สืบค้นงานวิจัย
แผนวิจัยการพัฒนาสมรรถนะขององค์กรท้องถิ่นเพื่อการจัดการ ทรัพยากรชายฝั่งแบบบูรณาการพื้นที่อ่าวกะเปอร์ จังหวัดระนอง
จิราภัษ อัจจิมางกูร - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: แผนวิจัยการพัฒนาสมรรถนะขององค์กรท้องถิ่นเพื่อการจัดการ ทรัพยากรชายฝั่งแบบบูรณาการพื้นที่อ่าวกะเปอร์ จังหวัดระนอง
ชื่อเรื่อง (EN): Research Program on Competency Local Organization Development for Integrated Coastal Management around Kaper Area, Ranong Province
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: จิราภัษ อัจจิมางกูร
บทคัดย่อ: การศึกษาทางด้านสิ่งแวดล้อมทางน้ำและดินตะกอนในพื้นที่อ่าวกะเปอร์ จังหวัดระนอง ในเดือนกุมภาพันธ์ เดือนสิงหาคม เดือนตุลาคม พ.ศ. 2552 และเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 โดยทำการเก็บตัวอย่างน้ำและดินตะกอน จำนวน 20 สถานี (สถานี KA1-KA20) พบว่า สถานภาพของคุณภาพน้ำของบริเวณพื้นที่ศึกษาวิจัยโดยภาพรวมยังคงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพน้ำเพื่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง และแสดงให้เห็นถึงความเฉพาะตัวของพื้นที่ย่อยในอ่าวกระเปอร์ ซึ่งเป็นอิทธิพลจากลักษณะทางนิเวศวิทยาและสัณฐานของพื้นที่ อาทิ อุณหภูมิของน้ำ ปริมาณออกซิเจนละลายน้ำ ความเค็ม และปริมาณของแข็งแขวนลอยรวมในน้ำ สำหรับความเข้มข้นของปริมาณธาตุอาหารในน้ำ ถึงแม้ว่าความเข้มข้นของไนไตรท์และไนเตรท-ไนโตรเจนและออร์โธฟอสเฟต-ฟอสฟอรัสในน้ำบริเวณพื้นที่ศึกษามีค่าค่อนข้างต่ำตลอดช่วงเวลาของการศึกษาวิจัย แต่สำหรับความเข้มข้นของแอมโมเนียม-ไนโตรเจนในน้ำบริเวณพื้นที่ศึกษาในบางฤดูกาลสูงมาก แสดงให้เห็นถึงสถานภาพของคุณภาพน้ำในบริเวณพื้นที่ศึกษานี้ไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากพบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่มีความเข้มข้นของแอมโมเนียม-ไนโตรเจนในน้ำมากกว่า 15 ไมโครโมลาร์ ซึ่งสามารถเป็นระดับที่เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีได้ ส่วนความเข้มข้นของซิลิเกต-ซิลิคอนของน้ำบริเวณพื้นที่ศึกษามีค่าอยู่ในช่วงปกติ ซึ่งอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของแพลงก์ตอนพืช โดยเฉพาะอย่างยิ่งแพลงก์ตอนพืชกลุ่มไดอะตอม สำหรับระดับของคลอโรฟิลล์ เอ ในน้ำในพื้นที่ศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีระดับที่สูงในบางพื้นที่ ซึ่งลักษณะดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าแหล่งน้ำมีความอุดมสมบูรณ์ในระดับปานกลาง (mesotrophic waters) จากการศึกษาสถานภาพดินตะกอนสามารถบ่งชี้ถึงสภาวะที่มีการสะสมของซากพืช ซากสัตว์ในดิน ที่เด่นชัดในพื้นที่ศึกษาได้ เราสามารถสรุปได้ว่าระดับสารอินทรีย์รวมในดินตะกอนและปริมาณซัลไฟด์รวมในดินตะกอนบริเวณอ่าวกะเปอร์มีเหมาะสมต่อการอยู่อาศัย และเอื้ออำนวยต่อการเป็นแหล่งอาหารของสิ่งมีชีวิตพื้นท้องน้ำต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี จากการสำรวจความหลากหลายทางทรัพยากรชีวภาพบริเวณอ่าวกะเปอร์ จังหวัดระนอง ซึ่งจัดเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรชีวภาพ และจัดเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญต่อการเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกุ้งมังกรและปู จากการศึกษาองค์ประกอบชนิดของกุ้งมังกร พบกุ้งมังกรทั้งสิ้น 3 ชนิด ได้แก่ กุ้งมังกรหิน (Panulirus homarus) กุ้งมังกรเลน (Panulirus polyphagus) และกุ้งมังกรเจ็ดสี (Panulirus ornatus) โดยพบกุ้งมังกรอาศัยอยู่หนาแน่นเฉพาะบริเวณปากอ่าวกะเปอร์ โครงสร้างสัณฐานวิทยาเป็นร่องน้ำแคบ แนวร่องน้ำลึกจะเยื้องไปทางชายฝั่งด้านทิศเหนือของอ่าว ลักษณะพื้นท้องน้ำ ในบริเวณแนวร่องประกอบด้วยก้อนหินขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 15-20 เซนติเมตร โดยในบริเวณใกล้ฝั่งด้านทิศเหนือมีลักษณะเป็นก้อนหินเช่นเดียวกันกับบริเวณแนวร่อง สลับกับพื้นทรายหยาบและเศษเปลือกหอยแตกเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่อนุภาคของดินมีขนาด 250-500 ไมโครเมตร ส่วนในบริเวณใกล้ฝั่งทางด้านทิศใต้ของร่องน้ำ มีลักษณะเป็นพื้นหินสลับกับพื้นทรายละเอียดและเศษเปลือกหอยแตก อีกทั้งยังพบเศษซากไม้และใบไม้ทับถมบริเวณซอกหิน ในบริเวณนี้พบดินที่มีอนุภาคขนาด 500-1,000 ไมโครเมตร เป็นองค์ประกอบหลัก จากการสำรวจการแพร่กระจายของกุ้งมังกร พบว่า กุ้งมังกรเลนส่วนใหญ่แพร่กระจายบริเวณฝั่งด้านทิศเหนือของร่องน้ำและกุ้งมังกรเจ็ดสีส่วนใหญ่แพร่กระจายอยู่ในบริเวณฝั่งด้านทิศใต้ของร่องน้ำ โดยกุ้งมังกรเลน (Panulirus polyphagus) เป็นชนิดเด่นของพื้นที่ ในภาพรวม ผลการศึกษาด้านปัจจัยสิ่งแวดล้อมทางน้ำ พบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการแพร่กระจายของกุ้งมังกร ได้แก่ อุณหภูมิ และปริมาณสารอินทรีย์รวมในดินตะกอน โดยอุณหภูมิมีผลต่อการแพร่กระจายของขนาดกุ้งมังกรตามระดับความลึกของน้ำ ส่วนของปริมาณสารอินทรีย์รวมในดินตะกอน ซึ่งมีความสำคัญในการเป็นแหล่งอาหารและพลังงานของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยในบริเวณแหล่งอาศัยของกุ้งมังกร และสามารถเป็นอาหารให้กับกุ้งมังกรนั้น นับเป็นปัจจัยที่น่าจะมีบทบาทต่อการแพร่กระจายทางชนิดและปริมาณของกุ้งมังกรในพื้นที่ศึกษาได้ สำหรับทรัพยากรปู ได้ดำเนินการสำรวจความหลากหลายในช่วงฤดูแล้ง โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน คือ อ่าวตอนใน อ่าวตอนกลาง และบริเวณหัวแหลมนาว พบปูทั้งสิ้น 41 ชนิด โดยปูที่ได้ส่วนใหญ่ได้มาจากการจับด้วยเครื่องมือประมง ได้แก่ อวนจมปู อวนลอย โพงพาง และลอบปูม้า ปูที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ ได้แก่ ปูม้า ปูดาว ปูลาย และปูดำ การศึกษาสถานภาพการประมงและสมรรถนะขององค์กรท้องถิ่น เพื่อการจัดการทรัพยากรชายฝั่งแบบบูรณาการ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาวะการประมง รูปแบบการใช้ประโยชน์ในพื้นที่อ่าวกะเปอร์ และทัศนคติของชาวประมงต่อการจัดการทรัพยากรประมง ระหว่างเดือนมกราคม พ.ศ. 2551 ถึงสิงหาคม พ.ศ. 2554 โดยศึกษาชุมชน 13 แห่ง รอบอ่าวกะเปอร์ จังหวัดระนอง โดยศึกษาโครงสร้างของชุมชน และรูปแบบการทำประมง สำหรับการศึกษาต้นทุนผลตอบแทนด้านการประมงและเพาะเลี้ยง จำนวน 100 ราย ทัศนคติของชาวประมงต่อการจัดการทรัพยากรประมง การมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรประมง และประเมินสมรรถนะของชุมชนในการจัดการทรัพยากรประมง จำนวน 100 ราย ศึกษาสมรรถนะของผู้นำชุมชนในการจัดการทรัพยากรประมง จำนวน 58 ราย ศึกษาสถานการณ์และปัญหาในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรประมงและสิ่งแวดล้อมชายฝั่งทะเลและอ่าวกะเปอร์ จำนวน 100 ราย จัดประชุมเพื่อวิเคราะห์แนวทางการจัดการทรัพยากรประมง 2 พื้นที่ ผลการศึกษาชุมชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง อาชีพเกษตรกรรม และรับจ้าง สำหรับกลุ่มชาวประมงใช้เครื่องมือ ลอบปูม้า อวนจมปูม้า ลอบปูดำ แร้วปูดำ ลอบหมึก ลอบปลาเก๋า แหทอดกุ้ง ตักแมงกะพรุน คราดหอยตลับและหอยหวาน หาหอยนางรมปากจีบ โพงพางปากเสือ อวนลอยปลา และอวนรุน รวมทั้งการเลี้ยงปูนิ่ม การเลี้ยงปลาในกระชัง ปัญหาส่วนใหญ่ของชาวประมง คือ การพึ่งพิงเงินทุนจากแพปลา และหนี้สินจากกองทุนต่าง ๆ ได้แก่ กองทุนหมู่บ้าน กองทุนประมง มูลนิธิ และธกส. ส่วนใหญ่มีปัญหาด้านการขาดการส่งเสริมจากรัฐ ต้นทุนการทำประมงสูง ผลผลิตสัตว์น้ำลดลง และราคาผลผลิตต่ำ ไม่มีตลาดกลาง ราคาสัตว์น้ำขึ้นอยู่กับคนกลางในพื้นที่ ผลการพัฒนาที่ผ่านมาและการช่วยเหลือจากสึนามิ ยังคงเป็นความแตกแยกที่เกิดขึ้นระหว่างชาวประมงซึ่งได้รับความช่วยเหลือที่ไม่เท่าเทียมกัน รวมทั้งปัญหาแรงงานต่างถิ่นที่เพิ่มจำนวนขึ้นในแต่ละชุมชน การทำประมงของชาวประมงมีรายได้เฉลี่ย 9,875 บาทต่อเดือน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 7,832 บาทต่อเดือน รายได้น้อยที่สุด 1,500 บาทต่อเดือน และรายได้มากที่สุด 50,000 บาทต่อเดือน ราคาสินค้าสัตว์น้ำแตกต่างตามช่วงฤดูกาล การเลี้ยงปูนิ่มในกระชังกลุ่มตัวอย่างส่วนมากได้กำไรมากกว่าร้อยละ 50 การซื้อขายจะเป็นการผูกขาดกับคนกลาง ต้นทุนการเลี้ยงปลาในกระชังส่วนใหญ่ คือ ค่ากระชัง ค่าพันธุ์ปลากะพงขาวบางส่วน สำหรับปลากะรัง กะพงแดงทำประมงลอบลูกปลา ค่าอาหารส่วนใหญ่ใช้เหยื่อจากการทำโพงพางปากเสือ การขายปลาขึ้นกับการหาตลาดของเกษตรกร และผ่านพ่อค้าคนกลาง ปัญหาของการเลี้ยงสัตว์น้ำ คือ น้ำทิ้งจากบ่อกุ้ง และขาดแคลนเหยื่อ ด้านการจัดการทรัพยากรประมง ชาวประมงเห็นว่าผลจับสัตว์น้ำลดลงแต่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ การทำประมงที่ไม่เหมาะสมและสร้างปัญหา คือ อวนรุน การดูแลจัดการทรัพยากรชายฝั่งยังไม่เหมาะสม เนื่องจาก การดูแลของเจ้าหน้าที่รัฐไม่ทั่วถึง ไม่มีการจัดการที่เป็นรูปธรรม อีกทั้งขาดความร่วมมือจากชาวประมงบางกลุ่มที่ลักลอบใช้เครื่องมือประมงที่ผิดกฎหมาย เช่น อวนรุน อวนลาก โพงพางปากเสือ และการใช้ยาเบื่อปลา การจับสัตว์น้ำขนาดเล็ก เช่น การจับปูดำขนาดเล็กเพื่อนำไปเลี้ยงเป็นปูนิ่ม การทิ้งน้ำจากบ่อกุ้งที่อยู่บริเวณรอบอ่าวกะเปอร์โดยไม่มีการบำบัดซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ชาวประมงมีความสนใจและต้องการรับรู้ข่าวสารด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ขาดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ระดับของการรับรู้ข่าวสารและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของชาวประมงมีความสัมพันธ์กับทัศนคติของชาวประมงต่อการจัดการทรัพยากรชายฝั่งแบบบูรณการระดับปานกลาง ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ ร้อยละ 45.9 (p = 0.000) การมีส่วนร่วมของชุมชนอยู่ในระดับต่ำกิจกรรมส่วนใหญ่เป็นการร่วมปลูกป่าชายเลน การวางแผนแลกเปลี่ยนพูดคุยปัญหาการทำประมงเฉพาะกลุ่มชาวประมงเพื่อนบ้านใกล้เคียง เกือบครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างทำประมงตามกฎระเบียบที่กำหนด มาตรการที่กำหนดในการปลูกป่าชายเลน กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 67 ได้รับประโยชน์มาก สำหรับการประกาศพื้นที่อนุรักษ์ปู กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 62 ได้รับประโยชน์มากและค่อนข้างมาก ส่วนใหญ่ไม่เคยเข้าร่วมตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ อบต. และผู้นำชุมชน การประเมินคุณลักษณะของผู้นำ พบว่า ผู้นำควรปรับปรุงตนเองในด้านความกระตือรือร้นในการทำงานด้านประมง ความมุ่งมั่นและความซื่อตรงในการทำหน้าที่ ด้านความรอบรู้ด้านการประมง มุ่งมั่นในการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชน และการกล้าตัดสินใจรวมทั้งความเสียสละ และนำจุดเด่นของผู้นำด้านความสามารถในการสื่อสาร เพื่อแลกเปลี่ยนกับชาวประมง สนับสนุนให้ชาวประมงได้ทำงานกลุ่ม การร่วมรับฟังผู้อื่น การรู้จักใช้ความคิดสร้างสรรค์และเป็นอิสระ ดังนั้นในการปรับเปลี่ยนทัศคติของชาวประมงควรกำหนดให้มีกิจกรรมด้านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ร่วมตัดสินใจโดยยึดหลักเหตุผลในการตัดส
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คำสำคัญ: สมรรถนะขององค์กรท้องถิ่น
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
แผนวิจัยการพัฒนาสมรรถนะขององค์กรท้องถิ่นเพื่อการจัดการ ทรัพยากรชายฝั่งแบบบูรณาการพื้นที่อ่าวกะเปอร์ จังหวัดระนอง
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
2553
โครงการศึกษาสถานภาพการประมงและสมรรถนะขององค์กรท้องถิ่น เพื่อการจัดการทรัพยากรชายฝั่งแบบบูรณาการ อ่าวกะเปอร์ จังหวัดระนอง โครงการสำรวจความหลากหลายของทรัพยากรกุ้งมังกร ปู สัตว์หน้าดิน หอย และปลา บริเวณอ่าวกะเปอร์ จังหวัดระนอง การศึกษาอนุกรมวิธานของปลาน้ำจืดในเขตพื้นที่จังหวัดระนอง ภาคใต้ของประเทศไทย การศึกษาพลวัตของสังคมพืชป่าชายเลนในท้องที่ตำบลกำพวน จังหวัดระนอง การพัฒนาสีของปลาการ์ตูนส้ม-ขาว(Amphiprionocellaris) ด้วยวัตถุดิบจากพืชธรรมชาติ การติดตามประเมินผลทรัพยากรหลังการฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ชายฝั่งบริเวณสถานีวิจัยทรัพยากรชายฝั่งจังหวัดระนอง การบูรณาการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นในการจัดการและอนุรักษ์ ความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ต้นน้ำแม่แจ่ม อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ การฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งเกาะสีชังแบบบูรณาการโดยการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น บทบาทของชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต่อการจัดการทรัพยากรประมงในคลองอู่ตะเภา จังหวัดสงขลา โครงการพัฒนาเครือข่ายวิจัยด้านการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก