สืบค้นงานวิจัย
แนวทางพัฒนาทางกายภาพวัดร้างใน 11 ตำบลนอกเขตกำแพงเมืองเชียงใหม่
แทนวุธธา ไทยสันทัด - มหาวิทยาลัยแม่โจ้
ชื่อเรื่อง: แนวทางพัฒนาทางกายภาพวัดร้างใน 11 ตำบลนอกเขตกำแพงเมืองเชียงใหม่
ชื่อเรื่อง (EN): Physical Development Guideline for the Abandoned Monasteries of 11 Sub-districts outside the Old City Walled Area
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: แทนวุธธา ไทยสันทัด
บทคัดย่อ: ผลงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาถึงปัญหาและโอกาสของวัดร้างที่ปรากฏอยู่มากมายในตัวเมืองเชียงใหม่ โดยกาหนดพื้นที่ศึกษานอกเขตกาแพงเมืองชั้นในและชั้นนอก ครอบคลุมพื้นที่11ตาบลโดยรอบ จากการศึกษาพบว่าจังหวัดเชียงใหม่เคยมีวัดร้างทั้งหมด 948 วัด โดย 99 วัด อยู่ในเขตกาแพงเมืองชั้นใน ทั้งนี้มีเพียง 35 วัดที่ยังคงสภาพสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในปัจจุบันและ 10 วัด มีสภาพคงเหลือเพียงเจดีย์ ในเขตกาแพงเมืองชั้นนอกนั้นปัจจุบันเหลือหลักฐานเพียง 10 วัด และเพิ่งได้รับการฟื้นฟูสำเร็จ1วัด หลักฐานของวัดร้างที่เหลือรอดพ้นจากอดีตเหล่านี้ปัจจุบันแม้จะตั้งอยู่ที่เดิมแต่สภาพแวดล้อมได้เปลี่ยนไปตามยุคสมัยในหลายรูปแบบ เช่น โรงเรียน สถานที่ราชการ ชุมชนแออัด และถนน ในผลงานวิจัยนี้มีการดาเนินการวิจัยทางเลือกการพัฒนาทางกายภาพของวัดร้างในแต่ละที่และกลุ่มที่สัมพันธ์กับผู้ใช้และบริบทในปัจจุบัน โดยการต่อยอดและค้นหาปัจจัยที่ทาให้ร้างและไม่ร้างของวัดเหล่านี้ ศึกษาวัฏจักรของวัดร้างที่มีลักษณะปรากฏการณ์ รวมทั้งอุปสงค์และอุปทานต่อการดำรงอยู่ ลักษณะเฉพาะของโบราณสถานทางศาสนา(ร้าง) หลังจากนั้นนาลักษณะเฉพาะและปัจจัยที่ค้นพบมาศึกษาหาแนวทางความยั่งยืนที่จับต้องได้ ที่สัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมและผู้ใช้ปัจจุบันเพื่อความยั่งยืนสู่คนรุ่นต่อไป มีการออกแบบทางเลือกหลายวิธีและสามารถแบ่งเป็นกลุ่มการพัฒนาได้ตามบริบทเพื่อรอการฟื้นเป็นวัดที่จะคงสภาพเต็มของสถานะพื้นที่ทางศาสนาได้ในอนาคต ผลการวิจัยพบว่าวัดร้างในพื้นที่ศึกษาสามารถกาหนดกลุ่มที่มีบริบทคล้ายคลึงกันได้และทาการเลือกบางวัดเพื่อนามาใช้เป็นตัวอย่างการออกแบบการพัฒนาทางกายภาพที่สามารถทาได้จริง การพัฒนาพื้นที่มักพบปัญหาเรื่องการถูกปิดบังและขอบเขตพื้นตามโฉนดและการประกาศเขตโบราณสถานมีน้อยเกินไป อีกทั้งยังขาดความเชื่อมโยงกับชีวิตประจาวันของชุมชนและการรับรู้ระดับเมืองและย่านดังนั้นการออกแบบขยายพื้นที่ให้กว้างขึ้นและปรับให้เป็นพื้นที่สาธารณะรองรับกิจกรรมเบา(Passive activity)เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ(Recreation area)ของแต่ละชุมชนเป็นทางเลือกที่เป็นไปได้มากที่สุด โดยจะต้องควบคุมบรรยากาศโดยรวมและการกันเขต(Buffer zone)โบราณสถานไว้ให้คงสภาพความศักดิ์สิทธิ์(Sense of sacred place)ของพื้นที่ไว้ให้ได้ด้วย การขอคืนพื้นที่โดยรอบคืนซึ่งเดิมเป็นวัดนั้นเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่จาเป็นเพื่อให้มรดกทางศาสนานี้ไม่ถูกบดบังและเชื่อมโยง โดยหากทาเป็นโครงการพัฒนาต่อเนื่องพบว่ามีศักยภาพพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมใหม่ได้อีกมาก อันจะเป็นส่วนหนึ่งของการแผนพัฒนาสู่การเป็นมรดกโลกได้อีกทางหนึ่งในอนาคตด้วย
บทคัดย่อ (EN): This research aims at studying the abandoned monasteries dilemma in 11 sub-districts outside the old Chiang Mai's city’s walls. Chiang Mai is reported to have some 948 abandoned monasteries (wat), including 99 inside old walled city center where there are only 35 living wat and 10 abandoned chedi(stupa) remains today. In the area outside of old walled city, there are only 10 chedi remained and a monastery is recently revitalized to be a living monastery again. These survived evidence from the past now are situated at the initial locations but within changed contexts such as being school, official buildings, slum, and onto streets. The research is also intended to study alternative solutions for physical development for each site, especially among the current users and various contexts. Seeking beyond creative thinking based on abandonment factors of a religious place, circle of abandonment phenomenon, and demand &supply for a monastery existing are focused. Emerging of specific characters and factors of the abandoned monasteries are also considered to future sustainability for the next generation and urban environment. Most of alternative design concepts are both current existing solutions and also possibility for the future revitalization. It was found that various abandoned monasteries could be categorized by common contexts then selected some of them were selected for design development. These selected sites are exemplified for possibility guidelines where based on physical development. Site selections from the cases usually lead to conflict with the poor conditions behind adjacent buildings, error management on original deeds, and less of the National Historic boundaries for sustainable maintenance. Most of unsustainable factors are lack of linkage to everyday users, local communities, and urban perception. As a result, expandable design area and adaptability to be recreation area for each local community should be accepted. Sense of the sacred place must be included, and buffer zoning is needed to protect the historical remnants which are the most highlighted aspect of the sites. Recall of more original surrounding areas for development is needed for public perception as well as urban open spaces. Continuity of better condition implements upon sense of sacred places are possibly becoming more creative on cultural tourist attractions as they are parts of sustainable development plan to the future Chiang Mai’s World Heritage enlisting.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: https://erp.mju.ac.th/researchDetailPublic.aspx?rid=4844
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยแม่โจ้
คำสำคัญ: พื้นที่สาธารณะ
คำสำคัญ (EN): Public space
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยแม่โจ้
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
แนวทางพัฒนาทางกายภาพวัดร้างใน 11 ตำบลนอกเขตกำแพงเมืองเชียงใหม่
มหาวิทยาลัยแม่โจ้
2560
แนวทางพัฒนาทางกายภาพวัดร้างเพื่อเมืองเก่าเชียงแสนที่มีชีวิต ประสิทธิภาพการเข้าถึงของโครงข่ายคมนาคมขนส่งกับการใช้ประโยชน์ที่ดินในบริบทผังเมืองรวมเมืองเชียงใหม่ เพื่อการเติบโตเชิงพื้นที่อย่างชาญฉลาดและยั่งยืน การสื่อความหมายวัดร้างในเมืองเก่าเชียงแสนเพื่อการท่องเที่ยว สถานภาพการผลิต พันธุ์ และแนวทางพัฒนาลำไย เพื่ออุตสาหกรรมในเขตภาคเหนือ การวิจัยและพัฒนามังคุดนอกฤดูและในฤดูเชิงพาณิชย์ในเขตจังหวัดพิษณุโลก การศึกษาวิจัยเพื่อการติดตามประเมินผลโครงการพัฒนาตำบลต้นแบบการพัฒนาสังคมและสวัสดิการ การสังเคราะห์ทางเลือกของการพัฒนาระบบบริการสุขภาพเขตเมือง เขตสุขภาพที่ 3 การพัฒนากลุ่มออมทรัพย์เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของชุมชนในเขตภาคเหนือตอนบน แนวทางการพัฒนาความเป็นย่านหลากมิติของเมืองเชียงใหม่ ระบบการผลิตและแนวทางการพัฒนาการผลิตข้าวในเขตน้ำฝน จังหวัดสุรินทร์
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก