สืบค้นงานวิจัย
การประเมินปริมาณพื้นที่และคุณภาพของดินเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการปลูกและการจัดการที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนในการปลูกอ้อย ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และมหาสารคาม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางของประเทศไทย
ทิมทอง ดรุณสนธยา - สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)
ชื่อเรื่อง: การประเมินปริมาณพื้นที่และคุณภาพของดินเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการปลูกและการจัดการที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนในการปลูกอ้อย ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และมหาสารคาม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางของประเทศไทย
ชื่อเรื่อง (EN): Assessment of extent and quality of soils to develop effective and sustainable sugarcane cropping technology in Khon Kaen, Kalasin, Roi Et and Maha Sarakham Provinces, Central Northeast Thailand
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ทิมทอง ดรุณสนธยา
บทคัดย่อ: การประเมินปริมาณพื้นที่และคุณภาพของดิน เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการปลูกและการจัดการที่มี ประสิทธิภาพ และยั่งยืนในการปลูกอ้อยในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น กฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และมหาสารคาม ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางของประเทศไทย ทำโดยการศึกษาลักษณะพื้นที่และดินในภาคสนาม และ วิเคราะห์สมบัติต่าง ๆ ของดินในห้องปฏิบัติการโดยวิธีมาตรฐาน รวมถึงการวิเคราะห์น้ำ และแหล่งน้ำในพื้นที่ ภายในรัศมี 50 กิโลมตรจากโรงงานน้ำตาล 5 โรงงานในพื้นที่ โดยมีวัตถุประสงค์หลักที่จะใช้ผลการศึกษา ทั้งหมด กำหนดเป็นชุดเทคโนโลยีในการปลูกอ้อย และจัดการดินให้มีผลผลิตอ้อยต่อพื้นที่เพิ่มขึ้น และมีความ ยั่งยืน ผลจากการศึกษาพบว่าดินที่ปลูกอ้อยในสภาพปัจจุบันเป็นดินที่มีสมบัติทางฟิสิกส์ไม่เป็นข้อจำกัดในการ ปลูกอ้อยคือ ดินมีเนื้อดินที่เป็นดินร่วนปานกลางเป็นส่วนใหญ่ แต่มีพิสัยของเนื้อดินตั้งแต่เป็นทรายจนถึง ดินเหนียว และมีสมบัติทางฟิสิกส์อื่น ๆ คือการนำน้ำ และความหนาแน่นรวมไม่เป็นข้อจำกัดในการปลูกอ้อย เช่นเดียวกัน สำหรับสมบัติทางเคมีของดินพบว่าดินส่วนใหญ่มีพี่เอชต่ำกว่า 5.5 มีอินทรียวัตถุต่ำถึงต่ำมาก มี ความจุแลกเปลี่ยนแคตไอออนต่ำ แต่ในดินบนพบว่ามีการจัดการธาตุอาหารโดยการใส่ปุ๋ยอยู่แล้วในสภาพ ปัจจุบัน ผลการวิเคราะห์จุลธาตุที่เป็นประโยชน์ คือ เหล็ก แมงกานีส ทองแดง และสังกะสี พบว่ามีค่าวิเคราะห์ ทองแดงและสังกะสีส่วนใหญ่ต่ำถึงต่ำมาก ผลการประเมินระดับความอุดมสมบูรณ์โดยใช้ค่าวิเคราะห์ทางเคมี พบว่า ดินส่วนใหญ่มีระดับความอุดมสมบูณ์ต่ำ ดินส่วนน้อยมีระดับความอุตมสมบูรณ์ปานกลาง และไม่มีดินที่ มีระดับความอุดมสมบูรณ์สูง โดยปัจจัยที่มีผลต่อความอุดมสมบูรณ์รุนแรงที่สุดคือ อินทรียวัตถุ และที่รองลงไป คือความจุแลกเปลี่ยนแคตไอออนผลจากการวิเคราะห์สมรรถะความอุดมสมบูรณ์ของดินพบว่า ดินส่วนใหญ่มีหน่วยสมรรถนะความอุดม สมบูรณ์ที่แสดงปัจจัยที่เป็นข้อจำกัดเด่นในลักษณะเดียวกัน คือการที่ตินมีค่าพี่เอชต่ำกว่า 5.5 ที่อาจจะเกิด อะลูมินัมเป็นพิษได้ ดินมีค่าเบสรวมต่ำ และมีโพแทสเชียมสำรองต่ำ ซึ่งควรมีการแก้ไขข้อจำกัดเหล่านี้ และจาก ค่าวิเคราะห์พบว่า ดินมีการสะสมดินเหนียวในชั้นดินล่าง และมีค่าร้อยละความอิ่มตัวเบสที่แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่มีค่าร้อยละความอิ่มตัวเบสสูงกว่า 35 พบใน 45 หน้าตัดดิน และที่มีค่าร้อยละความอิ่มตัวเบสต่ำกว่า 35 จำนวน 36 หน้าตัดดิน ซึ่งกลุ่มแรกจำแนกตามระบบอนุกรมวิธานได้เป็นดินในอันดับ แอลฟิซอลส์ และ กลุ่มหลังเป็นอัลทิซชอลส์ ดินทั้ง 2 อันดับนี้ มีองค์ประกอบเชิงแร่ ในกลุ่มอนุภาคขนาดดินเหนียวต่างกัน แต่ เนื่องจากมีกลุ่มอนุภาคขนาดดินเหนียวอยู่น้อยในดิน ทำให้กลุ่มอนุภาคขนาดทรายและทรายแป้งซึ่งมีอยู่สูงใน มวลดิน มีอิทธิพลเหนือกว่า ทำให้กิจกรรมของดินเหล่านี้ไม่แตกต่างกันมากนักระหว่างแอลฟิชอลส์ และ อัลทิซอลส์ในพื้นที่ศึกษา จากผลวิเคราะห์ทั้งหมดสามารถกำหนดเป็นชุดเทคโนโลยีการจัดการเบื้องต้นได้ คือ 1) การอนุรักษ์และ จัดการเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุอย่างต่อเนื่อง 2) ใส่ปุ๋ยตามสูตรและเพิ่มปุ้ยโพแทสเซียมในอ้อยปลูก และ 3) ใส่ปุ๋ย จุลธาตุคือ ทองแดง และสังกะสี ในอ้อยตอที่ 1 ซึ่งกิจกรรม 3 อย่างในชุดเทคโนโลยีจะสามารถเพิ่มผลผลิตอ้อย ให้มีผลผลิตเฉลี่ยรวมของอ้อยปลูกและอ้อยตอที่ 1 สูงกว่า 12 ตันต่อไรได้ และมีความยั่งยืนขึ้น ผลวิเคราะห์พื้นที่พบว่ามีพื้นที่ที่มีศักยภาพในการปลูกอ้อยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง มากกว่า 6 ล้านไร่ แต่ในปัจจุบัน (ปีการผลิต 2559/2560 มีพื้นที่ปลูกอ้อยอยู่เพียง 1,302.511 ไร่ แสดงว่ายัง สามารถขยายกิจกรรมการปลูกอ้อยได้อีกในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง
บทคัดย่อ (EN): An assessment of extent and quality of soils to develop effective and sustainable sugarcane cropping technology in Khon Kaen, Kalasin, Roi Et and Maha Sarakham Provinces, Central Northeast Thailand included the study of land characteristics and soils in the field and laboratory analyses of soils by standard methods inclusive of analysis of water samples and water sources within 50 kilometer radius of each sugarcane refinery plant in the area. The main objective of the study is to use the collective results of the study to create technology package/s for sugarcane cropping and management to increase sugarcane yield with sustainability. Results of the study revealed that sugarcane growing soils in the study area at present do not have physical properties limiting sugarcane growing. Mainly the soils have sandy loam texture with their range of texture from sand to clay. Other physical properties of the soils inclusive of hydraulic conductivity and bulk density do not pose any limitation for sugarcane cropping either. For soil chemical properties, it was found that majority of soils have pH values lower than 5.5, low to very low organic matter and low cation exchange capacity. However the properties of surface soils indicate evidence of present fertilizer management. Analytical values of micronutrients including iron, manganese, copper and zinc show low to very low copper and zinc. Fertility assessment results based on chemical analytical values indicate that mainly the soils have low fertility level. Few number of soils have medium fertility level and none of them have high level of fertility. The most serious factor affecting their fertility is organic matter. The other is cation exchange capacity.Results of fertility capability classification show that majority of the soils falls into fertility capability unit with the same limiting factors. These are pH lower than 5.5 indicating the risk on aluminum toxicity, low value of sum bases and low potassium reserve. These should be improved. The soil have clay accumulation in subsoils and they can be separated into two groups basing on the percentages of base saturation. The ones with base saturation percentages higher than 35 including 45 pedons and the other 36 pedons have the base saturation percentages lower than 35. The first group is Alfisols and the second group is Ultisols based on soil taxonomy. These two orders of soils have different characteristics of mineral component in their clay fraction but both of them have very low amount of clays in the profiles. Therefore, the silt and sand fractions dominate their activity and lessen their differences. From all results of analyses a basic management technology package can be developed. It includes 1) a continuous conservation and management activity on organic matter 2) application of complete formula fertilizer of N, P and K plus additional K-fertilizer in planting cane and 3) application of copper and zinc fertilizers in first ratoon cane. The three activities of the developed technology package will enable to increase the average yield of planting cane plus the first ratoon cane to be higher than 12 tons per rai and with more sustainability. The analysis on sugarcane planting area indicates that the central northeast has more them 6 million rai of potential soils for sugarcane planting but at present (production area in 2016/2017) the sugarcane planting area is only 1,302,511 rai. So, this sugarcane growing activity can still be expanded if needed.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:169266
เผยแพร่โดย: สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)
คำสำคัญ: เทคโนโลยีการปลูกอ้อย
คำสำคัญ (EN): Sugarcane cropping technology
หมวดหมู่:
หมวดหมู่ AGRIS:
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การประเมินปริมาณพื้นที่และคุณภาพของดินเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการปลูกและการจัดการที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนในการปลูกอ้อย ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และมหาสารคาม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางของประเทศไทย
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)
2561
การประเมินศักยภาพ ปริมาณพื้นที่และคุณภาพของดินเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการปลูก และการจัดการที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนในการปลูกอ้อยพื้นที่จังหวัดชัยภูมิและนครราชสีมา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของประเทศไทย เปรียบเทียบการใช้ชนิดและปริมาณปุ๋ยอินทรีย์ในการปลูกอ้อยเพื่อเกษตรกรรายย่อยใน อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ การประเมินศักยภาพพื้นที่และดินเพื่อกำหนดชุดเทคโนโลยีการจัดการ ในการปลูกอ้อยที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางของประเทศไทย การประเมินศักยภาพและความเหมาะสมของพื้นที่และดินเพื่อกำหนดชุดเทคโนโลยีการจัดการในการปลูกอ้อยที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของประเทศไทย ชุดโครงการศึกษาเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตและการตลาดของดอกกุหลาบ โครงการย่อยที่ 1 การศึกษาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มคุณภาพกุหลาบ การกำหนดแนวทางการจัดการธาตุอาหารรอง และธาตุอาหารเสริมอย่างมีประสิทธิภาพในดินปลูกอ้อย ในจังหวัดขอนแก่น กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และมหาสารคาม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางของประเทศไทย โครงการวิจัยและพัฒนาพันธุ์อ้อยสำหรับภาคกลาง เหนือ ตะวันออกและตะวันตก การจัดทำระบบฐานข้อมูลสารสนเทศพื้นที่ความเหมาะสมและการจัดการดินสำหรับการปลูกอ้อยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การใช้เทคโนโลยีการปลูกอ้อยของเกษตรกรตำบลโคกสูง อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น ชุดโครงการศึกษาเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตและการตลาดดอกเบญจมาศ โครงการย่อยที่ 1 การศึกษาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มคุณภาพเบญจมาศ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก