สืบค้นงานวิจัย
การพัฒนาการผลิตหัวพันธุ์บุกเนื้อทรายขนาดจิ๋วเชิงพาณิชย์เพื่อใช้เป็นท่อนพันธุ์ด้วยระบบไบโอรีแอคเตอร์จมชั่วคราว
รังสิมา อัมพวัน - มหาวิทยาลัยแม่โจ้
ชื่อเรื่อง: การพัฒนาการผลิตหัวพันธุ์บุกเนื้อทรายขนาดจิ๋วเชิงพาณิชย์เพื่อใช้เป็นท่อนพันธุ์ด้วยระบบไบโอรีแอคเตอร์จมชั่วคราว
ชื่อเรื่อง (EN): microtuberization in Amorphophallus oncophyllus for mother plant using the temporary immersion bioreactor
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: รังสิมา อัมพวัน
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: การพัฒนาการผลิตหัวพันธุ์บุกเนื้อทรายขนาดจิ๋วเชิงพาณิชย์ เพื่อใช้เป็นท่อนพันธุ์ด้วยระบบไบโอ รีแอคเตอร์จมชั่วคราว ในปีที่ 1 ได้ทำการศึกษาปัจจัยที่เหมาะสมในการผลิตหัวพันธุ์บุกเนื้อทรายขนาดจิ๋วในสภาพปลอดเชื้อและในสภาพอาหารแข็ง โดยทำการทดลอง 1) ผลของขนาดชิ้นส่วนตั้งต้นร่วมกับน้ำตาลซูโครส พบว่า ชิ้นส่วนตั้งต้นจากตาที่มี ความสูงยอด 0.8 เซนติเมตร ร่วมกับน้ำตาลซูโครส 30 ก/ล สามารถเพิ่มขนาดของหัวได้มากที่สุด คือ 1.03 เซนติเมตร และมีการเจริญเติบโตทางลำต้นดีที่สุด 2) ผลของน้ำตาลซูโครสร่วมกับ NAA ปรากฏว่า การใช้น้ำตาลซูโครสความเข้มข้น 30 และ 60 ก/ล ร่วมกับ NAA ความเข้มข้น 1.0 มก/ล เพิ่มขนาดของหัวได้มากที่สุด คือ 1.46 และ 1.43 เซนติเมตร ตามลำดับ และ 3) ผลของ BA ต่อการเพิ่มขนาดของหัว โดยทดลอง BA ความเข้มข้น 0-0.5 มก/ล พบว่า BA ความเข้มข้น 0.4 มก/ล เหมาะสมต่อการเพิ่มขนาดของหัวมากที่สุด เนื่องจากมีความกว้างของหัวและน้ำหนักสดมากที่สุด คือ 1.38 เซนติเมตร และ 1.37 กรัม ตามลำดับ จากนั้นนำผลการทดลองความเข้มข้นของน้ำตาลซูโครส 30 กรัมต่อลิตร ร่วมกับ NAA 1.0 มิลลิกรัมต่อลิตร ในอาหารแข็งที่ให้ขนาดหัวใหญ่ที่สุด มาปรับเพื่อทำการผลิตหัวพันธุ์บุกเนื้อทรายขนาดจิ๋วด้วยระบบไบโอรีแอคเตอร์จมชั่วคราว (TIB) โดยลดปริมาณ NAA เหลือ 0.5 มิลลิกรัมต่อลิตร เพื่อศึกษาจำนวนครั้งในการให้อาหารของระบบไบโอรีแอคเตอร์จมชั่วคราวแบบขวดแฝดที่เหมาะสมในการสร้างหัวบุกเปรียบเทียบในอาหารแข็ง เป็นเวลานาน 4 สัปดาห์ พบว่า ต้นที่เพาะเลี้ยงในระบบ TIB ที่มีการให้อาหารนานครั้งละ 5 นาที จำนวน 2 และ 8 ครั้งต่อวัน หัวที่ได้มีขนาดใหญ่แต่การฟอร์มของหัวไม่ชัดเจน พบการแตกยอดใหม่และมีการแตกตาเล็กเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังเกิดหัวบนใบด้วย อีกทั้งพบว่า มีรากจำนวนมากและเป็นรากที่ยาว โดยเฉพาะการเพาะเลี้ยงใน TIB ที่มีการให้อาหาร 8 ครั้งต่อวัน เห็นการแตกตาจำนวนมากในลักษณะของการเพิ่มปริมาณอย่างชัดเจน ในขณะที่การเพาะเลี้ยงบุกเนื้อทรายในอาหารแข็งสามารถชักนำการเกิดหัวที่กลมชัดเจน แต่ไม่มีการงอกของยอดใหม่ และมีการแตกตาข้างขนาดเล็กเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นำอาหารพื้นฐานสูตรเดียวกับที่ใช้ในระบบ TIB คือ อาหารที่ประกอบด้วยซูโครส 30 กรัมต่อลิตร และ NAA 0.5 มิลลิกรัม/ลิตร มาทำการทดลองต่อโดยใช้ต้นบุกเนื้อทราย ขนาดความสูง 4.0 เซนติเมตร มีส่วนฐาน 0.3 เซนติเมตร เป็นชิ้นส่วนตั้งต้นเพาะเลี้ยงในสภาพปลอดเชื้อโดยไม่ทำการเก็บเกี่ยวเป็นเวลานาน 6, 7 และ 8 เดือน เพื่อศึกษาระยะเวลาที่เหมาะสมในการเก็บรักษาหัวบุก เนื้อทรายในสภาพปลอดเชื้อ พบการเกิดหัวบริเวณส่วนฐาน จากนั้นต้นมีการยุบตัวและแทงต้นใหม่ขึ้นมาแทนโดยไม่มีการพักตัว และมีการเกิดหัวใหม่บนหัวเดิมทำให้ความยาวหัวเพิ่มขึ้นและเสียรูปทรง โดยระยะเวลาที่เก็บเกี่ยวหัวให้ผลไม่แตกต่างกันในด้านขนาดความกว้างหัว (0.87-0.91 เซนติเมตร) ความยาวหัว (1.52-1.56 เซนติเมตร) น้ำหนักสดหัว (0.90-0.97 กรัมต่อหัว) และเมื่อทำการคัดขนาดหัว พบว่า ทุกกรรมวิธีมีขนาดความกว้างหัวอยู่ในช่วง 0.6-1.0 เซนติเมตร มากที่สุด (76.2, 72.6 และ 69.1% ตามลำดับ) รองลงมา คือ 1.1-1.5 เซนติเมตร น้อยกว่า 0.5 เซนติเมตร และ 1.6-2.0 เซนติเมตร ตามลำดับ และเมื่อนำต้นบุกเนื้อทรายที่ได้จากการออกรากในห้องปฏิบัติการ ย้ายปลูกและทำการปรับสภาพต้นในโรงเรือนนาน 3 เดือน ลงปลูกทดสอบในแปลงปลูกที่มีระดับความเข้มแสง 4 ระดับ คือ 30, 50, 100 และภายใต้สภาพร่มเงา ร่วมกับระยะปลูก 2 ระยะ คือ 40x40 และ 60x60 เซนติเมตร เป็นเวลานาน 5.5 เดือน พบว่า ต้นบุกที่ปลูกภายใต้สภาพความเข้มแสง 30 และ 50% ร่วมกับระยะปลูก 40x40 และ 60x60 เซนติเมตร มีการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตหัวบนใบและใต้ดินดีกว่าต้นที่ปลูกภายใต้สภาพแสง 100% และภายใต้สภาพร่มเงา ทั้ง 2 ระยะปลูก โดยมีการเจริญเติบโตด้านความยาวใบหลัก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางใบหลัก ขนาดทรงพุ่ม และมีเปอร์เซ็นต์การเกิดต้นใหม่ใกล้เคียงกัน ส่วนการให้ผลผลิตนั้น มีเปอร์เซ็นต์การเกิดหัวบนใบได้ถึง 95-100% โดยต้นที่ปลูกภายใต้ความเข้มแสง 30% ร่วมกับระยะปลูก 60x60 เซนติเมตร มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางหัวบนใบมากที่สุด (1.19 เซนติเมตร) ส่วนผลผลิตหัวใต้ดินไม่มีความแตกต่างกันทั้งขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางหัว (6.30-6.90 เซนติเมตร) น้ำหนักสดหัว (90.84-110.87 กรัมต่อหัว) น้ำหนักแห้งหัว (12.25-14.90 กรัมต่อหัว) รวมถึงเปอร์เซ็นต์มวลแห้งหัว (12.74-13.59%) ด้วย แต่อย่างไรก็ตามกลับพบว่า ต้นที่ปลูกภายใต้สภาพความเข้มแสง 100% และภายใต้สภาพร่มเงามีเปอร์เซ็นต์มวลแห้งของหัวมากกว่า ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของหัวใต้ดินและหัวบนใบของบุกที่เก็บเกี่ยวได้จากธรรมชาติ กับหัวบุกจิ๋วที่ผลิตได้จากสภาพปลอดเชื้อ พบว่า หัวบุกจิ๋วที่ผลิตได้จากสภาพปลอดเชื้อมีปริมาณความชื้น (9.58%) โปรตีน (32.88%) ไขมัน (1.74%) เยื่อใย (4.77%) และเถ้า (13.1%) มากกว่าหัวบุกจากธรรมชาติทั้งหัวใต้ดินและหัวบนใบ โดยเฉพาะปริมาณโปรตีนมีมากถึงประมาณ 5 เท่าในหัวใต้ดิน และ 6 เท่าในหัวบนใบ มีปริมาณไขมันมากกว่าประมาณ 3 เท่า เยื่อใยมากกว่าประมาณ 2 เท่า และเถ้ามากกว่า 7.4% ในหัวใต้ดิน และ 8.12% ในหัวบนใบ แต่ในขณะเดียวกันกลับมีปริมาณของ NFE (37.93%) น้อยกว่าหัวจากธรรมชาติประมาณ 1 เท่า
บทคัดย่อ (EN): During the first year of the research on the development of microtuberization of Amorphophallus oncophyllus for mother plant using the temporary immersion bioreactor, various factors suitable for in vitro microtuberization including: 1) effect of the size of initial explants together with sucrose which showed that explants derived from buds with size of 0.8 cm combined with 30 g/L sucrose gave the highest tuber size (1.03 cm) and highest stem growth; 2) effect of sucrose combined with NAA which indicated that 30 or 60 g/L sucrose combined with NAA (1.0 mg/L) resulted to biggest tuber size (1.46 and 1.43 cm, respectively); and 3) effect of BA (0-0.5 mg/L) towards increasing tuber size which resulted that 0.4 mg/L BA being the most suitable to increase tuber size as indicated by highest width and weight of tubers (1.38 cm and 1.37 g, respectively). The results of the above mentioned medium study consisting of 30 g/L sucrose with NAA (1.0 mg/L) which gave the highest size of tubers, were then modified for microtuberization of Amorphophallus oncophyllus through temporary immersion bioreactor (TIB) to investigate the feeding frequency in comparison with culturing in solid medium during a 4-week trial period. Results showed that tubers produced from plants cultured in TIB which were fed 5 minutes in 2 and 8 times per day were very big, although no clear tuber shape was found. Formation of new shoots and emergence of many small buds were also observed aside from those formed above the leaves. Moreover, numerous long roots were found. In particular, plants cultured in TIB and fed 8 times per day showed emergence of many buds that characterized clear multiplication. However, culture of Amorphophallus oncophyllus on solid medium was able to clearly induce the growth of round tubers although there was no emergence of new shoots and only few side buds. Further study on suitable harvesting time of tuber storage cultured on solid medium with 30 g/L sucrose and 0.5 mg/L NAA was then investigated. Amorphophallus oncophyllus plants with 4.0 cm height and 0.3 cm width as initial explants were cultured in vitro without harvesting within 6, 7 and 8 months. Results showed tubers emerging from the base later starting to shrink although new plants then emerged without undergoing dormancy and new tubers forming above the existing tubers thus lengthening the tubers and causing malformation of the tuber itself. The number of days to harvesting did not show any significant difference on the width of the tubers (0.87-0.91 cm), length (1.52-1.56 cm), fresh weight (0.90-0.97 g/tuber) and sorting of tuber sizes showed that each process showed highest range of tuber width at 0.6-1.0 cm (76.2, 72.6 and 69.1%, respectively), followed by 1.1-1.5 cm, 0.5 cm and 1.6-2.0 cm, respectively. And when Amorphophallus oncophyllus plants with emerged roots in vitro were transplanted and then allowed to adopt to greenhouse conditions for 3 months and later planted in field plots with light intensity of 4 levels (30, 50, 100 % shading) and plant spacing of 2 levels (40x40 cm2 and 20x60 cm2) for 5.5 months, results showed that plants in 30 and 50% shading together with 40x40 cm2 and 60x60 cm2 exhibited growth and produced better tubers above leaves and underground than those plants with 100% light exposure and under shaded conditions in both spacing levels. Growth was observed in terms of length of main leaf, diameter of main leaf, size of foliage and percentage of new plant emergence which showed similar values. As for plant yield, percentage of tuber emerging above the leaves ranged from 95-100% as exhibited by plants exposed to 30% light in 60x60 cm2 spacing and highest diameter of tubers above the leaves (1.19 cm). In terms of tubers emerging underground, there was no significant difference in tuber diameter (6.30-6.90 cm), fresh tuber weight (90.84-110.87 g/tuber), dry tuber weight (12.25-14.90 g/tuber) and percentage of tuber mass (12.74-13.59%), however, it was also found that plants exposed to 100% light and under shaded conditions gave better tuber mass percentage. Results of the chemical analysis of tubers emerging under the soil and above the leaves of Amorphophallus oncophyllus plants which were naturally harvested and plants grown in vitro, showed that tubers emerging from plants grown in vitro conditions had higher contents of moisture (9.58%), protein (32.88%), fat (1.74%), fiber (4.77%) and ash (13.1%) than field-grown tubers in both underground and above the leaves especially in terms of protein content that was almost 5x higher in tubers under the soil and 6x in tubers above the leaves. In addition, higher contents were approximately higher for fat (3x) and fiber (2x) with ash at 7.4% (underground) and 8.12% (above leaves) but at the same time, NFE was 37.93% which was 1x lower than field-grown tubers.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยแม่โจ้
คำสำคัญ: ท่อนพันธุ์
คำสำคัญ (EN): mother plant
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การพัฒนาการผลิตหัวพันธุ์บุกเนื้อทรายขนาดจิ๋วเชิงพาณิชย์เพื่อใช้เป็นท่อนพันธุ์ด้วยระบบไบโอรีแอคเตอร์จมชั่วคราว
มหาวิทยาลัยแม่โจ้
2551
พัฒนาการผลิตหัวพันธุ์บุกเนื้อทรายขนาดจิ๋วเชิงพาณิชย์เพื่อใช้เป็นท่อนพันธุ์ด้วยระบบไบโอรีแอคเตอร์จมชั่วคราว การผลิตหัวและหัวย่อยของแกลดิโอลัส 15 พันธุ์ การศึกษาการใช้ขวดพลาสติกมาบรรจุอาหารเหลวเพื่อผลิตเป็นไบโอรีแอคเตอร์ การผลิต Inulin และ Oligofructose จากกล้วยเพื่อใช้เป็นสารเสริมอาหาร ผลผลิตและองค์ประกอบของผลผลิตแจากต้นที่ได้จากการเลี้ยงเนื้อเยื่อและหัวพันธุ์ การแสดงออกของพันธุ์และสายพันธุ์ถั่วฝักยาวในการปลูกแบบอินทรีย์และแบบใช้สารเคมี การประยุกต์ใช้พืชน้ำร่วมกับระบบไบโอรีแอคเตอร์ในการจัดการคุณภาพน้ำ การพัฒนาระบบการให้แสงแบบ LED สำหรับการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชด้วยระบบไบโอรีแอคเตอร์จมชั่วคราว ต้นแบบการผลิตพันธุ์ปลากะรังที่มีมูลค่าสูงเชิงพาณิชย์ การตรวจหาสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากแบคทีเรียเอนโดไฟท์ที่แยกได้จากพืชซึ่งเพาะเลี้ยงในไบโอรีแอคเตอร์จมชั่วคราว
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก