สืบค้นงานวิจัย
การตรวจหายีนดื้อยา metronidazole ของเชื้อ Blastocystis hominis : รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์
สุรางค์ นุชประยูร - ไม่ระบุหน่วยงาน
ชื่อเรื่อง: การตรวจหายีนดื้อยา metronidazole ของเชื้อ Blastocystis hominis : รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: สุรางค์ นุชประยูร
บทคัดย่อ: Blastocystis sp. เป็นโปรโตซัวในลำไส้ของมนุษย์และสัตว์ที่พบได้ทั่วโลก การติดเชื้ออาจทำให้เกิดอาการทางระบบทางเดินอาหารที่หลากหลาย ผู้ติดเชื้อส่วนมากไม่ปรากฎอาการของโรค จากการที่โปรโตซัวชนิดนี้ไม่ก่อให้เกิดอาการร้ายแรงในผู้ติดเชื้อ ทำให้เป็นที่ละเลยของผู้ติดเชื้อในการรับการรักษาที่ถูกต้อง ซึ่งสอดคล้องกับได้มีรายงานการตรวจพบผู้ติดเชื้อ Blastocystis sp. มากขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบันนี้ จึงอาจมีความเป็นไปได้ว่ามีแพร่กระจายของเชื้อ Blastocystis sp. ออกไปอย่างรวดเร็ว การศึกษานี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาหายีนดื้อยาของเชื้อเพื่อศึกษาการระบาดของเชื้อที่ดื้อยาในประเทศไทยต่อไป โดยได้ทำการสำรวจสุ่มเก็บอุจจาระจากนักเรียนทั้งหมด 1,909 ราย ใน 7 จังหวัดใน 6 ภาคของประเทศไทย จากนั้นตรวจวินิจฉัยโรคปรสิตในลำไส้ ด้วยวิธี simple smear วิธี formalin ethl-acetate concentration วิธี Boeck and Drbohlav's Locke-Egg-Serum (LES) medium culture และวิธี Harada mori culture พบผู้ติดเชื้อปรสิตในลำไส้ทั้งสิ้นจำนวน 713 ราย (37.3%) โดยปรสิตที่มีอัตราความชุกที่สูงคือ Blastocystis sp. (33.1%) นอกจากนี้ ยังพบว่าอัตราการติดเชื้อปรสิตในแต่ละภาคยังแตกต่างกันไป อาจเนื่องมากจากลักษณะภูมิประเทศ นิเวศน์วิทยา สุขลักษณะ วัฒนธรรม รวมถึง ปัจจัยสังคมและเศรษฐกิจ วิธีการวินิจฉัยที่มีประสิทธิภาพเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการสำรวจโรคปรสิตในลำไส้ การศึกษานี้จึงได้ทำการเปรียบเทียบความไวในการวินิจฉัยโรคโปรโตซัวด้วยวิธี simple smear วิธี formalin ethyl-acetate concentration และวิธี LES culture พบว่าวิธี LES medium culture ให้ผลการวินิจฉัยดีที่สุด (83.1%) เมื่อเปรียบเทียบกับการตรวจด้วยวิธี concentration (27.9%) และวิธี simple smear (29.0%) โดยมีผู้ติดเชื้อถึง 53.6% สามารถตรวจวินิจฉัยได้โดยวิธี LES medium culture เท่านั้น แสดงให้เห็นว่าการวินิจฉัยด้วยวิธี simple smear ไม่เพียงพอต่อการตรวจคัดกรองการติดเชื้อโปรโตซัวในลำไส้ นอกจากนี้ ผู้วิจัยยังได้พัฒนาวิธีการวินิจฉัยการติดเชื้อ Blastocystis sp. ด้วยวิธี Polymerase chain reaction (PCR) โดยการเพิ่มจำนวนส่วนของยีน small-subunit ribosomal DNA (SSU rDNA) ซึ่งพบว่าสามารถเพิ่มความไว ในการวินิจฉัยโรคได้ (20.6%) เมื่อเปรียบเทียบกับการตรวจด้วยวิธี simple smear (2.7%) และวิธี concentration (5.7%) เพื่อพัฒนาสายพันธุ์ดื้อยาของ Blastocystis sp. ในห้องปฏิบัติการ ผู้วิจัยได้ทำการพัฒนาระบบการเพาะเลี้ยงเชื้อและทดสอบความไวต่อยา metronidazole ของ Blastocystis sp. โดยเปรียบเทียบในอาหารเลี้ยงเชื้อชนิดต่างๆ ได้แก่ Jone’s medium (JM), Locke egg serum medium (LES), LB Broth, IMDM, และ RPMI โดยพบว่าเชื้อเจริญเติบโตเพิ่มจำนวนได้ดีที่สุดใน LES medium แต่ทำให้เชื้อเกาะกลุ่มกันจนไม่สามารถนับจำนวนได้จึงไม่เหมาะสมกับการทดสอบความไวต่อยา ส่วน RPMI เป็นอาหารเลี้ยงที่เหมาะสมกับการทดสอบความไวของยามากที่สุด จากนั้นผู้วิจัยได้คัดเลือกยีนที่เกี่ยวข้องกับกลไกการดื้อของยา ได้แก่ ยีน ferredoxin (Fd) และได้ทำการออกแบบ primer จากยีนโนมของ Blastocystis sp. Singapore isolate B (subtype 7) อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ทำการเพิ่มจำนวนยีน ferredoxin และเปรียบเทียบลำดับนิวคลีโอไทด์ของยีน Fd ที่ได้กับฐานข้อมูล กลับมีความเหมือนกับแบคทีเรีย Prevotella dentalis มากที่สุด (74% identity) และไม่ตรงกับลำดับของนิวคลีโอไทด์ของยีน ferredoxin ของ B.hominis Singapore isolate B (subtype 7) เลย ซึ่งน่าจะเกิดจากความแตกต่างของยีนโนมของเชื้อ Blastocystis sp. ที่อยู่ในฐานข้อมูลมีความแตกต่างทางสายพันธุ์กับเชื้อที่พบในไทย ซึ่งจากการศึกษาการกระจายของสายพันธุ์ของเชื้อในประเทศไทยพบว่าสายพันธุ์ที่พบในประเทศไทยคือสายพันธุ์ 3 ดังนั้น ผู้วิจัยจึงมีแผนการศึกษายีโนมของสายพันธุ์ Blastocystis subtype 3 ต่อไป
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/60517
คำสำคัญ: การดื้อยา
เจ้าของลิขสิทธิ์: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การตรวจหายีนดื้อยา metronidazole ของเชื้อ Blastocystis hominis : รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์
ไม่ระบุผู้เผยแพร่
2558
การวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวโดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพภายใต้ความร่วมมือระหว่างกรมการข้าวกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ระยะที่ 2 การดื้อยาของยีนในเชื้อStreptococcus agalactiae ที่แยกได้จากปลานิล การพัฒนาการตรวจหา เชื้อสเตรปโตคอคคัส ซูอิส และยีนที่จำเพาะต่อ ซีโรไทป์โดยใช้เทคนิค multiplex PCR การตรวจหาเชื้อแบคทีเรียในจีนัส Enterococcus ที่ดื้อต่อยา vancomycin ในสุกร การวิเคราะห์การทำงานของยีนที่ใช้ในการสังเคราะห์สารเคอร์คูมินอยด์ในขมิ้นชันโดย RNA interference การพัฒนาวิธีตรวจหาเชื้อ Mycobacterium avium subsp. paratuberculosis ในสัตว์เคี้ยวเอื้อง ด้วยเทคนิคอณูชีวโมเลกุล การตรวจหายีน Sub1A และลักษณะทนน้ำท่วมในสายพันธุ์ข้าวไทย การสำรวจและติดตามการระบาดของเชื้อ เอสเชอริเชีย โคไล ที่มียีนดื้อยาโคลิสติน จากฟาร์มสุกร และผลของสารต้านจุลชีพทางเลือกในการลดการส่งผ่านของยีน การศึกษาลักษณะทางพันธุกรรมและหน้าที่ของยีนที่เกี่ยวข้องในคนไข้ที่มีระดับไทรกลีเซอไรด์สูงมาก : รายงานการวิจัย การค้นหาและศึกษาการทำงานของยีนสร้างเอนไซม์ restriction-modification ที่ยังไม่สามารถตรวจพบได้ในจีโนมของ Spirulina เพื่อใช้นำมาใช้ประโยชน์สำหรับงานวิจัยทางด้านอณูชีววิทยา (ระยะที่ 2)
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก