สืบค้นงานวิจัย
โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตกระเจี๊ยบเขียว
อำนวย อรรถลังรอง - กรมวิชาการเกษตร
ชื่อเรื่อง: โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตกระเจี๊ยบเขียว
ชื่อเรื่อง (EN): Research and Development of Production Technology for Okra
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: อำนวย อรรถลังรอง
บทคัดย่อ: โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตกระเจี๊ยบเขียว ประกอบด้วยกิจกรรม การวิจัยและพัฒนาพันธุ์กระเจี๊ยบเขียว และเทคโนโลยีการอารักขากระเจี๊ยบเขียว ดำเนินการระหว่างปี พ.ศ.2554-58 โดยการเปรียบเทียบพันธุ์กระเจี๊ยบเขียวชุดที่ 1 จำนวน 8 สายพันธุ์รวมกับพันธุ์การค้าและพันธุ์อ่อนแอ ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตรและกาญจนบุรี ระหว่างปี 2554-2555 วางแผนการทดลองแบบสุ่มในบล๊อคสมบูรณ์จำนวน 3 ซ้ำ คัดเลือกพันธุ์กระเจี๊ยบเขียวที่ต้านทานต่อโรคเส้นใบเหลืองและให้ผลผลิตสูงไว้ 3 สายพันธุ์ ได้แก่ PC5402 PC5403 และ PC5404 เมื่อนำไปทดสอบในแปลงเกษตรกร 2 รายในจังหวัดกาญจนบุรี ระหว่างปี 2556-2557 วางแผนการทดลองแบบสุ่มในบล๊อคสมบูรณ์จำนวน 3 ซ้ำ คัดเลือกเหลือเพียงสองสายพันธุ์ คือ PC5402 และ PC5403 เมื่อนำไปทดสอบการยอมรับของเกษตรกรผู้ปลูกกระเจี๊ยบเขียวเพื่อการส่งออก ในจังหวัด นนทบุรี นครปฐม และกาญจนบุรี พบว่า เกษตรกรยอมรับทั้งสองสายพันธุ์ เนื่องจากสายพันธุ์ทดสอบทั้งสองให้ผลผลิตสูง มีคุณภาพตรงตามที่ตลาดต้องการ และมีช่วงการเก็บเกี่ยวที่นานกว่าพันธุ์เกษตรกร เกษตรกรพึงพอใจในพันธุ์ PC5402 ซึ่งให้ผลผลิตรวมและผลผลิตมาตรฐานระหว่าง2,162.65-4,155.58 และ 622.55-3,077.85 กิโลกรัมต่อไร่ตามลำดับ จึงได้เสนอขอรับรองเป็นพันธุ์แนะนำของกรมวิชาการเกษตร และระหว่างการพิจารณารับรอง ส่วนการผสมและคัดเลือกพันธุ์กระเจี๊ยบเขียวลูกผสมระหว่างพันธุ์ญี่ปุ่นและอินเดียที่ต้านทานโรคเส้นใบเหลือง ระหว่างปี 2554-2556 คัดเลือกแบบสืบประวัติได้กระเจี๊ยบเขียวที่ต้านทานโรคเส้นใบเหลืองและฝักมีคุณภาพดีจำนวน 10 สายพันธุ์ เมื่อนำไปปลูกเปรียบเทียบพันธุ์ที่ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตรและกาญจนบุรี ระหว่างปี 2557-2558 วางแผนการทดลองแบบสุ่มในบล๊อคสมบูรณ์จำนวน 3 ซ้ำ คัดเลือกได้กระเจี๊ยบเขียวที่ต้านทานต่อโรคเส้นใบเหลืองและฝักมีคุณภาพดี 3 สายพันธุ์ ได้แก่ PC5706 PC5707 และ PC5709 ทั้งสามสายพันธุ์ให้ผลผลิตสูงเมื่อไม่เกิดโรคระบาด แต่ค่อนข้างอ่อนแอ่ต่อโรคเส้นใบเหลืองในพื้นที่กาญจนบุรี ขณะที่อารักขากระเจี๊ยบเขียว พบว่า สารฆ่าแมลง flubendiamide 20%WG, emamectin benzoate 1.92 %EC, lufenulon 5 %EC, novaluron 10 %EC และ methoxyfenozide 24 %SC อัตรา 6 กรัม, 15, 20, 10 และ 8 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร ตามลำดับ และไวรัส SeNPV, แบคทีเรีย (Centari WDG) และ ไวรัส SeNPV อัตรา 15 มิลลิลิตร ผสม แบคทีเรีย (Centari WDG) อัตรา 30 มล., 60 กรัม และ 15 มล+ 30 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ตามลำดับ มีประสิทธิภาพดีในการควบคุมประชากรของหนอนกระทู้หอม สารกำจัดแมลงที่ใช้ไม่มีผลกระทบต่อกระเจี๊ยบเขียว
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมวิชาการเกษตร
คำสำคัญ: การควบคุมวัชพืช
คำสำคัญ (EN): Weed Control
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตกระเจี๊ยบเขียว
กรมวิชาการเกษตร
30 กันยายน 2558
โครงการศึกษาเทคโนโลยีการผลิตกระเจี๊ยบเขียว ชุดโครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตหน่อไม้ฝรั่งและกระเจี๊ยบเขียว เทคโนโลยีการผลิตพืชแห่งศตวรรษที่ 21 การบริหารจัดการเทคโนโลยีเพื่อผลิตลำไยนอกฤดูในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย ระยะที่ 1 โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตสละ โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอ้อย โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตกลอย โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตองุ่น โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตบัวบก โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตพริก
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก