สืบค้นงานวิจัย
การยอมรับเชื้อ Streptococcus agalactiae ที่แยกจากปลากะพงขาว(Lates calcarifer Bloch,1790) ในปลาเศรษฐกิจบางชนิด
เพ็ญศรี บุญตามช่วย - กรมประมง
ชื่อเรื่อง: การยอมรับเชื้อ Streptococcus agalactiae ที่แยกจากปลากะพงขาว(Lates calcarifer Bloch,1790) ในปลาเศรษฐกิจบางชนิด
ชื่อเรื่อง (EN): Susceptibility of Streptococcus agalactiae Isolated from Diseased Seabass (Lates calcarifer Bloch,1790) in Some Economic Fish
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: เพ็ญศรี บุญตามช่วย
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Pensri Boontamchouy
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: ศึกษาการยอมรับเชื้อ Streptococcus agalactiaeที่แยกได้จากปลากะพงขาวป่วยที่เลี้ยงในกระชัง โดยฉีดเชื้อ ความเข้มข้น 10CFU/m! เข้าช่องท้องปลาปกติ 4 ชนิด คือ ปลากะพงขาว ปลาทับทิม ปลากะรัง และปลาตะกรับ โดยใน ปลากะพงขาว ปลาทับทิม และ ปลากะรัง มีขนาด 6.5-7.5 นิ้ว ฉีดปริมาตร 0.1 มล./ตัว ส่วนปลาตะกรับมีขนาด 4 - 9.5 นิ้ว ฉีดปริมาตร 0.05 มล/ตัว จำนวนชนิตละ 30 ตัว บันทีกอัตราการตายเป็นเวลา 7 วัน แล้วนำปลาที่มีอาการใกล้ตายมาแยก เชื้อจากตับและไต และแยกอวัยวะภายในไปศึกษาลักษณะทางพยาธิสภาพ หลังจากนั้นทดสอบความรุนแรงของเชื้อ 5. agalactiae โดยศึกษาค่า LD. ที่ทำให้ปลาแต่ละชนิดตายครึ่งหนึ่งในเวลา 10 วัน (LD.o 10 วัน) โดยฉีดเชื้อเข้าช่องท้อง ปลากะพงชาว ปลาทับทิม และปลากะรัง ปริมาณ 0.1 มล./ตัว ส่วนปลาตะกรับ ฉีด 0.05 มล./ตัว ฉีดทั้งหมด 5 ความ ข้มขัน ความเข้มข้นละ 10 ตัว แล้วบันทีกอัตราการตาย ผลการศึกษาพบว่าเชื้อ S. agalactiae ที่แยกจากปลากะพงขาว สามารถก่อโรคได้ในปลาทับทิมและปลาตะกรับ ทำให้ปลาตาย 90 เปอร์เซ็นต์ และ 87 เปอร์เซ็นต์ ตามลำตับ และมีการ ทำลายทางพยาธิสภาพค่อนข้างรุนแรง พบแกรนูล (Granule) และเมลาโนแมคโครฟาจ (Melanomacrophage) ในอวัยวะ ภายใน ได้แก่ ตับ ไต ม้าม ส่วนในปลากะรังไม่พบการเปลี่ยนแปลงทางเนื้อเยื่อที่ชัดเจนและไม่มีการตายเกิดขึ้น ในการ ทดสอบความรุนแรงของโรค พบว่าปลาตะกรับมีค่า LD, ที่ 10 วัน ต่ำที่สุด คือ 3.46 x 10 CFU ปลาทับทิมมีค่า LDs 2.42 x 10 CFU ปลากะพงขาวมีค่า LDso สูงที่สุด คือ 1.76 x 10 CFU จากการทตลองนี้สรุปได้ว่า 5. agalactiae ที่ก่อโรคในปลากะพงขาว สามารถก่อโรคในปลาทับทิมและปลาตะกรับต้ โตยมีความรุนแรงในปลาตะกรับมากที่สุต รองลงมาคือ ปลาทับทิม และปลากะพงขาวตามลำดับ ส่วนปลากะรังสามารถต้านทานเชื้อ S. agalactiae ไต้ดี
บทคัดย่อ (EN): Susceptibility of S. agalactiae isolated from disease seabass in seabass, red tilapia, grouper and spotted scat was studied and compared using challenged test. The isolated bacteria at a concentration of 10 CFU/ml was injected intraperitonially into 30 fish of seabass , tilapia and grouper at 0.1 ml each and 0.05 ml in spotted scat. The mortality was recorded for one week and bacteria from liver, kidney and spleen of moribund fishes were isolated. Histological changes of those organs were observed. The virulence of S. agalactiae in each fish was also tested using LDso in 10 days with 5 concentrations of bacteria using intraperitonial injection. The results showed 90 96 of tilapia had mortality within 10 days followed by 87 96 in spotted scat. Histological examination of liver, kidney and spleen of seabass and spotted scat revealed sign of inflammations eg. granuloma and melanomacrophage, but less inflammations were observed from grouper with no dead fish were recorded. Seabass showed high LDso at 1.76 x 10" CFU/ml, followed by tilapia at 2.42 x 10 CFU/mI and spotted scat at 3.46 x 10 CFU/ml. From our results, it can conclude that S. agalactiae isolated from seabass is capable of causing disease in red tilapia and spotted scat fish showing more virulence than in seabass. However, it cannot cause disease in grouper.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมประมง
คำสำคัญ: สเตรปโตคอคโคซีส
คำสำคัญ (EN): Grouper
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การยอมรับเชื้อ Streptococcus agalactiae ที่แยกจากปลากะพงขาว(Lates calcarifer Bloch,1790) ในปลาเศรษฐกิจบางชนิด
กรมประมง
31 มีนาคม 2555
กรมประมง
พิษเฉียบพลันของแอมโมเนียต่อลูกปลากะพงขาว ( Lates calcarifer ) ผลของอัตราความหนาแน่นต่อการติดเชื้อ Streptococcus iniae ในปลากะพงขาว, Lates calcarifer (Bloch) ผลของความเค็มที่ลดลงต่อองค์ประกอบเลือดภูมิคุมกัน และการติดเชื้อ Streptococcus iniae ในปลากะพงขาว (Lates calcarifer Bloch, 1790) การแทนที่ปลาป่นด้วยแพลงก์ตอนสัตว์ในอาหารปลากะพงขาว (Lates calcarifer Bloch, 1790) การใช้โปรตีนไฮโดรไลเสตจากเศษทิ้งกุ้งเป็นแหล่งโปรตีนเพื่อทดแทนปลาป่นในอาหารปลากะพงขาว (Lates calcarifer Bloch, 1790) สำเร็จรูป โครงการฝึกอบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงปลากะพงขาว เปรียบเทียบรูปแบบการใส่ปุ๋ยในการอนุบาลลูกปลากะพงขาว (Lates calcarifer Bloch, 1790) ในบ่อดิน ผลการเสริมโปรตีนไฮโดรไลเสตจากเศษทิ้งกุ้งในอาหารสำเร็จรูปต่อการเจริญเติบโตของปลากะพงขาว (Lates calcarifer Bloch, 1790) ประสิทธิภาพการย่อยโปรตีนจากวัตถุดิบโปรตีนจากพืชในกุ้งกุลาดำ Penaeus monodon (Fabricus, 1798) และปลากะพงขาว Lates calcarifer (Bloch, 1790) การเลี้ยงปลาหมอไทยแปลงเพศผสมผสานกับปลาเศรษฐกิจชนิดอื่น ๆ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก