สืบค้นงานวิจัย
การศึกษาความเป็นพิษของสารสกัดจากใบหม่อน
Atiya Trabsung - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การศึกษาความเป็นพิษของสารสกัดจากใบหม่อน
ชื่อเรื่อง (EN): The toxicity study of Morus alba L. leaf extract
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Atiya Trabsung
บทคัดย่อ: Morus alba L. อยู่ในวงศ์ Moraceae ภาษาอังกฤษเรียก mulberry ภาษาไทยเรียกหม่อน เป็น พืชที่ปลูกอย่างแพร่หลายทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย พบว่า สารสกัดจาก ใบหม่อน สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดในหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นเบาหวานด้วย streptozotocin ได้ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ในการพัฒนาเพื่อเป็นยารักษาเบาหวานต่อไป งานวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมาย เพื่อศึกษาความเป็นพิษแบบเฉียบพลันและกึ่งเรื้อรังของสารสกัดจากใบ หม่อน วิธีการศึกษาความเป็นพิษแบบเฉียบพลัน คือ ใช้สัตว์ทดลอง 2 สายพันธ์ หนูถีบจักรพันธุ์ Swiss albino และหนูขาวพันธุ์ Wistar โดยให้สารสกัดจากใบหม่อนแก่สัตว์ทดลอง 2 ทาง คือ การฉีดเข้าช่อง ท้องและการกิน ในการศึกษาความเป็นพิษแบบเฉียบพลัน พบว่า เมื่อฉีดสารสกัดเข้าทางช่องท้องของสัตว์ ทดลอง ขนาดยาที่ทำให้สัตว์ทดลองตาย 50 เปอร์เซนต์ ของหนูถีบจักร Swiss albino และหนูขาวพันธ์ Wistar คือประมาณ 4 และ 5 กรัมต่อกิโลกรัมตามลำดับ แต่เมื่อให้สารสกัดโดยการกินพบว่า ในขนาดยา ที่มากกว่า 5 กรัมต่อกิโลกรัม ไม่ทำให้สัตว์ทดลองตายในระหว่างการทดลอง อาการผิดปกติที่พบคือ การ หายใจช้าลง ซึม และไม่เคลื่อนไหว แต่อาการดังกล่าวสามารถกลับคืนสู่สภาวะปกติได้ภายใน 30 นาที ใน การศึกษาความเป็นพิษแบบกึ่งเรื้อรัง คือ ใช้หนูขาวพันธ์ wistar ทั้งเพศผู้และเพศเมีย โดยให้สารสกัดจาก ใบหม่อนโดยการกินในขนาด 1, 2 และ 3 กรัมต่อกิโลกรัมต่อวัน เป็นเวลา 60 วัน พบว่าไม่มีความแตกต่าง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในทางเคมีคลินิก และส่วนประกอบในเลือด เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม มี เพียงในขนาดยา 3 กรัมต่อกิโลกรัมต่อวัน เมื่อให้ในหนูเพศเมีย ทำให้ระดับน้ำตางในเลือดสูงขึ้นเมื่อเทียบ กับกลุ่มควบคุม และผลทางพยาธิวิทยา ไม่พบความผิดปกติใดๆ ในทุกอวัยวะที่ทำการศึกษา จากผลการทดลองแสดงว่า สารสกัดจากใบหม่อนมีความปลอดภัย เหมาะที่จะนำมาใช้เป็นยา และ ผลจากการศึกษาทางพิษวิทยาของสารสกัดจากใบหม่อนนี้ จะเป็นประโยชน์ในการประกอบการพิจารณาที่ จะนำใบหม่อนมาพัฒนาเป็นยาต่อไป
บทคัดย่อ (EN): Morus alba L., a member of Moraceae family, commonly known as mulberry (Thai name : Mon), is widely cultivated in the north and northeast region of Thailand. Morus alba L. leaf extract can reduce plasma glucose level in streptozotocin-induced diabetic rats. Thus, it is possible to develop an antidiabetic drug from this extract. The objective of this study was to establish acute and subchronic toxicity of Morus alba L. leaf extract. In the acute toxicity study, the Morus alba L. leaf extract was administered intraperitoneally and orally into mice and Wistar rats. Following a single i.p. dose, the LD50 of Morus alba L. leaf extract in the mice and Wistar rats were approximately 4 and 5 g/kg, respectively. But when this extract was administered orally, doses as high as 5 g/kg did not cause any significant toxic effects. There were also no deaths in these groups of animals. The only abnormal signs and symptoms were CNS depression and respiratory depression. Moreover, all animals recovered within 15-30 minutes. In the subchronic toxicity study, the Morus alba L. leaf extract was administered orally into Wistar rats for 60 days at doses 1,2 and 3 g/kg/day. Almost all doses of Morus alba L. leaf extract did not significantly affect blood chemistry and hematologic values when compared to the control group. Only the dose of 3g/kg BW/day of female rats increased blood glucose level significantly. Microscopic examination of major organs indicated no significant histopathological abnormalities. In conclusion, our results suggested that Morus alba L. leaf extract is safe for use. This toxicity study might provide enough evidence to consider further development of pharmacological dosage form.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=2263&obj_id=1657
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Chronic
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: Morus alba L. อยู่ในวงศ์ Moraceae ภาษาอังกฤษเรียก mulberry ภาษาไทยเรียกหม่อน เป็น พืชที่ปลูกอย่างแพร่หลายทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย พบว่า สารสกัดจาก ใบหม่อน สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดในหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นเบาหวานด้วย streptozotocin ได้ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ในการพัฒนาเพื่อเป็นยารักษาเบาหวานต่อไป งานวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมาย เพื่อศึกษาความเป็นพิษแบบเฉียบพลันและกึ่งเรื้อรังของสารสกัดจากใบ หม่อน วิธีการศึกษาความเป็นพิษแบบเฉียบพลัน คือ ใช้สัตว์ทดลอง 2 สายพันธ์ หนูถีบจักรพันธุ์ Swiss albino และหนูขาวพันธุ์ Wistar โดยให้สารสกัดจากใบหม่อนแก่สัตว์ทดลอง 2 ทาง คือ การฉีดเข้าช่อง ท้องและการกิน ในการศึกษาความเป็นพิษแบบเฉียบพลัน พบว่า เมื่อฉีดสารสกัดเข้าทางช่องท้องของสัตว์ ทดลอง ขนาดยาที่ทำให้สัตว์ทดลองตาย 50 เปอร์เซนต์ ของหนูถีบจักร Swiss albino และหนูขาวพันธ์ Wistar คือประมาณ 4 และ 5 กรัมต่อกิโลกรัมตามลำดับ แต่เมื่อให้สารสกัดโดยการกินพบว่า ในขนาดยา ที่มากกว่า 5 กรัมต่อกิโลกรัม ไม่ทำให้สัตว์ทดลองตายในระหว่างการทดลอง อาการผิดปกติที่พบคือ การ หายใจช้าลง ซึม และไม่เคลื่อนไหว แต่อาการดังกล่าวสามารถกลับคืนสู่สภาวะปกติได้ภายใน 30 นาที ใน การศึกษาความเป็นพิษแบบกึ่งเรื้อรัง คือ ใช้หนูขาวพันธ์ wistar ทั้งเพศผู้และเพศเมีย โดยให้สารสกัดจาก ใบหม่อนโดยการกินในขนาด 1, 2 และ 3 กรัมต่อกิโลกรัมต่อวัน เป็นเวลา 60 วัน พบว่าไม่มีความแตกต่าง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในทางเคมีคลินิก และส่วนประกอบในเลือด เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม มี เพียงในขนาดยา 3 กรัมต่อกิโลกรัมต่อวัน เมื่อให้ในหนูเพศเมีย ทำให้ระดับน้ำตางในเลือดสูงขึ้นเมื่อเทียบ กับกลุ่มควบคุม และผลทางพยาธิวิทยา ไม่พบความผิดปกติใดๆ ในทุกอวัยวะที่ทำการศึกษา จากผลการทดลองแสดงว่า สารสกัดจากใบหม่อนมีความปลอดภัย เหมาะที่จะนำมาใช้เป็นยา และ ผลจากการศึกษาทางพิษวิทยาของสารสกัดจากใบหม่อนนี้ จะเป็นประโยชน์ในการประกอบการพิจารณาที่ จะนำใบหม่อนมาพัฒนาเป็นยาต่อไป
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การศึกษาความเป็นพิษของสารสกัดจากใบหม่อน
Atiya Trabsung
มหาวิทยาลัยมหิดล
2547
ผลของสารสกัดใบรางจืดต่อความเป็นพิษต่อตับและไตที่ถูกเหนี่ยวนำด้วยแคดเมียมในหนูขาว การขจัดพิษแคดเมียมที่เหนี่ยวนำให้ไตและตับหนูขาวบาดเจ็บด้วยสารสกัดใบรางจืด ผลของสารสกัดเอทานอลจากใบสะเดาและใบเชียงดาต่อการต้านการอักเสบในแมคโครฟาจและการดื้อต่ออินซูลินในเซล ผลของสารสกัดจากใบพลูต่อความคงตัวต่อความร้อนของน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร การพัฒนาเจลทาภายนอกต้านอักเสบจากสารสกัดใบหูกวาง สารสกัดพืช และพาหะไขมันโครงสร้างนาโนที่บรรจุสารสกัดคำฝอยเพื่อส่งเสริมการเจริญของเส้นผม การฆ่าแมลงวันบ้านระยะเต็มวัยโดยการใช้น้ำสกัดจากใบยี่โถ ใบสะเดาและใบน้อยหน่า ฤทธิ์ระงับปวด ต้านการอักเสบและความเป็นพิษเฉียบพลันของสารสกัดจากเหง้าขิงแดง ฤทธิ์ต้านการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็งของสารสกัดน้ำจากใบมะรุม การผลิตเอทานอลและฟีนิลแอซิติลคาร์บินอลจากสารสกัดลำไยสดและสารสกัดลำไยอบแห้ง
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก