สืบค้นงานวิจัย
โครงการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่ลุ่มน้ำวิกฤต กรณีศึกษา ลุ่มน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นิตยา เลาหะจินดา - กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
ชื่อเรื่อง: โครงการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่ลุ่มน้ำวิกฤต กรณีศึกษา ลุ่มน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: นิตยา เลาหะจินดา
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: การพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่ลุ่มน้ำวิกฤต กรณีศึกษา: ลุ่มน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาวะแวดล้อม และลักษณะอุตุนิยมวิทยาที่มีอิทธิพลในการเกิดฝน บริเวณลุ่มน้ำภาค -ตะวันออกเฉียงเหนือ สร้างฐานข้อมูลในการติดตามประเมินผลการทำฝนในลุ่มน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และให้ข้อเสนอแนะในการพัฒนาทำฝนในลุ่มน้ำวิกฤตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผลการศึกษาพบว่าพื้นที่ลุ่มน้ำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีขนดใหญ่กว่า 500 ตารางก็โลเมตร จะมีสถานภาพ ความวิกฤตในระดับเตือนภัยถึงเสี่ยงภัยแล้ง ลุ่มน้ำที่มีสถานภาพในระดับเตือนภัยแล้ง ได้แก่ ลุ่มน้ำห้วยน้ำฮวย (สถานี Kh.78) ของลุ่มแม่น้ำโขง ลุ่มน้ำชี (ที่สถานี E.18 และ E.20A) และลุ่มน้ำมูล (ที่สถานี M.5 และ M.7) ลุ่มน้ำที่มีสถานกาพในระดับเสี่ยงภัยแล้ง ได้แก่ ลุ่มน้ำชี (ที่สถานี E.1) และลุ่มน้ำมูล (ที่สถานี M.6A และ M.8) ผลการปฏิบัติการฝนหลวงของศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงที่ 5 ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2549 ถึง 31 ธันวาคม พ.ศ.2550 รวมทั้งสิ้น 67 1 วัน มีวันปฏิบัติการฝนหลวงรวมทั้งสิ้น 253 วัน และไม่ปฏิบัติการรวมถึงปิดดำเนินการจำนวน 418 วัน และมีรายงานของสำนักฝนหลวงและการบินเกษตรว่ามีฝนตกในพื้นที่เป้าหมายจำนวน 221 วัน จากการวิเคราะห์ตำแหน่ง และเวลาการบินทำฝนบริเวณจังหวัดนครราชสีมาพบว่า ช่วงเวลาการโปรยสารเคมีที่มีประสิทธิผลมากที่สุดคือช่วงเวลา ระหว่าง 10:30 ถึง 12:00 น. ทำให้มีฝนตกจำนวน 107 วัน และฝนตกเฉลี่ยมากและครอบคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง โดยการโปรยสารเคมีที่ระยะห่งเฉลี่ยจากเรดาร์ประมาณ 23.4 กิโลเมตร มีฝนตกเฉลี่ยในพื้นที่รูปกรวย 12.9 มิลลิเมตร ครอบคลุมพื้นที่ร้อยละ 34.7 ของพื้นที่รูปกรวย จากจำนวนวันปฏิบัติการฝนหลวง 253 วัน พบว่ามีฝนตกในพื้นที่ที่ได้รับอิทธิพลจากการปฏิบัติการฝนหลวงหรือพื้นที่รูปกรวยจำนวน 221 วัน แต่เนื่องจากบางวันไม่มีข้อมูลภาพพื้นที่ที่ได้รับอิทธิพลจากปฏิบัติการฝนหลวงหรือพื้นที่รูป กรวย จึงสามารถวิเดราะห์ข้อมูลได้เพียง 217 วัน คือมีจำนวนวันที่มีฝนตกในพื้นที่เป้าหมายจำแนกตามเกณฑ์ปริมาณฝน 24 ชั่วโมง และเกณฑ์การกระจายของฝน คือมีฝนที่ตกกระจายถึงฝนตกทั่วไป (มากกว่า 40% ของพื้นที่) มีถึง 76 วัน หรือคิดเป็นร้อยละ 33 ของฝนที่ตกทั้งหมด และมีฝนตกมากกว่า 0.1 มิลลิเมตร ถึง 172 วัน หรือคิดเป็นร้อยละ 79 ของ ฝนที่ตกทั้งหมด ดังนั้นแสดงให้เห็นได้ว่า การปฏิบัติการฝนหลวงสามารถเพิ่มเติมน้ำฝนบริเวณพื้นที่รูปกรวยได้เป็นอย่างดี การวิเคราะห์ประสิทธิภาพการปฏิบัติการทำฝนด้วย Double ratio โดยมีลุ่มน้ำบริเวณอำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่นเป็นลุ่มน้ำควบคุม พบว่าพื้นที่ลุ่มน้ำของอ่างเก็บน้ำทั้ง 21 แห่งส่วนใหญ่มีค่า double ratio มากกว่า 1 แสดงว่าการปฏิบัติการทำฝนหลวงทำให้มีปริมาณฝนเพิ่มสูงขึ้นกว่าการเกิดเองตามธรรมชาติ โดยอ่างเก็บน้ำวังหิน ตั้งอยู่ที่จังหวัดศรีสะเกษมีค่า double ratio มากที่สุดเท่ากับ 1.36 เท่าของช่วงที่ไม่มีการปฏิบัติการฝนหลวง (non seeded) และ รองลงมาได้แก่ อ่างเก็บน้ำทุ่งกระเต็น อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ บึงทุ่งพวงพุด อ.พล จ.ชอนแก่น และอ่างเก็บน้ำหนองทะลอก อ.นางรอง จ.มุรีรัมย์ มีค่า doube ratio เท่ากับ 1.32 1.24 และ 1.24 เท่าของช่วงที่ไม่มีการปฏิบัติการฝนหลวง แสดงให้เห็นว่าการปฏิบัติการทำฝนหลวงสามารถเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นการลดสภาพ วิกฤตของลุ่มน้ำด้นความแห้งแล้ง บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ คราะห์สภาวะอากาศระดับภูมิภาคบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่า ในช่วงฤดูหนาวจาก มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ (NM) สภาวะอากาศที่มีอิทธิพลทำให้เกิดฝนตกในพื้นที่โครงการฯ คือ AH ในช่วงเปลี่ยนจาก ฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูร้อน (SIM) สภาวะอากาศที่มีอิทธิพลทำให้เกิดฝนตกในพื้นที่โครงการฯ คือ AH&HL ในช่วงเริ่มต้นฤดูฝน จากอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ (OSM) สภาวะอากาศที่มีอิทธิพลทำให้เกิดฝนตกในพื้นที่โครงการฯ คือ WรW ในช่วงกลางฤดูฝนจากอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ (SM) สภาวะอากาศที่มีอิทธิพลทำให้เกิดฝนตกในพื้นที่ โครงการฯ คือ AITCZ ในช่วงเปลี่ยนฤดูจากฤดูฝนเป็นฤดูหนาว (WIM) สภาวะอากาศที่มีอิทธิพลทำให้เกิดฝนตกในพื้นที่ โครงการฯ คือ AH&HL จากการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างและร้อยละของ สถานีที่มีฝนตกบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง พบว่าเกี่ยวข้องกับ ปริมาณน้ำฟ้า (Precipitation Water, Pw) ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยที่ความสูง 10,000- 18,000 ฟุต และดัชนีเสถียรภาพ LI ความสัมพันธ์ระหว่างค่สะท้อนคลื่นเรดาร์ และอัตราการตกของฝนจากเครื่องวัดน้ำฝนอัตโนมัติ พบว่าเมฆฝนแบบแผ่น มีสมการ Ze = 4.8068 R1.8589 (r2=0.85) และเมฆฝนที่ก่อตัวในแนวตั้ง พบว่า มีสมการ Ze = 10* R4 743 (F = 0.80) และพบว่าระยะทางระหว่างเรดาร์กับสถานี ตรวจวัดน้ำฝนไม่มีความสัมพันธ์กับความสัมพันธ์ระหว่างค่าความเข้มของฝนและค่า Ze จากการศึกษาเมฆฟิสิกส์บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ได้แก่ วิเคราะห์ค่าการสะท้อนครั้งแรก ของเมฆ (irst echo) จากข้อมูลเรดาร์ พบว่าในสภาวะอากาศแบบ WITCZ จะมีปริมาณของเมฆที่เกิดการสะท้อนครั้งแรก ของเมฆมากที่สุด ร้อยละ 22.8 ของปริมาณเมฆที่เกิดการสะท้อนครั้งแรกทั้งหมด ส่วนทิศที่มีการสะท้อนครั้งแรกของเมฆ มากที่สุดได้แก่ทิศเหนือของทิศตะวันตกเฉียงเหนือ NNW) ร้อยละ 16 และรองลงมาได้แก่ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ (SW) และเวลาที่เกิดการสะท้อนครั้งแรกของเมฆมากที่สุดคือ เวลา 8:12 น. ประมาณร้อยละ 52 แต่การเกิดการสะท้อนครั้งแรก แล้วก่อให้เกิดฝนตกรายวัน ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่าในแต่ละฤดูกาล เมฆฝนจะเริ่มก่อตัวมากในเวลาที่ไม่ แตกต่างกันมากนักคืออยู่ในช่วงตั้งแต่ 12:00 น ผลการศึกษาพฤติกรรมการก่อตัวของเมฆฝน พบว่าอิทธิพลของร่องความกดอากาศต่ำ ทำให้ในช่วงฤดูฝนมีเมฆมากและฝน ตกกระจาย มีปริมาณฝนน้อยถึงปานกลาง ฝนทิ้งช่วง 2 วันและอิทธิพลของลมมรสมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้ในช่วงฤดูฝนมี เมฆปานกลาง ฝนตกเป็นแห่งๆ มีปริมาณฝนปานกลางถึงฝนหนัก ฝนทิ้งช่วง 1 วัน อิทธิพลจากพายุหมุนเขตร้อน ทำให้มีเมฆกระจายเต็มท้องฟ้า มีฝนตกทั่วไป ปริมาณฝนปานกลางถึงฝนหนัก อิทธิพลจากการแผ่ลิ่ม ความกดอากาศสูงทำให้มีเมฆกระจายเต็มท้องฟ้าในวันแรก จากนั้นฟ้าใส มีฝนตกเป็นแห่งๆ ปริมาณฝนน้อย การปฏิบัติการทำฝนมี ประสิทธิภาพสูง ในช่วงที่มีสภาวะอากาศแบบร่องมรสุมพาดผ่าน และในช่วงฤดูแล้งที่มีการแผ่ลิ่มของความกดอากาศสูง
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://164.115.23.116:8060/Frontend/download?DocumentID=52&fileIndex=0&originalFileName=32%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9D%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%95%20%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%20%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B8%AD.pdf
เผยแพร่โดย: กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
คำสำคัญ: ปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่ลุ่มน้ำวิกฤต
เจ้าของลิขสิทธิ์: กรมฝนหลวง
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
โครงการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่ลุ่มน้ำวิกฤต กรณีศึกษา ลุ่มน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
2551
โครงการการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่ลุ่มน้ำวิกฤต กรณีศึกษา ลุ่มน้ำภาคตะวันออก โครงการประยุกต์ผลการวิจัยฝนหลวงในการปฏิบัติการฝนหลวงของศูนย์ฝนหลวงประจำภาค โครงการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่ลุ่มน้ำวิกฤต กรณีศึกษา : ลุ่มน้ำภาคกลาง โครงการพัฒนาแบบจำลองทางคณิตศาสตร์และระบบสนับสนุนการตัดสินใจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำในสภาวะวิกฤติ การศึกษาประสิทธิภาพการผลิตถั่วเหลือง การพัฒนาประสิทธิภาพการเพาะปลูกยางพารา การศึกษาประสิทธิภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว จังหวัดชัยนาท โครงการทดสอบประสิทธิภาพพลุสารดูดความชื้นเสริมการปฏิบัติการฝนหลวงเมฆอุ่น ปี 2554 การพัฒนาประสิทธิภาพเตาเผาถ่านกัมมันต์ จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร กลุ่มวิจัยการพัฒนาองค์ความรู้ทางด้านยางพาราในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก