สืบค้นงานวิจัย
การใช้คลนื่ อลั ตราโซนิคในการศึกษาการก่อตัวของเพสต์เทียบกับวิธีการใช้ เข็มไวแคต
รัฐพล สมนา - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
ชื่อเรื่อง: การใช้คลนื่ อลั ตราโซนิคในการศึกษาการก่อตัวของเพสต์เทียบกับวิธีการใช้ เข็มไวแคต
ชื่อเรื่อง (EN): Use of Ultrasonic Wave to Monitor The Setting Process of Pastes Compared to Vicat Needle Method
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: รัฐพล สมนา
บทคัดย่อ: งานวิจัยนี้ศึกษาการก่อตัวของซีเมนต์เพสต์ที่ใช้และไม่ใช้เถ้าถ่านหินในส่วนผสม โดยเริ่มจากการทดสอบหาค่าปริมาณน้ำที่ความเข้มข้นปกติโดยใช้เข็มไวแคตขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 มิลลิเมตร จากนั้นนำค่าปริมาณน้ำที่ความข้นเหลวปกติมาผสมเพสต์เพื่อทดสอบหาระยะเวลการก่อตัวโดยใช้เข็มไวแคตขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 มิลลิเมตรทำการหล่อเพสต์ทรงลูกบาศก์ขนาด5x5x5 เซนติเมตร โดยใช้ปริมาณน้ำที่ความข้นเหลวปกติและใช้เถ้าถ่านหินแทนที่ปูนซีเมนต์ในอัตรา 20, 40 และ 60 โดยน้ำหนัก ถอดแบบหลังจากหล่อเพสต์เป็นเวลา 24 ชั่วโมงจากนั้นนำตัวอย่างเพสต์บ่มในน้ำ และทำการทดสอบกำลังอัดที่อายุ 1,3 7,14, 28 และ60 วัน นอกจากนี้ยังทำการทดสอบหาการก่อตัวของเพสต์โดยใช้คลื่นอัลตราโซนิคเป็นระยะเวลา 8 ชั่วโมง จากการทดสอบพบว่าเพสต์ที่มีเถ้าถ่านหินเป็นส่วนผสมมีปริมาณน้ำที่ความข้นเหลวปกติต่ำกว่าเพสต์ที่ไม่มีเถ้าถ่านหิน นอกจากนี้พบว่าปริมาณน้ำที่ความข้นเหลวปกติลดลงจากการทดสอบด้วยเข็มไวแคต และระยะเวลาการก่อตัวจากการทดสอบด้วยเข็มไวแคตและคลื่นอัลตราโซนิคนานเมื่อปริมาณเถ้าถ่านหินในเพสต์เพิ่มขึ้น ส่วนผลกำลังอัดพบว่าเพสต์ที่ใช้เถ้าถ่านหินแทนที่ปูนซีเมนต์ในอัตราร้อยละ 20 โดยน้ำหนัก มีกำลังอัดสูงที่สุดตั้งแต่อายุ 7 วันโดยกำลังอัดที่อายุ 60 วันมีค่าเท่ากับร้อยละ 103ของเพสต์ที่ใช้ปูนซีเมนต์ล้วน This research aimed to study the setting time of pastes with and without fly ash by using Vicat Needle and ultrasonic wave. Normal consistency was tested by using Vicat Needle with 10 mm diameter. Paste was mixed by using water content at the normal consistency and tested by Vicat Needle to determine the setting time of paste. Pastes were cast in 5-cm cubic mold by using the water content at normal consistency for the compressive strength test. After 24 hours, pastes were removed from the molds and then cured in the water. Compressive strengths of pastes were investigated at the ages of 1, 3, 7, 14, 28, and 60 days. Ultrasonic wave was used to observe the setting process of pastes for 8 hours. The results revealed that pastes with fly ash had water content at normal consistency lower than that of the one without fly ash. Increase of the replacement of fly ash in paste resulted in decreasing water content at normal consistency tested by Vicat Needle and longer setting time tested by Vicat Needle and ultrasonic wave. At 7 days, it was found that compressive strength of paste with 20% fly ash was highest and developed to be 103 percent of cement paste at 60 days.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
คำสำคัญ: คลื่นอัลตราโซนิค
คำสำคัญ (EN): Ultrasonic wave
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล อีสาน
รายละเอียด: งานวิจัยนี้ศึกษาการก่อตัวของซีเมนต์เพสต์ที่ใช้และไม่ใช้เถ้าถ่านหินในส่วนผสม โดยเริ่มจากการทดสอบหาค่าปริมาณน้ำที่ความเข้มข้นปกติโดยใช้เข็มไวแคตขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 มิลลิเมตร จากนั้นนำค่าปริมาณน้ำที่ความข้นเหลวปกติมาผสมเพสต์เพื่อทดสอบหาระยะเวลการก่อตัวโดยใช้เข็มไวแคตขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 มิลลิเมตรทำการหล่อเพสต์ทรงลูกบาศก์ขนาด5x5x5 เซนติเมตร โดยใช้ปริมาณน้ำที่ความข้นเหลวปกติและใช้เถ้าถ่านหินแทนที่ปูนซีเมนต์ในอัตรา 20, 40 และ 60 โดยน้ำหนัก ถอดแบบหลังจากหล่อเพสต์เป็นเวลา 24 ชั่วโมงจากนั้นนำตัวอย่างเพสต์บ่มในน้ำ และทำการทดสอบกำลังอัดที่อายุ 1,3 7,14, 28 และ60 วัน นอกจากนี้ยังทำการทดสอบหาการก่อตัวของเพสต์โดยใช้คลื่นอัลตราโซนิคเป็นระยะเวลา 8 ชั่วโมง จากการทดสอบพบว่าเพสต์ที่มีเถ้าถ่านหินเป็นส่วนผสมมีปริมาณน้ำที่ความข้นเหลวปกติต่ำกว่าเพสต์ที่ไม่มีเถ้าถ่านหิน นอกจากนี้พบว่าปริมาณน้ำที่ความข้นเหลวปกติลดลงจากการทดสอบด้วยเข็มไวแคต และระยะเวลาการก่อตัวจากการทดสอบด้วยเข็มไวแคตและคลื่นอัลตราโซนิคนานเมื่อปริมาณเถ้าถ่านหินในเพสต์เพิ่มขึ้น ส่วนผลกำลังอัดพบว่าเพสต์ที่ใช้เถ้าถ่านหินแทนที่ปูนซีเมนต์ในอัตราร้อยละ 20 โดยน้ำหนัก มีกำลังอัดสูงที่สุดตั้งแต่อายุ 7 วันโดยกำลังอัดที่อายุ 60 วันมีค่าเท่ากับร้อยละ 103ของเพสต์ที่ใช้ปูนซีเมนต์ล้วน This research aimed to study the setting time of pastes with and without fly ash by using Vicat Needle and ultrasonic wave. Normal consistency was tested by using Vicat Needle with 10 mm diameter. Paste was mixed by using water content at the normal consistency and tested by Vicat Needle to determine the setting time of paste. Pastes were cast in 5-cm cubic mold by using the water content at normal consistency for the compressive strength test. After 24 hours, pastes were removed from the molds and then cured in the water. Compressive strengths of pastes were investigated at the ages of 1, 3, 7, 14, 28, and 60 days. Ultrasonic wave was used to observe the setting process of pastes for 8 hours. The results revealed that pastes with fly ash had water content at normal consistency lower than that of the one without fly ash. Increase of the replacement of fly ash in paste resulted in decreasing water content at normal consistency tested by Vicat Needle and longer setting time tested by Vicat Needle and ultrasonic wave. At 7 days, it was found that compressive strength of paste with 20% fly ash was highest and developed to be 103 percent of cement paste at 60 days.
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การใช้คลนื่ อลั ตราโซนิคในการศึกษาการก่อตัวของเพสต์เทียบกับวิธีการใช้ เข็มไวแคต
รัฐพล สมนา
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
ไม่ระบุวันที่เผยแพร่
รายงานการวิจัยการศึกษาการสกัดแป้งจากกากมันสำปะหลังโดยใช้ระบบอุลตร้าโซนิค การใช้ประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร: กากรำข้าวอินทรีย์เป็นตัวดูดซับสารให้ความชุ่มชื้นสำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง การหาค่ายังโมดูลัสของวัสดุโดยใช้เทคนิคคลื่นเสียงอุลตร้าโซนิค รายงานการวิจัยการพัฒนาท่อใยกลวงเชิงประกอบสำหรับใช้ในกระบวนการผลิตอะซีโตน-บิวทานอล-เอทานอลจากมันสำปะหลังโดยใช้ระบบเพอร์แวปเพอร์เรชั่น การศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้เถ้าแกลบเป็นสารตัวเติมในยางธรรมชาติ การใช้ประโยชน์จากของเหลือใช้ในอุตสาหกรรมก๋วยเต๋ยว การศึกษาเบื้องต้นเกี่ยวกับการตรวจสอบโรคไวรัชของพืชโดยใช้ ELISA การอบแห้งมันฝรั่งแผ่นโดยใช้น้ำมันแลกเปลี่ยนความร้อน การใช้ปุ๋ยชีวภาพไรโซเบียมและไมโครไรซ่าเพื่อเพิ่มผลผลิตพืชตระกูลถั่วที่ใช้เป็นอาหารสัตว์ การออกแบบเฟอร์นิเจอร์ไม้ประกับไผ่โดยใช้หลักการยศาสตร์
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก