สืบค้นงานวิจัย
โครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์หน้าวัว
วิวัฒน์ ภาณุอำไพ - กรมวิชาการเกษตร
ชื่อเรื่อง: โครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์หน้าวัว
ชื่อเรื่อง (EN): Varietal ImprovementinAnthorium
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: วิวัฒน์ ภาณุอำไพ
บทคัดย่อ: 2. โครงการวิจัยปรับปรุงพันธุ์หน้าวัว การปรับปรุงพันธุ์หน้าวัว เพื่อให้ได้พันธุ์หน้าวัวที่มีคุณภาพและคุณสมบัติตรงตามความต้องการของตลาด พร้อมเทคโนโลยีการผลิตและการขยายพันธุ์ที่เหมาะสม ดำเนินการวิจัย ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2549 – 2553 โครงการวิจัยประกอบด้วย 7 กิจกรรมย่อย ผลการดำเนินงาน กิจกรรมย่อยที่ 1 การรวบรวมและศึกษาพันธุ์หน้าวัว ได้รวบรวมพันธุ์หน้าวัว ทั้งพันธุ์ไทย และพันธุ์ต่างประเทศ รวมจำนวน 84 พันธุ์ จากการศึกษาเปรียบเทียบพันธุ์หน้าวัวในแปลงรวบรวมพันธุ์ พบว่า หน้าวัวพันธุ์ Montana มีการออกดอกดีที่สุด โดยได้จำนวนดอกเฉลี่ย 11 ดอกต่อต้นต่อปี พันธุ์ Red hot ได้จำนวนดอกน้อยที่สุดเฉลี่ย 3.5 ดอกต่อต้นต่อปี กิจกรรมย่อยที่2 การผสมพันธุ์หน้าวัวเพื่อสร้างลูกผสมพันธุ์ใหม่ ผลการทดลองจากการผสมพันธุ์หน้าวัวทั้งพันธุ์ไทยและพันธุ์ต่างประเทศ จำนวน 524 คู่ผสม มีคู่ผสม ที่สามารถผสมติดเมล็ดได้จำนวน 490 คู่ผสม ได้เมล็ดทั้งหมด 78,432 เมล็ด นำไปเพาะเป็นต้นกล้า และย้ายลงปลูกในกระบะอนุบาลได้จำนวน 18,745 ต้น จากการศึกษาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการ ผสมพันธุ์ พบว่า ช่วงเดือน ตุลาคม ถึง มกราคม เป็นช่วงเวลาเหมาะสมในการผสมเกสรหน้าวัว กิจกรรมย่อยที่3 การคัดเลือกพันธุ์หน้าวัวลูกผสม ได้ดำเนินการคัดเลือกพันธุ์หน้าวัวลูกผสมสายพันธุ์ห้างฉัตร เบื้องต้นได้จำนวน 327 สายพันธุ์ นำมาขยายพันธุ์ โดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ได้จำนวน 60 สายพันธุ์ จากการเปรียบเทียบพันธุ์ ได้คัดเลือกพันธุ์จากลักษณะมาตรฐานของจานรองดอก แบ่งได้ 3 กลุ่ม คือกลุ่มหน้าวัวตัดดอกรูปหัวใจ คัดเลือกได้ 8 สายพันธุ์ คือ HC 024 HC 028 HC 034 HC 038 HC 046 HC 132 HC 144 และ HC 148 กลุ่มหน้าวัวเปลวเทียน มี 2 สายพันธุ์ คือ HC 009 และ HC 156 กลุ่มหน้าวัวกระถาง มีสายพันธุ์ HC 003 HC 045 และ HC 052 กิจกรรมย่อยที่4 การทดสอบพันธุ์ หน้าวัวลูกผสม แบ่งเป็น 2 ชุด คือ ทดสอบพันธุ์หน้าวัวลูกผสมสายพันธุ์ห้างฉัตร และทดสอบพันธุ์หน้าวัวลูกผสมสายพันธุ์ฝาง ผลการดำเนินงาน จากการทดสอบสายพันธุ์หน้าวัวลูกผสมสายพันธุ์ห้างฉัตร ใน 5 ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร ผลการทดลองพบว่า มีหน้าวัวลูกผสมสายพันธุ์ห้างฉัตร 5 สายพันธุ์ ได้แก่สายพันธุ์ HC024 (สีส้ม) HC 028 (สีขาว) HC 049 (สีเขียว) HC 034 (สีแดง) และ HC 132 (สีชมพู) หน้าวัวลูกผสม ทั้ง 5 สายพันธุ์ นี้ ให้ดอกหน้าวัวที่มีคุณภาพดี คือจานรองดอกเป็นรูปหัวใจมีลักษณะสมดุลทั้ง 2 ด้าน สีของจานรองดอกสดใส ดีกว่าต้น พ่อ-แม่ ซึ่งจะเสนอเป็นพันธุ์แนะนำต่อไป การทดสอบหน้าวัวลูกผสมสายพันธุ์ฝาง ได้ดำเนินการขยายพันธุ์เพื่อเพิ่มปริมาณต้นสำหรับปลูกทดสอบโดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อจำนวน 12 สายพันธุ์ พบว่าสามารถชักนำให้เกิดแคลลัสและเกิดเป็นยอดได้จำนวน 6 สายพันธุ์ ได้แก่สายพันธุ์ฝาง 09 ฝาง27-1 ฝาง53-1 ฝาง32 ฝาง74-1 และฝาง74-2 จากการทดสอบสายพันธุ์เบื้องต้นพบว่าสายพันธุ์ฝาง53-1 มีการเจริญเติบโตดีที่สุดและสายพันธุ์ฝาง09 มีการเจริญเติบโตช้าที่สุด ต้นหน้าวัวลูกผสมเริ่มให้ดอกครั้งแรกเมื่ออายุได้ 8 เดือน หลังจากย้ายปลูกลงกระถาง มีจำนวน 4 สายพันธุ์ คือ ฝาง32 ฝาง53-1 ฝาง27-1 และฝาง74-1 กิจกรรมย่อยที่5 ปฏิกิริยาของพันธุ์หน้าวัวลูกผสมต่อโรคเน่าดำ จากการสำรวจรวบรวมและเก็บตัวอย่างโรคเน่าดำหน้าวัวจาก 5 แหล่งปลูก นำมาแยกเชื้อบริสุทธิ์ ได้เชื้อสาเหตุโรคเน่าดำหน้าวัวจำนวน 6 โอโซเลท ได้จำแนกชนิดของเชื้อราสาเหตุโรคเน่าดำ คือ Phytophthora parasitica เชื้อราไอโซเลทที่รุนแรงที่สุดคือไอโซเลท 46-An-Ba K1L จาก อ.มีนบุรี กรุงเทพฯ เมื่อนำมาศึกษาปฏิกิริยาของพันธุ์หน้าวัวลูกผสมต่อโรคเน่าดำโดยปลูกเชื้อบนใบแก่ของหน้าวัวพันธุ์ต่างๆ โดยวิธี detached leaf พบว่ามีพันธุ์ต้านทานโรคปานกลางจำนวน 7 สายพันธุ์ได้แก่ เปลวเทียน ผกามาศ HC034 Lady Beth Montana นาไก และแสงเทียน กิจกรรมย่อยที่6 การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการขยายพันธุ์ จากการทดสอบสูตรอาหารที่ได้ผลดีในลูกผสมพันธุ์ใหม่ พบว่าการใช้ 2,4-D ความเข้มข้น 0.25 ppm ร่วมกับ BA ความเข้มข้น 0.25 หรือ 0.50 ppm มีเปอร์เซ็นต์การเกิดแคลลัสมากที่สุดเฉลี่ย 87.5 เปอร์เซ็นต์ เปรียบเทียบกับสูตรอาหารเดิม มีเปอร์เซ็นต์การเกิดแคลลัสเฉลี่ย 62.5 เปอร์เซ็นต์ กิจกรรมย่อยที่7 การวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตดอกคุณภาพดี จากการศึกษาวัสดุปลูกที่เหมาะสมและหาง่ายในท้องถิ่นพบว่าวัสดุปลูก คือขี้เลื่อยไม้เนื้ออ่อน+ปุ๋ยคอก+แกลบหยาบ มีผลกับคุณภาพดอกคือทำให้ดอกมีขนาดใหญ่ที่สุด โดยจานรองดอกมีความยาวเฉลี่ย 9.7 เซนติเมตรและความกว้างเฉลี่ย 10.1 เซนติเมตร ส่วนการใช้วัสดุปลูกขี้กบไสไม้ยางพารา จะมีดอกขนาดเล็กที่สุด คือจานรองดอกมีความยาวเฉลี่ย 7.5 เซนติเมตร ความกว้าง 7.7 เซนติเมตร การทดลองการให้ปุ๋ยเพื่อเพิ่มคุณภาพผลผลิตดอกหน้าวัวกับต้นหน้าวัวลูกผสมพันธุ์ใหม่ 4 สายพันธุ์ คือ HC002 HC029 HC038 และ HC089 โดยให้สารละลายปุ๋ยความเข้มข้น 200-300 ppm ที่มีธาตุอาหารไนโตรเจน(N) ฟอสฟอรัส(P) และโพแทสเซียม(K) ในรูปของปุ๋ยในสัดส่วน 4:3:5, 4:2:5, 3:2:5 และ3:1:5 ผลการทดลองพบว่าการเจริญเติบโตของใบและดอกหน้าวัวในพันธุ์เดียวกันที่ได้รับสารละลายปุ๋ยสัดส่วนต่างๆกันไม่มีความแตกต่างกัน แต่การผสมปุ๋ยใช้เองตามสูตรที่ศึกษาทดลองนี้จะทำให้ต้นทุนค่าปุ๋ยถูกกว่าการใช้ปุ๋ยเม็ดประเภทละลายช้าประมาณ 1 เท่า
บทคัดย่อ (EN): No information found from agency.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมวิชาการเกษตร
คำสำคัญ: ปุ๋ยทางระบบน้ำ
คำสำคัญ (EN): Phytophthora Leaf blight
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
โครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์หน้าวัว
กรมวิชาการเกษตร
30 กันยายน 2553
การศึกษาพันธุ์หน้าวัว โครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์อ้อย โครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์กาแฟ การวิจัยเพื่อส่งเสริมและปรับปรุงพันธุ์โคเนื้อในหมู่บ้าน โครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์ข้าวฟ่างหวาน โครงการวิจัยและพัฒนาพันธุ์อ้อยสำหรับภาคกลาง เหนือ ตะวันออกและตะวันตก โครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์ทานตะวัน โครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์ฟักทอง โครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพด โครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์ชา
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก