สืบค้นงานวิจัย
การใช้ประโยชน์จากเถ้ากะลาปาล์มในการบำบัดโครเมียมในฝุ่นสีด้วยวิธีการปรับเสถียรและการทำให้เป็นก้อน
Suchathit Viroonpinyo - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การใช้ประโยชน์จากเถ้ากะลาปาล์มในการบำบัดโครเมียมในฝุ่นสีด้วยวิธีการปรับเสถียรและการทำให้เป็นก้อน
ชื่อเรื่อง (EN): Utilization of oil-palm ash for solidification/stabilization of chromium from steel blasting dust
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Suchathit Viroonpinyo
บทคัดย่อ: วิทยานิพนธ์นี้เป็นการศึกษาวิจัยเชิงทดลองการบำบัดโครเมียมในฝุ่นสี ด้วยวิธีการปรับเสถียรและการทำให้เป็นก้อน โดยใช้เถ้ากะลาปาล์มเพิ่มเป็นวัสดุปอชโซลาน ทั้งนี้เป็นการศึกษาเพื่อหาอัตราส่วนที่เหมาะสมของ ซีเมนต์ เถ้ากะลาปาล์ม ทราย และฝุ่นสี และปริมาณน้ำต่อซีเมนต์ โดยพิจารณาจากค่าความต้านทานแรงอัดและค่าการชะละลายของโครเมียมโดยใช้วิธีการสกัดที่เรียกว่า Leachate Extraction Test และ Leaching Test ซึ่งเป็นการนำก้อนแข็งไปแช่น้ำสกัดที่ปรับพีเอชเป็น 4.5 เป็นระยะเวลา 7 และ 14 วัน การทดลองจะแบ่งออกเป็น 27 ชุดการทดลอง โดยจะแปรค่าสัดส่วนของเถ้ากะลาปาล์มเท่ากับ 0.1 0.2 และ 0.3 ค่าสัดส่วนของฝุ่นสีเท่ากับ 0.15 0.25 และ 0.5 และแปรค่าสัดส่วนของปริมาณน้ำต่อซีเมนต์เท่ากับ 0.5 0.6 และ 0.7 ซึ่งนำมาผสมกับปูนซีเมนต์ในสัดส่วนเท่ากับ 1.0 และ ทรายเท่ากับ 2.0 จากการทดลองพบว่า ค่าความต้านทานแรงอัดของก้อนแข็งมีค่าสูงกว่ามาตรฐาน ผลการวิเคราะห์ทางสถิติพบว่า ค่าความต้านทานแรงอัดดีที่สุดที่อายุการบ่ม 14 วัน โดยที่เมื่อสัดส่วนของเถ้ากะลาปาล์มเท่ากับ 0.1 ฝุ่นสีเท่ากับ 0.15 และ 0.25 และสัดส่วนปริมาณน้ำต่อซีเมนต์เท่ากับ 0.5 ค่าความต้านทานแรงอัดจะสูงกว่าทุกสัดส่วน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P-value <0.05) และผลการทดสอบการชะละลายของโครเมียมที่สุดมีสัดส่วนของเถ้ากะลาปาล์มเท่ากับ 0.1 สัดส่วนของฝุ่นสีเท่ากับ 0.15 และ 0.25 และสัดส่วนปริมาณน้ำต่อซีเมนต์เท่ากับ 0.5 ค่า การชะละลายของโครเมียมจะน้อยกว่าทุกสัดส่วนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P-value <0.05). เมื่อพิจารณาถึงการกำจัดฝุ่นสีและเถ้ากะลาปาล์มได้มากที่สุด และยังให้ค่าความต้านทานแรงอัด และ ค่าการชะละลายของโครเมียมเป็นไปตามมาตรฐานของกรมโรงงานนั้น อัตราส่วนของปูนซีเมนต์ เถ้ากะลาปาล์ม ทราย และฝุ่นสี ที่เหมาะสม คืออัตราส่วน 1: 0.3: 2: 0.5 ที่สัดส่วนปริมาณน้ำต่อซีเมนต์เท่ากับ 0.5 ที่อายุการบ่ม 14 วัน
บทคัดย่อ (EN): and 0.5 water-cement ratio were significantly higher than the rest (P-value < 0.05). These results also held true for the lowest chromium leaching concentration. When considering the largest amount of oil-palm ash and steel blasting dust to be disposed of while the compressive strength and chromium leaching concentration was still within the standard required by the Department of Industrial Works, the optimum ratio of cement: oil-palm ash: sand: steel blasting dust was found to be 1: 0.3: 2: 0.5, and the water-cement ratio was at 0.5 with a curing time of 14 days.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=2047&obj_id=2217
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Plant Oils
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: วิทยานิพนธ์นี้เป็นการศึกษาวิจัยเชิงทดลองการบำบัดโครเมียมในฝุ่นสี ด้วยวิธีการปรับเสถียรและการทำให้เป็นก้อน โดยใช้เถ้ากะลาปาล์มเพิ่มเป็นวัสดุปอชโซลาน ทั้งนี้เป็นการศึกษาเพื่อหาอัตราส่วนที่เหมาะสมของ ซีเมนต์ เถ้ากะลาปาล์ม ทราย และฝุ่นสี และปริมาณน้ำต่อซีเมนต์ โดยพิจารณาจากค่าความต้านทานแรงอัดและค่าการชะละลายของโครเมียมโดยใช้วิธีการสกัดที่เรียกว่า Leachate Extraction Test และ Leaching Test ซึ่งเป็นการนำก้อนแข็งไปแช่น้ำสกัดที่ปรับพีเอชเป็น 4.5 เป็นระยะเวลา 7 และ 14 วัน การทดลองจะแบ่งออกเป็น 27 ชุดการทดลอง โดยจะแปรค่าสัดส่วนของเถ้ากะลาปาล์มเท่ากับ 0.1 0.2 และ 0.3 ค่าสัดส่วนของฝุ่นสีเท่ากับ 0.15 0.25 และ 0.5 และแปรค่าสัดส่วนของปริมาณน้ำต่อซีเมนต์เท่ากับ 0.5 0.6 และ 0.7 ซึ่งนำมาผสมกับปูนซีเมนต์ในสัดส่วนเท่ากับ 1.0 และ ทรายเท่ากับ 2.0 จากการทดลองพบว่า ค่าความต้านทานแรงอัดของก้อนแข็งมีค่าสูงกว่ามาตรฐาน ผลการวิเคราะห์ทางสถิติพบว่า ค่าความต้านทานแรงอัดดีที่สุดที่อายุการบ่ม 14 วัน โดยที่เมื่อสัดส่วนของเถ้ากะลาปาล์มเท่ากับ 0.1 ฝุ่นสีเท่ากับ 0.15 และ 0.25 และสัดส่วนปริมาณน้ำต่อซีเมนต์เท่ากับ 0.5 ค่าความต้านทานแรงอัดจะสูงกว่าทุกสัดส่วน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P-value
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การใช้ประโยชน์จากเถ้ากะลาปาล์มในการบำบัดโครเมียมในฝุ่นสีด้วยวิธีการปรับเสถียรและการทำให้เป็นก้อน
Suchathit Viroonpinyo
มหาวิทยาลัยมหิดล
2547
การปรับเสถียรภาพ/การทำก้อนแข็งของตะกอนจากกระบวนการฟอกโครมโดยใช้ซีเมนต์และเถ้าแกลบ การย่อยได้และการใช้ประโยชน์ได้ของกะลาเมล็ดกาแฟในอาหารสัตว์ การบำบัดน้ำเสียสีย้อมสังเคราะห์ชนิดรีแอคทีฟ โดยใช้เถ้าลอยขี้เลื่อยในระบบคอลัมน์ การสกัดสีจากกะหล่ำปลีสีแดงเพื่อใช้เป็นสีย้อมสไลด์ การกำจัดโครเมียมในน้ำเสียโดยใช้ซีโอไลต์ที่สังเคราะห์จากเถ้าลอยชานอ้อยและเถ้าลอยถ่านหิน การกำจัดตะกั่วและปรอทจากน้ำทิ้งอุตสาหกรรมสิ่งทอโดยใช้ถ่านกัมมันต์จากกะลาปาล์มและกะลามะพร้าว การคำนวณปริมาณการเติมน้ำบาดาลของแอ่งเชียงใหม่โดยใช้วิธีการปรับตัวของระดับน้ำบาดาล การบำบัดสีในน้ำสีรีแอกทีฟจากโรงงานฟอกย้อมโดยกระบวนการไฟฟ้าเคมี การพัฒนาฟิล์มบริโภคได้จากแป้งบุกและการใช้ประโยชน์ การใช้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิผลในการบำบัดน้ำเสียบางแหล่ง
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก