สืบค้นงานวิจัย
ระบบการผลิตโคนมอินทรีย์ต่อคุณค่าทางโภชนะของน้ำนมในฟาร์มขนาดเล็ก
นันทิยา สุวรรณปัญญา - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
ชื่อเรื่อง: ระบบการผลิตโคนมอินทรีย์ต่อคุณค่าทางโภชนะของน้ำนมในฟาร์มขนาดเล็ก
ชื่อเรื่อง (EN): Organic Dairy Production Systems on Nutritive Value of milk in Small Scale Farms
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: นันทิยา สุวรรณปัญญา
บทคัดย่อ: การทดลองที่ 1 ระบบการผลิตโคนมอินทรีย์ต่อคุณค่าทางโภชนะของนมในฟาร์ม ขนาดเล็ก การศึกษาระบบการเลี้ยงโคนมอินทรี ของถูกผสมโชลสไตน์ฟรีเชียนสายเลือด 75% น้ำหนัก เฉลี่ย 410 :10 กิโถกรัม ระยะกลางการให้นั้ นมจำนวน 20 ตัว โคยใช้แผนการทคลองแบบบล็อกสมบูรณ์ (Randomized Complete Block Design, RCBD) จัดโคนมทดลองออกเป็น 5 กลุ่มๆ ละ 4 ตัว กลุ่มทดลองที่ 1 หญ้ารูซี่โดยปล่อยให้แทะเล็มแปลงหญ้า กลุ่มทดลองที่ 2 หญ้ารูซี่และอาหารข้นอินทรีย์ กลุ่มทคลองที่3 หญ้ารูขี่และถั่วฮามาต้า กลุ่มทคลองที่ หญ้ารูซี่และถั่ วฮามาากับอาหารขันอินทรีย์ กลุ่มทคลองชื่หญ้ารู ซี่ใส่ยูเรียและอาหารขั้นผสมยูรีย โดยที่กลุ่มทคลองที่ 24 ตัดให้กิน อาหารข้นอินทรีย์มีโปรตีน 17.05 % อาหารขั้นผสมยูเรีย มีโปรตื่น 1820 * พบว่าการให้ปริมาณนั้ นมเพิ่มขึ้นทุกกลุ่มไม่แตกต่างกันอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติ (P>0.05) โคนมกลุ่มทดลองที่ 2 ซึ่งโคนมได้รับหญ้ารูชื่และอาหารข้นอินทรีย์ มี ปริมาณนั้นมพิ่มขึ้นสูงที่สุด296 กกตัววัน กลุ่มทดลองที่ 3 โคนมได้รับหญ้ารูขี่และถั่วชามาค้ำ ให้ ส่วนประกอบนั้ นมสูงสุดคือไขมัน 5.49/, โปรตีน 4.04%, แลคโต๊ส 4.83% ของแข็งไม่รวมไขมัน8.19% ธาตุนํ้ นมรวม 14.33% ระบบการเลี้ยงโคนมด้วยหญ้ารูซี่ใส่ยูเรียและอาหารข้นผสมยูเรียพบว่าส่งผลให้ องค์ประกอบและโภชนะในน้ำนมสูงสุดคือ แลดโต๊ส 4.91% ระบบการเลี้ยงโคนมโดยการปล่อยให้แทะ เล็มในแปลงหญ้ารูชื่ในกลุ่มทดลองที่ พบว่าให้องค์ประกอบโภชนะที่สำคัญคือ กรดไขมันได้แก่ ซีแอลเอ 3.2 มิลลิกรัม/กรัม โอเมก้า 3 มี 0.08 มิลลิกรัม/กรัม โอเมก้ 9 มี 11.17 มิลลิกรัม/กรัม ไวตามิน เอ 76.00 ไมโครกรัม/ 100 มิลลิลิตร ไวตามินอี 0.050 มิลลิกรัม/100 มิลลิลิตร แคลเซียม 1,285 มิลลิกรัม/ลิตร และ ฟอสฟอรัส 931.80 มิลลิกรัมลิตร กลุ่มทดลองที่ 2 ให้โอเมก้า6 สูงสุด 1.26 มิลลิกรัม/กรัม จากการทดลองพบว่าโคนมอินทรีย์ให้ปริมาณ มไม่แตกต่างกันกับโคนมไม่อินทรีย์แต่มีผลให้คุณค่าทางโภชนะใน น้ำ นมดีกว่าคือ กรดไขมัน ไวตามินและแร่ธาตุ การทดลองที่ 2 ผลการเสริมระดับกระดินแห้งร่วมกับฟางข้าวในฤดูแล้งต่อคุณค่า ทางโภชนะของนั้ นมในโคนมอินทรีย์ วางแผนการทคลองแบบบล็อกสมบูรณ์ (Randomized Complcte Block Design, RCBD) โดยใช้โคนมพันธุ์ โฮลไสตน์ฟรีเชี่ยนสายเลือด 7ร% น้ำ หนักเฉลี่ย 40ร +15 กิโลกรัม ระชะกลางการให้นั้ นม จำนวน 16 ตัว แบ่งเป็น 4 กลุ่มทดลองๆละ 4 ตัว เปรียบเทียบการเลี้ยงโคนมแบบ อินทรีย์ ในกลุ่มทดลองที่ 1. ฟางข้าวกับอาหารขั้นอินทรีย์กลุ่มทดลองที่ 2. ฟางข้าวเสริมกระถินแห้ง 1.5 กิโลกรัมกับอาหารขั้นอินทรีย์ กลุ่มทดลองที่ 3.ฟางข้าวเสริมกระนแห้ง 3.0 กิโลกรัมกับอาหารขั้น อินทรีย์ การเลี้ขงโคนมเบบไม่อินทรีย์หรือการเลี้ยงแบบเดิมที่ โคนมได้รับฟางข้าวกับอาหารข้นที่ผสมยูเรีย ในกลุ่มทคลองที่ 4.ฟางข้าวกับอาหารข้นมียูรีย โดยโคนมกลุ่มทดลองได้รับฟางข้าวแบบจำกัด 10 กิโลกรัมตั ววัน อาหารข้นอินทรีย์ได้รับแบบจํ กัศ กิโลกรัมตัววัน ส่วนกลุ่มทคลองที่ 2 และ 3 เสริม กระดินแห้งได้รับ 1.5 กิโลรัม และเสริมกระดินแห้งได้รับ 3 กิโลกรัม ตามลำดับ พบว่า การลี้ยงโคนมแบบ อินทรีย์มืองค์ประกอบของนั้ นมของกลุ่มทดลองที่ ที่โคนมได้รับฟงข้าวกับอาหารขันอินทรีย์ ให้ เปอร์เซ็นต์ไขมันสูงสุด 4.66% และปริมาณไวตามินอี สูง 0.06 มิลลิกรัม/100 มิลลิลิตร กลุ่มทดลองที่ 2 โก นมได้รับฟางข้าวเสริมกระกินแห้ง 1.5 กิโลกรัมและอาหารขันอินทรีย์ให้ปริมาณน้ำ นมสูง11.46 กิโลกรัม/ ตัววัน แร่ธาตุแคลเขียมสูงสุด 1,198 มิลลิกรัมลิตร ให้ค่าตอบแทนทางเศรษฐกิจสูงที่สุด กลุ่มทดลองที่ 3 โคนมได้รับฟงข้าวเสริมะถินแห้ง 3 กิโลกรัมและอาหารขั้นอินทรีย์ ซึ่งปริมาณกระถินมากมีอิทธิพลต่อ องค์ประกอบโภชนะที่สำคัญของนั้ นมเป็นอย่างมากคือ ให้เปอร์เซ็นต์องค์ประกอบของนั้ นมสูงสุดดังนี้ คือ โปรตีน 3.51% ของแข็งไม่รวมไขมั น 9.60 % ความหนาแน่นของนั้ ในม33.27% มีจุดเยือกแข็ง 63.17% มี1.272 มิลลิกรัม/กรัม ไวตามิน เอ 30.00 ไมโครกรัม/ 100 มิลลิลิตร ไวตามิน อื 0.05 มิลลิกรัม/100 มิลลิลิตร ฟอสฟอรัส 848.6 มิลลิกรัมลิตร และพบว่าการเลี้ยงโคนมแบบไม่อินทรีย์ ในกลุ่มทดลองที่ 4 โคนมได้รับ ฟางข้าว และอาหารขันผสมยูเรีพบว่ามีองค์ประกอบโภชนะที่สำคัญของนั้ นมต่ำ สุดกว่าการเลี้ยงโคนม แบบอินทรีย์ ระบบการผลิตโคนมอินทรีย์ได้นมอินทรีย์ที่มีส่วนประกอบที่สำคัญคือเพิ่มระดับกรด ไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ไวตามินช่วยขจัดอนุมูลอิสระแร่ ธาตุเป็นผลดีต่อสุขภาพผู้บริ โภคนมเละ ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูงกว่าระบบการผลิตโคนมไม่อินทรีย์
บทคัดย่อ (EN): Experiment I Organic dairy production systems on nutritive value of milk in small scale farms. This study was to determine organic dairy farming systems. Twenty-four multiparous mid-lactating Holstein-Friesian 75% crossbred cows (410 -10 Kg of BW) were randomly assigned to 5 treatments. The experiment was conducted according to a Randomized Complete Block Design, RCBD. Twenty dairy cows were divided into 5 tratments, 4 replication each. Treatment 1 was grazed on ruzi pasture. Treatment 2 was cutted ruzi grass and concentrate (Protein 17.05%). Treatment 3 was cutted ruzi grass and hamata Treatment 4 was cutted ruzi grass and concentrate (Protein 17.05%). Treatment 5 was cutted ruzi grass used urea fertilizer and concentrate mixed urea fertilizer (Protein 18.20%). The results revealed that milk yield was increased higher 2.96 kg/hd/d than the other treatments (P>0.05). The results showed that More over, Treatment 3, Dairy cows were signifycantly higher milk fat 5.49%, protein 4.04%, Lactose 4.83% , SNF 8.19% and TS 14.33%. Treatment 5, dairy cows were higher lactose 4.83%. Treatment 1, Dairy cows were significantly higher CLA 3.2 mgg of milk fat, omega 9 11.17 gg of milk fat, vitamin A 76.00 ug/100 ml, vitamin E 0.050 mg/100 ml calcium 1,285 mg/l and phosphorus 931.80 mg/l. Treatment 2 was greater in omega 6 at 1.26 mg/g of milk fat. Organic dairy cows and non organic dairy cows were not significantly in milk yield, but organic dairy cows were higher on fatty acid, vitamin and mineral of milk. Experiment II Effects of levels of dried leucaena ( Leucaena Leucocephala) supplementation on nutritive value of milk in organic dairy cows. This experiment was conducted to study the efiects of supplementation of dried leucaena ( Leucaena Leucocephala). The experiment was conducted according to a Randomized Complete Block Design, RCBD. Sixteen multiparous mid- lactating Holstein-Friesian 75% crossbred cows (405 :15 Kg of BW) were randomly assigned to 4 treatments and 4 replication each, that compared between organic dairy farms and non-organic dairy farms. Four diets were given as follows: Organic dairy cows, Treatment 1 was given rice straw and organic concentrate. Treatment 2 was supplemented 1.5 Kg of dried leucaena with rice straw and organic concentrate. Treatment 3 was supplemented 3 kg of dried leucaena with rice straw and organic concentrate. Non-organic dairy: Treatment 4 was given rice straw and concentrate mixed urea fertilizer . Rice straw and concentrate were offered on ad lib basis at 10 kg/h/d and 5 kg/h/d, respectively. The results showed that organic dairy cows in treatment 1 were found highest 4.66% and vitamin E 0.06 mg/100ml. Rice straw and supplemented with dried leucaena 1.5 kg/hd/d in treatment 2 were highest milk yield 11.46 kg/hd/d, calcium 1,198 mg/L and higher economic income. Treatment 3 was supplemented with dried leucaena 3 kg/hd/d with rice straw and greatest 3.51% protein, 9.60 % solid not fat, 33.27% density, 63.17% freezing point, omega 3 0.0065 mg/g of milk fat, omega 6 0.081 mg/g of milk fat, omega9 1.272 mg/g of milk fat, vitamin A 30.00 ug/100ml, vitamin E 0.05 mg/ 100ml and phosphorous 848.6 mg/L. In contrast, non-organic dairy cows in Treatment 4 were lower milk compositions than the other treatments. Organic dairy production systems was increased levels of essential fatty acid, vitamin as antioxidants, minerals and more health benefits for consumer than non organic dairy production systems.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
คำสำคัญ: เศรษฐกิจพอเพียง
คำสำคัญ (EN): Sufficiency Economy
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ระบบการผลิตโคนมอินทรีย์ต่อคุณค่าทางโภชนะของน้ำนมในฟาร์มขนาดเล็ก
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
31 สิงหาคม 2554
ผลของระดับกากเบียร์แห้งในอาหารต่อผลผลิต และองค์ประกอบของน้ำนมในโคนมพันธุ์โฮลสไตน์ฟรีเซียน วิธีการที่เหมาะสมในการผลิตโคนมเพศผู้โคขุน:II การใช้ปฏิชีวนะผสมในอาหารข้นเพื่อเป็นสารเร่งการเจริญเติบโต ระบบโรงเรือนอัจฉริยะเพื่อการผลิตผักสลัดอินทรีย์ ผลของการใช้สารเสริมต่อคุณค่าทางโภชนะและคุณภาพของการผลิตยอดอ้อยหมัก พันธุกรรมกับอาหารโคนม ผลของน้ำหมักชีวภาพต่อคุณค่าทางโภชนะของลำต้นและใบมันสำปะหลังหมัก เอนไซม์ย่อยเยื่อใยจาก 2 แหล่งต่อปริมาณการกินได้ การย่อยได้ และผลผลิตนํ้านมของโคนม การวิจัยการผลิตไพลแบบบูรณาการ การสำรวจข้อมูลการเลี้ยงโคนมในจังหวัดเชียงใหม่ (ปัญหาการจัดการอาหารหยาบและความต้องการเครื่องจักรกลในฟาร์มโคนม) ศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลการสลายตัวของสารเคมีตกค้างทางการเกษตรและความอุดมสมบูรณ์ของดินเพื่อกำหนดระยะเวลาปรับเปลี่ยนสำหรับการผลิตแบบอินทรีย์
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก