สืบค้นงานวิจัย
สมบัติการย่อยในหลอดทดลองของแป้งจากพืชชนิดต่างๆ และการดัดแปรฟลาวร์ข้าวโดยเอนไซม์
บุณยนุช ศุภสม - สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
ชื่อเรื่อง: สมบัติการย่อยในหลอดทดลองของแป้งจากพืชชนิดต่างๆ และการดัดแปรฟลาวร์ข้าวโดยเอนไซม์
ชื่อเรื่อง (EN): In vitro digestion property of various plant flours and the enzymatic modification of rice flour.
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: บุณยนุช ศุภสม
บทคัดย่อ: สตาร์ชเป็นแหล่งที่เก็บสะสมคาร์โบไฮเดรตและเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายมนุษย์ เมื่อเกิดการย่อยจะให้พลังงานอัตราการย่อยและดูดซึมของสตาร์ชเป็นปัจจัยในการตอบสนองต่อการเผาผลาญของอาหาร การตรวจสอบการย่อยของสตาร์ชสามารถใช้วิธีการศึกษาสมบัติการย่อยภายในหลอดทดลอง (in vitro digestion) การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสมบัติการย่อยในหลอดทดลองเปรียบเทียบกันระหว่าง ฟลาวร์กลุ่มถั่ว (ถั่วมะแฮะ ถั่วแดง ถั่วเขียวผิวมัน ถั่วเขียวผิวดำ และ ถั่วพุ่ม) ฟลาวร์พืชหัว (มันสำปะหลัง มันเทศ เผือก มันต่อเผือก ท้าวยาย ม่อม และมันมือเสือ) และ ฟลาวร์ธัญพืช (ข้าวเหนียว ข้าวหอมมะลิ 105 ข้าวปทุมธานี 1 ข้าวสุพรรณบุรี และข้าวไรซ์เบอรี่) สมบัติการย่อยในหลอดทดลองที่ศึกษาในครั้งนี้ คือ ปริมาณสตาร์ชที่สามารถถูกย่อยได้อย่างรวดเร็ว (RDS) ปริมาณสตาร์ชที่สามารถถูกย่อยได้อย่างช้าๆ (SDS) ปริมาณสตาร์ชทนย่อย (RS) ค่าดัชนีการย่อย (HI) และค่าดัชนีน้ำตาล (GI) ผลการศึกษาพบว่า ฟลาวร์ถั่วมีอัตราการย่อยช้ากว่าฟลาวร์พืชหัว และฟลาวร์ธัญพืช นอกจากนี้ฟลาวร์ถั่วยังมีค่าดัชนีการย่อยระดับต่ำ ส่วนฟลาวร์พืชหัวมีอัตราการย่อยที่หลากหลาย และมีค่าดัชนีการย่อยระดับต่ำกลาง และสูง ขึ้นอยู่กับชนิดของพืชหัว ส่วนฟลาวร์ธัญพืชส่วนใหญ่มีอัตราการย่อยสูง และมีค่าดัชนีการย่อยระดับสูง (ยกเว้น ฟลาวร์ข้าวไรเบอร์รี่) ฟลาวร์ข้าวได้รับการคัดเลือก เพื่อนำมาศึกษาถึงการดัดแปรโดยเอนไซม์เพื่อเพิ่มปริมาณ สตาร์ชทนย่อย ซึ่งใช้การดัดแปรโดยเอนไซม์ 2 ชุด (pullulanase และ isoamylase จาก Pseudomonas sp.(PI1), pullulanase และ isoamylase จาก Thermusfiliformis (PI2)) พบว่าการดัดแปรโดยเอนไซม์ทั้ง 2 ชุด ส่งผลให้ปริมาณสตาร์ชทนย่อยเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ฟลาวร์ข้าวที่ดัดแปรด้วยชุดเอนไซม์ PI1 จะมีปริมาณสตาร์ชทนย่อยสูงกว่าฟลาวร์ข้าวที่ดัดแปรโดยใช้ชุดเอนไซม์ PI2 การดัดแปรโดยเอนไซม์จากชุดเอนไซม์ทั้งสองชุดจะทำให้ฟลาวร์ข้าวที่ศึกษาเพิ่มปริมาณ อะมิโลส และอะมิโลเพกตินสายสั้น ส่วนลักษณะโครงสร้างผลึกของฟลาวร์ข้าวที่ดัดแปรโดยเอนไซม์ทั้งสองชุด (PI1 และ PI2) มีรูปแบบผลึกเปลี่ยนแปลงจากรูปแบบผลึกผสมระหว่าง A และ Vh เป็นรูปแบบผลึกผสมระหว่าง B และ Vh ค่าความเป็นผลึกของฟลาวร์ข้าวที่ดัดแปรโดยเอนไซม์จะสูงกว่าฟลาวร์ข้าวดั้งเดิม ลักษณะรูปร่างของเม็ดแป้ง พบว่าฟลาวร์ข้าวดั้งเดิมจะมีพื้นที่ผิวเรียบไม่มีความเสียหาย และเป็นรูปทรงเหลี่ยม หลังจากดัดแปรฟลาวร์ข้าวด้วยเอนไซม์พบว่าเม็ดแป้งมีพื้นที่ผิวขรุขระ มีรูปทรงที่เปลี่ยนไป ส่วนคุณสมบัติทางความร้อนจากเครื่อง Differential Scanning Calorimeter (DSC) แสดงให้เห็นว่าเมื่อฟลาวร์ข้าวดัดแปรด้วยเอนไซม์ อุณหภูมิเริ่มต้นในการเกิด เจลาทิไนเซซันลดลง (T
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
คำสำคัญ: วิทยานิพนธ์
เจ้าของลิขสิทธิ์: สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
รายละเอียด: สตาร์ชเป็นแหล่งที่เก็บสะสมคาร์โบไฮเดรตและเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายมนุษย์ เมื่อเกิดการย่อยจะให้พลังงานอัตราการย่อยและดูดซึมของสตาร์ชเป็นปัจจัยในการตอบสนองต่อการเผาผลาญของอาหาร การตรวจสอบการย่อยของสตาร์ชสามารถใช้วิธีการศึกษาสมบัติการย่อยภายในหลอดทดลอง (in vitro digestion) การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสมบัติการย่อยในหลอดทดลองเปรียบเทียบกันระหว่าง ฟลาวร์กลุ่มถั่ว (ถั่วมะแฮะ ถั่วแดง ถั่วเขียวผิวมัน ถั่วเขียวผิวดำ และ ถั่วพุ่ม) ฟลาวร์พืชหัว (มันสำปะหลัง มันเทศ เผือก มันต่อเผือก ท้าวยาย ม่อม และมันมือเสือ) และ ฟลาวร์ธัญพืช (ข้าวเหนียว ข้าวหอมมะลิ 105 ข้าวปทุมธานี 1 ข้าวสุพรรณบุรี และข้าวไรซ์เบอรี่) สมบัติการย่อยในหลอดทดลองที่ศึกษาในครั้งนี้ คือ ปริมาณสตาร์ชที่สามารถถูกย่อยได้อย่างรวดเร็ว (RDS) ปริมาณสตาร์ชที่สามารถถูกย่อยได้อย่างช้าๆ (SDS) ปริมาณสตาร์ชทนย่อย (RS) ค่าดัชนีการย่อย (HI) และค่าดัชนีน้ำตาล (GI) ผลการศึกษาพบว่า ฟลาวร์ถั่วมีอัตราการย่อยช้ากว่าฟลาวร์พืชหัว และฟลาวร์ธัญพืช นอกจากนี้ฟลาวร์ถั่วยังมีค่าดัชนีการย่อยระดับต่ำ ส่วนฟลาวร์พืชหัวมีอัตราการย่อยที่หลากหลาย และมีค่าดัชนีการย่อยระดับต่ำกลาง และสูง ขึ้นอยู่กับชนิดของพืชหัว ส่วนฟลาวร์ธัญพืชส่วนใหญ่มีอัตราการย่อยสูง และมีค่าดัชนีการย่อยระดับสูง (ยกเว้น ฟลาวร์ข้าวไรเบอร์รี่) ฟลาวร์ข้าวได้รับการคัดเลือก เพื่อนำมาศึกษาถึงการดัดแปรโดยเอนไซม์เพื่อเพิ่มปริมาณ สตาร์ชทนย่อย ซึ่งใช้การดัดแปรโดยเอนไซม์ 2 ชุด (pullulanase และ isoamylase จาก Pseudomonas sp.(PI1), pullulanase และ isoamylase จาก Thermusfiliformis (PI2)) พบว่าการดัดแปรโดยเอนไซม์ทั้ง 2 ชุด ส่งผลให้ปริมาณสตาร์ชทนย่อยเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ฟลาวร์ข้าวที่ดัดแปรด้วยชุดเอนไซม์ PI1 จะมีปริมาณสตาร์ชทนย่อยสูงกว่าฟลาวร์ข้าวที่ดัดแปรโดยใช้ชุดเอนไซม์ PI2 การดัดแปรโดยเอนไซม์จากชุดเอนไซม์ทั้งสองชุดจะทำให้ฟลาวร์ข้าวที่ศึกษาเพิ่มปริมาณ อะมิโลส และอะมิโลเพกตินสายสั้น ส่วนลักษณะโครงสร้างผลึกของฟลาวร์ข้าวที่ดัดแปรโดยเอนไซม์ทั้งสองชุด (PI1 และ PI2) มีรูปแบบผลึกเปลี่ยนแปลงจากรูปแบบผลึกผสมระหว่าง A และ Vh เป็นรูปแบบผลึกผสมระหว่าง B และ Vh ค่าความเป็นผลึกของฟลาวร์ข้าวที่ดัดแปรโดยเอนไซม์จะสูงกว่าฟลาวร์ข้าวดั้งเดิม ลักษณะรูปร่างของเม็ดแป้ง พบว่าฟลาวร์ข้าวดั้งเดิมจะมีพื้นที่ผิวเรียบไม่มีความเสียหาย และเป็นรูปทรงเหลี่ยม หลังจากดัดแปรฟลาวร์ข้าวด้วยเอนไซม์พบว่าเม็ดแป้งมีพื้นที่ผิวขรุขระ มีรูปทรงที่เปลี่ยนไป ส่วนคุณสมบัติทางความร้อนจากเครื่อง Differential Scanning Calorimeter (DSC) แสดงให้เห็นว่าเมื่อฟลาวร์ข้าวดัดแปรด้วยเอนไซม์ อุณหภูมิเริ่มต้นในการเกิด เจลาทิไนเซซันลดลง (T
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
สมบัติการย่อยในหลอดทดลองของแป้งจากพืชชนิดต่างๆ และการดัดแปรฟลาวร์ข้าวโดยเอนไซม์
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
2558
ความหลากหลายของเชื้อรา Cladosporiod ที่พบบนพืชใบเลี้ยงเดี่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ ผลของปุ๋ยอินทรีย์ชนิดต่างๆและแหนแดงต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของข้าวเหนียวพันธุ์สันป่าตอง 1 การปรับปรุงคุณภาพแผ่นแป้งแหนมเนืองโดยการใช้แป้งผสมระหว่างแป้งข้าวเจ้ากับแป้งพุทธรักษา ศักยภาพของแป้งดัดแปรที่ดัดแปรจากแป้งดิบชนิดต่างๆจากปฏิกิริยาไฮโดรอกซีโพรพิเลชันและคาร์บอกซีเมทธิเลชันในการเป็นสารก การศึกษาการนำธาตุเหล็กชนิดต่างๆที่เสริมลงในบะหมี่สดไปใช้ประโยชน์ได้โดยวิธีการเลียนแบบระบบการย่อยและการดูดซึมในหลอดทดลอง การดัดแปร, การศึกษาคุณลักษณะและการใช้ประโยชน์ของแป้งชนิด การปรับปรุงคุณภาพของเส้นก๋วยเตี๋ยวโดยใช้แป้งมันสำปะหลังและฟลาวร์ข้าวเจ้าที่ผ่านการดัดแปรด้วยออคทีนิลซัคซินิคแอนไฮไดรด์ การใช้เอนไซม์ในการผลิตรำข้าวโปรตีนสูง. การศึกษาชนิดและปริมาณของน้ำตาลและกรดอินทรีย์บางชนิดในสารที่หลั่งจากราก (root exudate) ของข้าว 5 พันธุ์ การศึกษากลไกลการยับยั้งเชื้อไวรัสก่อโรคเริมชนิดที่ 1 และ 2 ในหลอดทดลอง โดยสมุนไพรบนที่สูงบางชนิด
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก