สืบค้นงานวิจัย
การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มผลผลิตถั่วลิสงหลังนาของเกษตรกรในจังหวัดน่าน ลำปาง และนครสวรรค์
สมชาย ชาญณรงค์กุล - กรมส่งเสริมการเกษตร
ชื่อเรื่อง: การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มผลผลิตถั่วลิสงหลังนาของเกษตรกรในจังหวัดน่าน ลำปาง และนครสวรรค์
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: สมชาย ชาญณรงค์กุล
บทคัดย่อ: วัตถุประสงค์ (1)เพื่อศึกษาสภาพพื้นฐานทางเศรษฐกิจและสังคมของเกษตรกรที่เกี่ยวกับเพศ อายุ การศึกษา อาชีพ สภาพการสมรส และรายได้ เป็นต้น (2)เพื่อศึกษาสภาพการเพาะปลูกถั่วลิสง และศึกษาการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมของเกษตรในเรื่องการใช้พันธุ์การใส่ปุ๋ย การใช้เครื่องทุ่นแรง การใช่ยาเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืช และการใช้ไรโซเบียม (3)เพื่อศึกษาปัญหาและข้อเสนอแนะของเกษตรกรเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม วิธีการวิจัย ประชากร คือเกษตรกรที่ปลูกถั่วลิสงหลังนา ปี 2528/2529 ใช้พื้นที่ 3 จังหวัด คือ น่าน ลำปาง และนครสวรรค์ การคัดเลือกตัวอย่าง สุ่มเลือกหมู่บ้านที่ปลูกถั่วลิสงหลังนาจากอำเภอทั้งหมดที่ปลูกในลักษณ Simple random sampling จังหวัดละ 5 หมู่บ้าน รวท 15 หมู่บ้าน แล้วสุ่มตัวอย่างเลือกเกษตรกรในหมู่บ้านที่คัดเลือกด้วย Accidental Sampling จำนวน หมู่บ้านละ 10 คน รวม 150 คน แล้วสัมภาษณ์ด้วยแบบสัมภาษณ์ที่เตรียมไว้แล้ว รวบรวทข้อมูลที่ได้นำมาแจกแจงความถี่ใช้ค่าร้อยละ และมัชฌิมเลคณิตในการบรรยายข้อมูล ผลสรุป จากการศึกษาสภาพพื้นฐานทางเศรษฐกิจบางประการของเกษตรกรที่ปลูกถั่วลิสงในฤดูแล้ง พบว่า ส่วนใหญ่มีการจ้างเพื่อการเตรียมดินมากที่สุด เกษตรกรส่วนใหญ่ทำนาเป็นอาชีพหลัก ส่วนอาชีพรองได้แก่ การรับจ้าง เกษตรกรมีรายได้เฉลี่ยต่อครอบครัวต่อปี เป็นเงิน 17,772.42 บาท การกู้เงินของเกษตรกรพบว่า สหกรณ์การเกษตรที่เกษตรกรเป็นสมาชิก เป็นแหล่งเงินกู้ที่เกษตรกรใช้บริการมากที่สุด พื้นที่ที่ใช้เพาะปลูกถั่วลิสงในฤดูแล้งส่วนใหญ่เป็นของเกษตรกรเอง มีพื้นที่เพาะปลูกมากที่สุด ครอบครัวละ 35 ไร่ ต่ำสุด 0.25 ไร่ เฉลี่ยครอบครัวละ 4.266 ไร่สำหรับแหล่งความรู้พบว่า เพื่อนบ้านเป็นแหล่งความรู้มากที่สุดของเกษตรกรเมื่อมีปัญหาหรือต้องการคำแนะนำ สภาพการปลูกและการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในการปลูกถั่ลิสงในฤดูแล้งของเกษตรกร พบว่า สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ลุ่ม ความเสียหายเนื่องจากความแห้งแล้งไม่มี แรงงานที่ใช้ในการเตรียมดินโดยเฉลี่ยครอบครัวละ 2.54 คน เกษตรกร 50% ใช้พันธุ์พื้นเมือง 40% ใช้พันธุ์ไทนาน 9 ส่วนที่เหลืออีก 10% ใช้พันธุ์ลำปาง และ สข38 สำหรับพันธุ์ไทยนาน 9 นั้น แหล่งพันธุ์ที่เกษตรกรได้มาครั้งแรก เป็นเจ้าหน้าที่ 22.67% เพื่อนบ้าน 16.00% ซึ่งพันธุ์ไทยนาน 9 นี้ ระยะเวลาเกษตรกรพบมากที่สุดในระยะ 1-2 ปี จำนวน 18.00% สำหรับการใช้พันธุ์พื้นเมืองแหล่งพันธุ์ที่เกษตรกรได้มาครั้งแรกเป็นพ่อค้า 28.67% เพื่อนบ้าน 21.33% ขณะที่แหล่งพันธุ์ของปี 2528/2529 ก็เป็นแหล่งจากพ่อค้า 23.33% และเก็บเอง 18.67% ระยะเวลาที่เกษตรกรใช้พันธุ์พื้นเมืองเหล่านี้พบว่าส่วนใหญ่ใช้มานานกว่า 6 ปี ซึ่งมีจำนวน 31.33% ส่วนพันธุ์ลำปางและ สช38 นั้น แหล่งพันธุ์ครั้งแรกสำหรับใช้ในปี 2528/2529 ส่วนใหญ่ได้จากพ่อค้า โดยเจ้สหน้าที่เป็นผู้แนะนำครั้งแรก เกษตรกรร้อยละ 70 ให้ความเห็นว่าไม่มีปัญหาในเรื่องการ การใช้พันธุ์ และร้อยละ 30 ตอบว่ามีปัญหาได้แก่ ปัญหาพันธุ์ปน 16.00% หาซื้อปลูกยาก 6.67% ปัญหาผลผลิตต่ำเนื่องจากเมล็ดพันธุ์ 5.33% และผลผลิตที่ได้ไม่ตรงกับความต้องการของตลาด 2.00 ในเรื่องการใช้ปุ๋ยของเกษตรกร พบว่า มีเกษตรกรเพียง 6.67 ที่ใช้ปุ๋ยเคมี โดยการหว่านในระยะการเตรียมดินและส่วนใหญ่เพิ่งใช้ในระยะ 1-2 ปี สูตรปุ๋ยที่ใช้ได้แก่สูตร 21-0-0,16-16-8 และ 15-15-15 แหล่งที่ได้มาส่วนใหญ่ได้จากพ่อค้า ยกเว้นสูตร 15-15-15 ที่ได้จากเจ้าหน้าที่ผู้แนะนำครั้งแรกส่วนใหญ่ ได้แก่เพื่อนบ้าน ปัตราปุ๋ยที่ใช้เฉลี่ย 13.20 กก./ไร่ สำหรับปัญหาการใช้ปุ๋ยเคมีพบว่า มีปัญหาเพียงร้อยละ 2 ได้แก่เกษตรกรขาดความรุ้และราคาปุ๋ยแพง ส่วนการใช้พบว่า มีจำนวนเกษตรกรที่ใช้ทั้งหมด 17.33% ส่วนใหญ่ใช้มานานกว่า 6 ปี เป็นปุ๋ยของตน เอง ผู้แนะนำครั้งแรกคือเพื่อนบ้าน เกษตรกร 7.33% ตอบว่ามีปัญหาในการใช้ปุ๋ยคอก คือหายาก ยุ่งยากในการใส่ และคิดว่าใส่แล้วเกิดวัชพืชขึ้นมา อัตราที่ใช้ส่วนใหญ่เฉลี่ย 241.76 กก./ไร่ ใส่โดยวิธีการหว่านให้ทั่วแปลงในช่วงหลังปลูกประมาณ 1 เดือน ในเรื่องการใช้เชื้อไรโซเบียม พบว่า มีเกษตรกรใช้เพียง 5.33% ในจำนวนนี้เป็นเกษตรกรที่ใช้มานาน 1 ปี จำนวน 4% และ 1.33% ใช้ 2 ปี แหล่งที่ได้มาและผู้แนะนำครั้งแรกส่วนใหญ่ได้แก่เจ้าหน้าที่ รองลงไปคือเพื่อนบ้าน ในด้านปัญหาในการใช้ เกษตรกร 3.33% คิดว่ามีปัญหา คือใช้หรือไม่ใช้เชื้อไรโซเบียมก็ได้ผลไม่แตกต่างกัน 2.00% และคลุกแล้วเมล็ดพันธุ์ไม่งอก 1.33% ในเรื่องการใช้เครื่องทุ่นแรง พบว่า มีเกษตรกรที่ใช้เครื่องทุ่นแรงทั้งหมด 49.33% ส่วนใหญ่จะใช้แทรคเตอร์ในการเตรียมดิน รองลงไปได้แก่ รถไถนา 2 ล้อ เครื่องพ่นยา และเครื่องสูบน้ำ มีเกษตรกรเพียง 4.00% ที่ใช้ครบทั้ง 4 เกษตรกร 17.33% บอกว่ามีปัญหาการใช้เครื่องทุ่นแรง ซึ่งได้แก่ปัญหาค่าจ้างและค่าเช่าแพง 11.33% และปัญหาเรื่องเครื่องทุ่นแรงใช้งานไม่ทน 6.00% เรื่องการใช้ยาเคมีป้องกันกำจัดศัตรูถั่วลิสง พบว่า มีเกษตรกร 49.33% ที่พบการระบาดทำลายของแมลง ในจำนวนนี้มีเกษตรกรที่ใช้ยาเคมี 21.33% โดยระยะที่ใช้ยาเคมีส่วนใหญ่ใช้ขณะที่แมลงระบาด แหล่งยาเคมีที่เกษตรกรได้ส่วนใหญ่ (20.00%) จะได้จากพ่อค้า ผู้แนะนำครั้งแรกเป็นเพื่อนบ้าน 10.00% พ่อค้า 7.67% ในจำนวนผู้ใช้ยาเคมีป้องกันกำจัดแมลงพบว่า 11.33% มีปัญหาเรื่องการใช้คือ ใช้แล้วไม่ได้ผล 8.00% และยาเคมีราคาแพง 3.33% ในด้านโรคของถั่วลิสง เกษตรกร 14.67% พบว่ามีโรคระบาด และในจำนวนนี้ 5.33% ใช้สารเคมีป้องกันกำจัดโรค แหล่งของยาเคมีได้จากพ่อค้า 2.67% และเจ้าหน้าที่ 2.00% ที่เหลือได้จากเพื่อนบ้าน ผู้แนะนำครั้งแรกส่วนใหญ่จะเป็นพ่อค้า ในจำนวนผู้ใช้ยาเคมี 1.33% มีปัญหาการใช้คือ ใช้แล้วไม่ได้ผล สำหรับปัญหาวัชพืชนั้น เกษตรกร 54.67% บอกว่ามีปัญหา ในจำนวนนี้ไม่มีการใช้ยาเคมีเลย แต่ใช้วิธีอื่น เช่น ใช้จอบถาก และปลูกถั่วให้แน่นคลุมเต็มพื้นที่ จำนวน 40% ที่เหลือ ไม่มีการป้องกันกำจัดวัชพืชในแปลงปลูก ข้อเสนอแนะของเกษตรกร พันธุ์ -จัดให้มีการจำหน่ายพันธุ์ดีที่เหมาะสมอย่างทั่วถึง หรืออาจจะโดยการแลกเปลี่ยนพันธุ์ -ให้ความรู้เรื่องการเก็บรักษาพันธุ์ ปุ๋ย -รัฐบาลควรควบคุมราคาปุ๋ยเคมี -ให้ความรู้เรื่องปุ๋ยที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ เครื่องทุ่นแรง -รัฐบาลควรจัดเครื่องทุ่นแรงขนาดเล็กให้ยืมหรือเช่า -จัดอบรมความรู้เรื่องการใช้เครื่องทุ่นแรงที่ถูกต้องและประหยัด ยาเคมีป้องกันกำจัดศัตรูถั่วลิสง -รัฐบาลจัดอบรมความรู้เรื่องการใช้ให้ถูกต้องได้ผล -รัฐบาลควบคุมร้านค้าไม่ให้จำหน่ายยาแพงเกินไป และตรวจสอบยาที่ขาดประสิทธิภาพด้วย การใช้เชื้อไรโซเบี่ยม -ควรจัดอบรมความรู้เรื่องเชื้อไรโซเบี่ยมให้แก่เกาตรกร -จัดทำแปลงสาธิตเปรียบเทียบการใช้และไม่ใช้เชื้อไรโซเบี่ยม -จัดจำหน่ายเชื้อไรโซเบี่ยมในระดับหมู่บ้าน ข้อเสนอแนะของผู้วิจัย 1)หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรจัดอบรมเกี่ยวกับการใช้เทคดนโลยีที่เหมาะสมสำหรับการเพิ่มผลผลิตถั่วลิสงโดยเฉพาะ และเป็นความรุ้ที่เกษตรกรต้องการ 2)รัฐบาลควรมีมาตรการในการควบคุมราคา ทั้งผลผลิตและปัจจัยที่ใช้มรการผลิตของเกษตรกร เพื่อช่วยเหลือให้เกษตรกรทั้งในด้านจำหน่ายผลผลิตและซื้อปัจจัยการผลิต 3)สถาบันเกษตรกร เช
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมส่งเสริมการเกษตร
คำสำคัญ: จังหวัดนครสวรรค์
หมวดหมู่:
หมวดหมู่ AGRIS:
เจ้าของลิขสิทธิ์: กรมส่งเสริมการเกษตร
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มผลผลิตถั่วลิสงหลังนาของเกษตรกรในจังหวัดน่าน ลำปาง และนครสวรรค์
กรมส่งเสริมการเกษตร
2529
การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มผลผลิตถั่วเหลืองของเกษตรกรจังหวัดแพร่ การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มผลผลิตข้าวในการทำนาปีของเกษตรกรในเขตโครงการพัฒนาทุ่งกุลาร้องไห้ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ การใช้เทคโนโลยีการผลิตถั่วลิสงของเกษตรกรบ้านทรายมูล ตำบลทรายมูล อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มผลผลิตอ้อยของเกษตรกร อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ การยอมรับการใช้เทคโนโลยีการผลิตถั่วลิสงต้นฤดูฝนของเกษตรกรในแหล่งผลิตที่สำคัญบางจังหวัด การใช้เทคโนโลยีในการผลิตถั่วลิสง ของเกษตรกรตำบลภูเงิน อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ปี พ.ศ.2521 การถ่ายทอดและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มผลผลิตและมูลค่าของข้าวสาลี นำสู่ความยั่งยืนของชุมชนเกษตรกร อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน เทคโนโลยีการผลิตถั่วลิสงฤดูแล้งของเกษตรกร ตำบลหนองตูม อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ การจัดการดินที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มผลผลิตถั่วลิสงในพื้นที่ดินกรด การใช้เทคโนโลยีการป้องกันกำจัดศัตรูถั่วลิสงของเกษตรกร อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก