในดิน มีผลต่อการเติบโตในด้าน ความ ยาวยอดที่เพิ่มขึ้น ความยาวเฉลี่ยของกิ่ง และคะแนนการพัฒนาราก โดยกรรมวิธีควบคุมความชื้นใน ดินที่ระดับ 30 เปอร์เซ็นต์ ตลอดการทดลองให้ผลดีที่สุด แต่กรรมวิธีควบคุมความชื้นในดินไม่มีผลต่อ จำนวนกิ่งที่แตกใหม่ ขนาดใบ จำนวนใบที่แตกใหม่ น้ำหนักสดและน้ำหนักแห้งของหัว และปริมาณ สาร astilbin ในส่วนหัวของข้าวเย็นเหนือ สำหรับระบบการปลูกภายใต้โรงเรือนแบบต่างๆ พบว่ามี อิทธิพลต่อการเติบโตด้านการส่งเสริมการเพิ่มจำนวนใบที่แตกใหม่ คะแนนการพัฒนาราก และช่วยลด เปอร์เซ็นต์การตายของต้น โดยระบบการปลูกภายใต้โรงเรือนระบบ EVAP ที่ควบคุมระดับความชื้นใน ดินเท่ากับ 30 เปอร์เซ็นต์ ควบคุมระดับอุณหภูมิภายในโรงเรือนที่ระดับ 28°C ให้ผลดีที่สุด แต่ระบบ การปลูกภายใต้โรงเรือนแบบต่างๆ ไม่มีผลต่อ ความยาวยอดที่เพิ่มขึ้น ความยาวเฉลี่ยของกิ่ง ขนาด ของใบ น้ำหนักสดและน้ำหนักแห้งของหัว และปริมาณสาร astilbin ในส่วนหัวของข้าวเย็นเหนือ การศึกษาการขยายพันธุ์ข้าวเย็นเหนือที่สำรวจได้จาก 3 พื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ (แม่จอน หลวงปงไคร้ และปางทางไขว้) โดยเพาะเลี้ยงชิ้นส่วนตาข้างบนอาหารกึ่งแข็งสูตร MS ที่เติม NAA ความเข้มข้น 0 0.5 และ 1.0 มิลลิกรัมต่อลิตร ร่วมกับ BA ความเข้มข้น 0 1.0 3.0 และ 5.0 มิลลิกรัมต่อลิตร เป็นเวลา 8 สัปดาห์พบว่าเมื่อเพาะเลี้ยงชิ้นส่วนตาข้างของข้าวเย็นเหนือจากทั้ง 3 พื้นที่บนอาหารกึ่งแข็งสูตร MS ที่เติม NAA ความเข้มข้น 0.5 มิลลิกรัมต่อลิตรร่วมกับ BA ความ เข้มข้น 3.0 มิลลิกรัมต่อลิตร มีการพัฒนาจำนวนและความสูงยอดได้ดี โดยมีค่าเฉลี่ย 3.16-3.75 ยอด และ 1.93-1.98 เซนติเมตร ตามลำดับ ส่วนการเพาะเลี้ยงชิ้นส่วนปลายยอดข้าวเย็นเหนือจากแหล่ง พื้นที่แม่จอนหลวงในระบบไบโอรีแอคเตอร์จมชั่วคราว ในอาหารเหลวสูตร MS ที่เติม NAA ความ เข้มข้น 0.5 มิลลิกรัมต่อลิตร ร่วมกับ BA ความเข้มข้น 3 มิลลิกรัมต่อลิตร โดยให้อาหารจำนวน 6 ครั้ง ต่อวัน ร่วมกับระยะเวลาการแช่จมชั่วคราว 10 นาทีต่อครั้ง ชักนำให้ชิ้นส่วนพืชมีจำนวนและความสูง ยอดมากที่สุด 18.65 ยอดต่อชิ้นส่วนพืช และ 6.07 เซนติเมตร ตามลำดับ หลังเพาะเลี้ยงเป็นเวลา ต่อเนื่อง 8 สัปดาห์ ต้นอ่อนที่ได้ทั้งจากการเพาะเลี้ยงบนอาหารกึ่งแข็งและเพาะเลี้ยงในไบโอรีแอค เตอร์สามารถชักนำให้เกิดรากได้ดี เมื่อเพาะเลี้ยงชิ้นส่วนยอดบนอาหารกึ่งแข็งสูตร ½ MS ที่เติม NAA ความเข้มข้น 0.5 มิลลิกรัมต่อลิตร และมีการรอดชีวิต 75-80 เปอร์เซ็นต์ หลังย้ายปลูกอนุบาลใน โรงเรือนโดยใช้วัสดุปลูกพีทมอสเป็นเวลา 4 สัปดาห์
บทคัดย่อ (EN): The improvement and development of appropriate technology on production of Smilax corbularia Kunth as herbal raw material was conducted during May, 2020 to November, 2021 at Maejo University, Chiang Mai. The aim of this research was to collect and select the good characteristic of cultivars, to develop the appropriate production technology and to develop the appropriate propagation technology by plant tissue culture technique. There were 3 sub-projects in this research including the varietal collection and selection of Smilax corbularia Kunth for Thai traditional pharmacopoeia utilization, the development of appropriate technology on production of Smilax corbularia Kunth and the micropropagation of Smilax corbularia Kunth. The result of the varietal collection and selection of Smilax corbularia Kunth for Thai traditional pharmacopoeia utilization was able to collect 24 lines of S. corbularia plants from discovering area. It found in hill evergreen forest, hill coniferous forest, and dry evergreen forest of upland areas about 855-1,396 m above sea level which the soil in these areas had 5.64 %OM and soil pH about 4.81. The amount of major and minor elements of soil in these areas had lower than the nutrient standard values except the Mn content which showed about 5 times higher than the standard value. For the taxonomic study, it found that S. corbularia plant was belonged to monocotyledon in Smilacaceae. It is a scandent herb with 1-5 m of stem height. The flowering period occurred in July and fruit setting in August and fruit mature stage during November to December. The DNA finger print study was significant difference in plant lines which agree with the difference of phenotypic characteristic. For the plant lines selection of S. corbularia, it found that Mae-on line showed the best result on growth in plant height, branch number, leaf number which the lines, Khunwang, Khunlao, Maesamai, and Papae showed the lower result of growth, respectively. On the other hand, Pong Khai line had the highest value of astilbin content in rhizome while the lines, Maesamai, Mae Chon Luang, Pang Thang Khai, Pongnoi and Prabatseeroy gave the lower results, respectively. The study on development of appropriate technology on production of Smilax corbularia Kunth showed that the planting area was able to reduce the plant death percentage and increase the new leaf number and astilbin content in rhizome with the best results in Pongyang planting area (1,000 m above sea level) better than the planting in low land area (Maejo, 300 m above sea level). However, the planting area was not significant difference on the increasing of shoot length, average shoot length, new shoot number, new leaf size, root development score, and fresh & dry weights of rhizomes. The application of fertilizer was significant difference on the increasing of leaf nitrogen content, average shoot length, new shoot number and new leaf number which the application of chicken plus bat manure and chemical fertilizer (15-15-15), showed the higher values better than control treatment (non-fertilizer treatment). However, all fertilizer treatments were not significant difference on the increasing of shoot length, leaf size, plant death percentage, fresh & dry weight of rhizomes and astilbin content in rhizomes. The percentage of shading was able to promote the increasing of shoot length, new shoot number, root development score and reduce the plant death percentage with the best results at 70 % shading while non-shading treatment gave the lowest results with 100 percent of plant death. However, shading level was not significant difference on average shoot length, new leaf number, leaf size, fresh & dry weights of rhizomes and astilbin content in rhizome. The control of soil moisture content level was able to promote the increasing of shoot length, average shoot length and root development score with the best results at 30% MC. However, it was unaffected on new shoot number, leaf size, new leaf number, fresh and dry weight of rhizomes and astilbin content in rhizome. The study on planting house system found that plant which grown under EVAP planting house showed the best results on new leaf number and root development score and reduced the plant death percentage. The planting house system was not significant difference on the increasing of shoot length, average shoot length, leaf size, fresh and dry weights of rhizomes and astilbin content in rhizomes. Studies on micropropagation of the three difference Smilax corbularia Kunth. location in Chiang Mai (Mae Chon Luang, Pong Khai, Pang Thang Khai), in vitro apical buds as explants were cultured on solid MS medium supplemented with 0, 0.5 and 1.0 mg l-1 NAA in combination with 0, 1.0, 3.0 and 0.5 mg l-1 BA for 8 weeks. The all of S. corbularia showed that the MS medium supplemented with 0.5 mg l-1 NAA in combination with 3.0 mg l-1 BA was the most effective in shoot induction for 8 weeks. The number of shoots were 3.16-3.75 shoots per explant and the height of shoots were 1.93-1.98 cm. For the part of the study on through tissue culture by temporary immersion bioreactor (TIB) system, the apical shoots of S. corbularia(Mae Chon Luang) as explants were cultured in liquid MS medium supplemented with 0.5 mg l-1 NAA in combination with 3.0 mg l-1 BA. The result showed that the feeding 6 times a day for 10 minutes was the most effective in shoot induction for 8 weeks. The number of shoots were 18.65 shoots per explant and the height of shoots were 6.7 cm. Then, the shoots of both culturing (solid medium and TIB system) cultivated on the appropriate formula of solid MS medium were induced for rooting. The results showed that the ½MS or MS medium with 0.5 mg l-1 NAA was the most effective in root induction. The high survival rate of plantlets observed were 75-80 % when the plantlets were planted on peat moss for 4 weeks.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
คำสำคัญ: ไบโอรีแอคเตอร์จมชั่วคราว
คำสำคัญ (EN): Temporary immersion bioreactor
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยแม่โจ้
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การปรับปรุงและพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการผลิตวัตถุดิบสมุนไพรข้าวเย็นเหนือ
สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
2563
การปรับปรุงพันธุ์ข้าวลูกผสมเพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพสำหรับการแปรรูปเชิงอุตสาหกรรม ระยะที่ 2 ปีที่ 2 การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นต่อยอดการขยายพันธุ์ปะการังอ่อนเพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มคุณภาพผลผลิตสำหรับการใช้ประโยชน์ในเชิงการค้าและการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลของประเทศไทย โครงการที่ 3 การตรวจเอกลักษณ์และระบุวัตถุดิบสมุนไพรสําหรับตํารับยาศุขไสยาศน์ละตํารับยาสําราญนิทรา การยกระดับคุณภาพข้าวและการบริหารจัดการระบบการผลิตข้าวแบบครบวงจรในระดับกลุ่มเกษตรกรนาแปลงใหญ่ นวัตกรรมและเทคโนโลยีการเพิ่มคุณภาพผลผลิตและมูลค่าน้ํานมดิบของฟาร์มโคนมในประเทศไทย การคัดเลือกระยะปลูกและสายพันธุ์ถั่วลิสงที่เหมาะสมต่อการผลิตเมล็ดและต้นถั่วลิสงแห้งอาหารสัตว์บนพื้นที่นาของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การพัฒนาเทคนิคการอนุบาลลูกปลานวลจันทร์ทะเล (Chanos chanos Forsskal, 1775) เพื่อการเพิ่มผลผลิต การลดการปนเปื้อนของสารหนูในรําข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวและการเก็บกู้สารหนูที่สกัดได้ ต้นแบบถังปฏิกรณ์ชีวภาพผลิตแพลงก์ตอนระดับอุตสาหกรรมแบบต่อเนื่อง เพื่อผลิตอาหารคุณภาพสาหรับบ่ออนุบาลลูกกุ้ง ลูกปลา และผลิตสารสกัดออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยามูลค่าสูง การพัฒนาระบบการเพิ่มผลผลิตกุ้งก้ามกรามขนาดใหญ่ (พรีเมี่ยม) เพื่อการเพิ่มมูลค่าและการสร้างศักยภาพการส่งออก
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก