สืบค้นงานวิจัย
ภูมิปัญญาชาวบ้านเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต : กรณีการทำยาและน้ำยาไล่แมลงจากสมุนไพรใกล้ตัว
ทัศน์ ทัศนียานนท์ - มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
ชื่อเรื่อง: ภูมิปัญญาชาวบ้านเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต : กรณีการทำยาและน้ำยาไล่แมลงจากสมุนไพรใกล้ตัว
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ทัศน์ ทัศนียานนท์
บทคัดย่อ: ภูมิปัญญาพื้นบ้านเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต : กรณีการทำยาและน้ำยาไล่แมลงจากสมุนไพรใกล้ตัว มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ชาวบ้านได้นำเอาภูมิปัญญาที่มีอยู่เดิมในการสกัดหรือกลั่นน้ำมันหอมระเหยจากสมุนไพรใกล้ตัวมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จนถึงขั้นที่สามารถจะรวมกลุ่มกันผลิตน้ำมันหอมระเหยที่มีต้นทุนต่ำขึ้นมาใช้ได้เองในครังเรือนและหากเหลือใช้ก็หาตลาดจำหน่าย ซึ่งจะช่วยให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย ขอบเขตของการวิจัย การทำการวิจัยในขั้นแรกได้ส่งแบบสอบถามไปยังกำนันเจ้าของพื้นที่ในเขตอำเภอเมืองอุบลราชะานี และอำเภอวารินชำราบ จำนวน 21 ตำบล และหลังจากที่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับแมลงที่มารบกวนเป็นระจำและแหล่งที่มีการกลั่นน้ำมันหอมระเหยบ้างแล้ว ขั้นต่อไปจึงได้ออกสำรวจภาคสนาม เพื่อสัมภาษณ์ บันทึกเทป ถ่ายภาพและเก็บข้อมูลในลักษณะอื่น ๆ ในพื้นที่จริงเฉพาะตำบลที่ตอบแบบสอบถามกลับมาให้ทราบ และขั้นสุดท้ายได้เลือกเอาศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจชุมชนพึ่งตนเอง วัดบ้านขุมคำ อำเภอกุดข้าวปุ้น จังหวัดอุบลราชธานี เป็นศูนย์ปฏิบัติการทดลอง เพราะมีการจัดอบรมให้ความรู้แก่ชาวบ้านเป็นประจำ รวมทั้งมีเครื่องมือชุดกลั่นแบบที่ชาวบ้านสามารถทำเองได้อยู่อย่างครบถ้วน ตรงตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยทุกประการ ผลการวิจัยพอสรุปดังนี้ สมุนไพรที่ชาวบ้านรู้จักดีและนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยที่ใช้ในการป้องกันแมลง ได้แก่ ตะไคร้หอมและยูคาลิปตัส และต้องลงทุนปลูกหรือหาซื้อมาใช้ ซึ่งต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายอยู่บ้าง ในที่นี้จึงเน้นเฉพาะเปลือกส้มเขียวหวานที่แม่ค้าคั้นน้ำส้มคั้นทิ้งแล้ว นำมาเป็นวัตถุดิบในการสกัดน้ำมันหอมระเหย นับเป็นวัตถุดิบที่หาง่ายโดยไม่ต้องซื้อหาและในเขต อำเภอเมืองอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ยังไม่มีผู้ใดคิดที่จะนำเปลือกส้มเขียวหวานมาใช้ประโยชน์ในลักษณะดังกล่าวเลย ทั้ง ๆ ที่ชาวบ้านพอจะมีความรู้ในการกลั่นและการนำไปใช้ป้องกันและไล่แมลงอยู่ก่อนแล้ว ในการสกัดน้ำมันหอมระเหยจากเปลือกส้มเขียวหวานในครั้งนี้ ผู้วิจัยมุ่งที่จะให้ทราบถึงวิธีการกลั่นแบบดั้งเดิมของชาวบ้าน (แบบต้มเหล้าพื้นบ้าน) ซึ่งชุดกลั่นทำจากวัสดุที่หาได้ง่ายหรือราคาถูกในท้องถิ่นอันได้แก่ ถังน้ำมัน 200 ลิตร ที่ใช้แล้ว เตาไฟให้ความร้อนแบบประหยัดที่ใช้ฟืนถ่านหรือแกลบเป็นเชื้อเพลิงมาประกอบกันเป็นชุดกลั่น ส่วนชุดควบแน่นใช้หลักการของเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยใช้ท่อทองแดงมาขดเป็นไส้ไก่วางไว้ในถังควบแน่น แล้วใช้น้ำเย็นเป็นตัวทำให้เกิดการควบแน่น เมื่อน้ำหล่อเย็นในถังควบแน่นร้อน ชาวบ้านจะใช้วิธีไม่ยุ่งยากแทนการต่อท่อน้ำเย็นไหลเข้า น้ำร้อนไหลออก โดยการใช้ขันตักน้ำร้อนที่ลอยขึ้นมาอยู่ปากถังออกแล้วจึงเติมน้ำเย็นลงไปแทน วิธีนี้จะเสียเวลาบ้างที่จะต้องคอยตรวจดูว่าน้ำร้อนร้อนหรือยัง (หรือไม่ก็ใส่น้ำให้เต็มถังครั้งเดียวโดยไม่ต้องตักออกก็ใช้ได้ดี) ส่วนการปิดรูและรอยรั่วในที่ต่าง ที่อาจจะมีขึ้นก็ใช้ถูมิปัญญาที่รับถ่ายทอดกันมาตั้งแต่โบราณ คือใช้หัวกล้วยเน่าอุดแล้วฉีกผ้าเป็นริ้วชุบน้ำปิดทับอีกครั้ง หัวกล้วยเน่าจะมีเส้นใยยางเหนียวผสมอยู่ ช่วยอุดรูรั่วได้ดีกว่าวัสดุอื่นเพราะจะเกาะติดกับวัสดุทุกชนิดได้ทนทาน แม้จะได้รับความร้อนอยู่ตลอดเวลาก็ตาม นอกจากนั้นชุดเครื่องแยกน้ำมันออกจากน้ำและชุดเครื่องกรองก็ใช้ถุงน้ำเกลือที่ทิ้งแล้วมาใช้ใหม่ (Reuse) โดยใช้วิธีง่าย ๆ แต่มีประสิทธิภาพทัดเทียมกับเครื่องมือสมัยใหม่ได้เป็นอย่างดี เมื่อได้น้ำมันหอมระเหยที่บริสุทธิ์เข้มข้นมาแล้วควรทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง เพื่อให้น้ำหรือตะกอนที่อาจหลงเหลืออยู่บ้างลอยตัวขึ้นมาให้หมด น้ำมันที่ได้จะใสสะอาดและบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น ผู้วิจัยได้ทดลองเอาน้ำมันผิวส้มเข้มข้นนี้ไปใช้ในการป้องกันและไล่แมลงที่มาก่อความรำคาญ โดยการหยดลงบนผ้าหรือสำลี (บรรจุในหลอดสลิงหรือหลอดกาแฟ) 4-5 หยด (ถ้าใช้วิธีชุบจะสิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าปละไม่สามารถคำนวณปริมาณการใช้ที่เหมาะสมได้) แล้วนำไปเช็ดถูพื้น ขาโต๊ะ ตู้กับข้าว จานรองอาหาร ฯลฯ ที่มดและแมลงวันชอบมาไต่ตอม หรือทาผิวป้องกันยุงกัดได้เช่นกัน โดนที่กลิ่นของน้ำมันเข้มข้นเยง 4-5 หยดนี้ จะมีฤทธิ์ป้องกันและขับไล่แมลงได้นานไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง (น้ำมันผิวส้ม 1 ขวดเล็ก ปริมาณ 5 ซี.ซี. ต้นทุนรวมขวด 20 บาท และ 1 ซี.ซี. มีปริมาณ 40 หยด) การวิจัยในครั้งนี้มีอุปสรรคปัญหาบางประการ ได้แก่ 1. เจ้าของพื้นที่ (กำนัน) ตอบแบบสอบถามกลับมาค่อนข้างน้อย และการออกไปติดตามขอรับคืน ถึงในพื้นที่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จมากนัก เพราะกำนันเป็นเจ้าหน้าของรัฐ จึงมีภารกิจของทางราชการที่จะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งอาจเข้าใจว่าการไม่ตอบกลับเป็นการให้รับรู้เอาเองว่าไม่มีความรู้และประสบการณ์ในเรื่องที่ถาม หรือคำถามในแบบสอบถามอาจมีข้อบกพร่องทางภาษา อ่านแล้วไม่เข้าใจยากแก่การตอบก็เป็นไปได้จึงแก้ปัญหาโดยใช้วิธีกาสอบถามจากแหล่งข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติม 2. ข้อมูลทางด้านเอกสารที่เกี่ยวกับแหล่งภูมิปัญญาด้านการสกัดน้ำมันหอมระเหยยังมีน้อยและไม่ได้จัดทำเป็นหมวดหมู่อย่างมีระบบ จึงต้องใช้วิธีการสอบถามแบบลองผิดลองถูก ซึ่งกว่าจะทราบว่ามีการกลั่นน้ำมันหอมระเหยแบบพื้นบ้านอยู่ที่ใดบ้างก็ต้องเสียเวลาในการสืบค้นพอ สมควร 3. แล่งวัตถุดิบ (เปลือกส้ม) อยู่ห่างจากแหล่งผลิตค่อนข้างมาก (อุบล-กุดข้าวปุ้น) ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงตามไปด้วย วึ่งอาจแก้ไขโดยหน่วยราชการหรือสถานศึกษาที่พอจะมีงบประมาณสนับสนุนจัดสร้างเครื่องมือและสาธิตการกลั่น เพื่อจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ที่จะนำไปสู่การรวมกันเป็นกลุ่มเรียนรู้เศรษฐกิจชุมชนพึ่งตนเอง ให้กับหระชาชนในเมืองและต่างอำเภอที่สนใจ 4. ภาครัฐและเอกชนยังมีการสนับสนุนด้านภูมิปัญญาค่อนข้างน้อย ควรจัดสรรและจัดหากองทุนจากงบประมาณทั้งภายในและต่างประเทศมาสนับสนุนอย่างจริงจังและกว้างขวางรวมทั้งปรับปรุงระเบียบและวิธีการเบิกจ่ายให้เอื้อต่อการทำการวิจัยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย 5. ภูมิปัญญาพื้นบ้านทุกสาขาไม่ว่าจะเป็นทางด้านดารเกษตร สิ่งแวดล้อม ธุรกิจชุมชน การรักษาและป้องกันโรคหรือด้านการผลิตและการบริโภคมีการถ่ายทอดและอนุชนรุ่นหลังได้รับการถ่ายทอดน้อย จึงทำให้ชุมชนยุคปัจจุบันขาดความเข้มแข็ง เนื่องจากขาดการพึ่งตนเอง สมควรที่ทุกฝ่ายจะได้ร่วมกันพิจารณาดูว่าหลักสูตร ในเรื่องที่ว่าด้วยวิจัยในห้องเรียน (หรือในรายวิชาอื่นๆ) จะมีเรื่องภูมิปัญญาในสาขาต่าง ๆ เหล่านี้เข้าไปสอดแทรกอยู่ด้วยจะเหมาะสมหรือไม่ประการใด 6. การที่ชาวบ้านส่วนใหญ่มีรายได้น้อย มีคุณภาพชีวิตที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานเป็นส่วนใหญ่นั้น อาจเกิดจากการขาดการศึกษา ขาดความรู้ในการวิจัยขั้นพื้นฐาน ซึ่งสังเกตจาการปล่อยให้วัสดุเหลือใช้หรือที่ใช้แล้วสูญไปโดยเปล่าประโยชน์ ทั้ง ๆที่อาจสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ เช่น หลังคาสังกะสีรั่วก็ใช้ กาวที่ทำจากโฟมที่ทิ้งแล้วละลายน้ำมันเบนซินมาอุดรูรั่วหรือนำขยะที่ทิ้งแล้วมาแยกออก นำไปป่น หมักน้ำ ผสมด้วยผักตบชวา ใบไม้ และวัตถุที่จะเป็นตัวเชื่อม นำไปอัดเป็นก้อน อบด้วยไอความร้อนจากถังที่ใช้ภูมิปัญญาพื้นบ้านผลิตขึ้นมาใช้เอง ก็จะได้ถ่านจากขยะใช้แทนถ่านที่ได้มาจาการตัดไม้ทำลายป่า เป็นการประหยัด กำจัดขยะมูลฝอยและอนุรักษ์ธรรมชาติไปด้วย 8. ปัญหาที่จะตามมาเมื่อมีการผลิตเกินความต้องการที่จะใช้ในครัวเรือนแล้ว คือ ตลาดรองรับที่ยังแคบอยู่ รวมทั้งผู้คนส่วนใหญ่ยังนิยมใช้ยากันยุง ทั้งประเภทที่เป็นน้ำยาชนิดทาผิวและประเภทที่เป็นผงอัดแน่นเป็นแท่งใช้ไฟจุดเพื่อให่เกิดควันไล่ยุง ซึ่งยากันยุงประเภทนี้มีส่วนผสมของกำมะถันอยู่ด้วย ถ้าผู้ใช้สูดดมเข้าไปเป็นประจำ อาจทำให้เกิดอาการแพ้และเกิดโรคทางเดินหายใจเรื้อรังจึงควรทำความเข้าใจกับชาวบ้าน โดยผ่านทางการอบรม การเรียนการสอน หรือสื่อต่าง ๆ ที่มีในชุมชน ถึงข้อดีของการใช้น้ำมันหอมระเหยจากผิวส้มแทนยากันยุง (ราคาใกล้เคียงกัน มีประโยชน์สูงกว่าและที่สำคัญคือไม่มีสารพิษเจือปน)
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=12&RecId=331&obj_id=1603
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
คำสำคัญ: 615.3 ท359ภ
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
รายละเอียด: ภูมิปัญญาพื้นบ้านเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต : กรณีการทำยาและน้ำยาไล่แมลงจากสมุนไพรใกล้ตัว มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ชาวบ้านได้นำเอาภูมิปัญญาที่มีอยู่เดิมในการสกัดหรือกลั่นน้ำมันหอมระเหยจากสมุนไพรใกล้ตัวมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จนถึงขั้นที่สามารถจะรวมกลุ่มกันผลิตน้ำมันหอมระเหยที่มีต้นทุนต่ำขึ้นมาใช้ได้เองในครังเรือนและหากเหลือใช้ก็หาตลาดจำหน่าย ซึ่งจะช่วยให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย ขอบเขตของการวิจัย การทำการวิจัยในขั้นแรกได้ส่งแบบสอบถามไปยังกำนันเจ้าของพื้นที่ในเขตอำเภอเมืองอุบลราชะานี และอำเภอวารินชำราบ จำนวน 21 ตำบล และหลังจากที่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับแมลงที่มารบกวนเป็นระจำและแหล่งที่มีการกลั่นน้ำมันหอมระเหยบ้างแล้ว ขั้นต่อไปจึงได้ออกสำรวจภาคสนาม เพื่อสัมภาษณ์ บันทึกเทป ถ่ายภาพและเก็บข้อมูลในลักษณะอื่น ๆ ในพื้นที่จริงเฉพาะตำบลที่ตอบแบบสอบถามกลับมาให้ทราบ และขั้นสุดท้ายได้เลือกเอาศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจชุมชนพึ่งตนเอง วัดบ้านขุมคำ อำเภอกุดข้าวปุ้น จังหวัดอุบลราชธานี เป็นศูนย์ปฏิบัติการทดลอง เพราะมีการจัดอบรมให้ความรู้แก่ชาวบ้านเป็นประจำ รวมทั้งมีเครื่องมือชุดกลั่นแบบที่ชาวบ้านสามารถทำเองได้อยู่อย่างครบถ้วน ตรงตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยทุกประการ ผลการวิจัยพอสรุปดังนี้ สมุนไพรที่ชาวบ้านรู้จักดีและนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยที่ใช้ในการป้องกันแมลง ได้แก่ ตะไคร้หอมและยูคาลิปตัส และต้องลงทุนปลูกหรือหาซื้อมาใช้ ซึ่งต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายอยู่บ้าง ในที่นี้จึงเน้นเฉพาะเปลือกส้มเขียวหวานที่แม่ค้าคั้นน้ำส้มคั้นทิ้งแล้ว นำมาเป็นวัตถุดิบในการสกัดน้ำมันหอมระเหย นับเป็นวัตถุดิบที่หาง่ายโดยไม่ต้องซื้อหาและในเขต อำเภอเมืองอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ยังไม่มีผู้ใดคิดที่จะนำเปลือกส้มเขียวหวานมาใช้ประโยชน์ในลักษณะดังกล่าวเลย ทั้ง ๆ ที่ชาวบ้านพอจะมีความรู้ในการกลั่นและการนำไปใช้ป้องกันและไล่แมลงอยู่ก่อนแล้ว ในการสกัดน้ำมันหอมระเหยจากเปลือกส้มเขียวหวานในครั้งนี้ ผู้วิจัยมุ่งที่จะให้ทราบถึงวิธีการกลั่นแบบดั้งเดิมของชาวบ้าน (แบบต้มเหล้าพื้นบ้าน) ซึ่งชุดกลั่นทำจากวัสดุที่หาได้ง่ายหรือราคาถูกในท้องถิ่นอันได้แก่ ถังน้ำมัน 200 ลิตร ที่ใช้แล้ว เตาไฟให้ความร้อนแบบประหยัดที่ใช้ฟืนถ่านหรือแกลบเป็นเชื้อเพลิงมาประกอบกันเป็นชุดกลั่น ส่วนชุดควบแน่นใช้หลักการของเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยใช้ท่อทองแดงมาขดเป็นไส้ไก่วางไว้ในถังควบแน่น แล้วใช้น้ำเย็นเป็นตัวทำให้เกิดการควบแน่น เมื่อน้ำหล่อเย็นในถังควบแน่นร้อน ชาวบ้านจะใช้วิธีไม่ยุ่งยากแทนการต่อท่อน้ำเย็นไหลเข้า น้ำร้อนไหลออก โดยการใช้ขันตักน้ำร้อนที่ลอยขึ้นมาอยู่ปากถังออกแล้วจึงเติมน้ำเย็นลงไปแทน วิธีนี้จะเสียเวลาบ้างที่จะต้องคอยตรวจดูว่าน้ำร้อนร้อนหรือยัง (หรือไม่ก็ใส่น้ำให้เต็มถังครั้งเดียวโดยไม่ต้องตักออกก็ใช้ได้ดี) ส่วนการปิดรูและรอยรั่วในที่ต่าง ที่อาจจะมีขึ้นก็ใช้ถูมิปัญญาที่รับถ่ายทอดกันมาตั้งแต่โบราณ คือใช้หัวกล้วยเน่าอุดแล้วฉีกผ้าเป็นริ้วชุบน้ำปิดทับอีกครั้ง หัวกล้วยเน่าจะมีเส้นใยยางเหนียวผสมอยู่ ช่วยอุดรูรั่วได้ดีกว่าวัสดุอื่นเพราะจะเกาะติดกับวัสดุทุกชนิดได้ทนทาน แม้จะได้รับความร้อนอยู่ตลอดเวลาก็ตาม นอกจากนั้นชุดเครื่องแยกน้ำมันออกจากน้ำและชุดเครื่องกรองก็ใช้ถุงน้ำเกลือที่ทิ้งแล้วมาใช้ใหม่ (Reuse) โดยใช้วิธีง่าย ๆ แต่มีประสิทธิภาพทัดเทียมกับเครื่องมือสมัยใหม่ได้เป็นอย่างดี เมื่อได้น้ำมันหอมระเหยที่บริสุทธิ์เข้มข้นมาแล้วควรทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง เพื่อให้น้ำหรือตะกอนที่อาจหลงเหลืออยู่บ้างลอยตัวขึ้นมาให้หมด น้ำมันที่ได้จะใสสะอาดและบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น ผู้วิจัยได้ทดลองเอาน้ำมันผิวส้มเข้มข้นนี้ไปใช้ในการป้องกันและไล่แมลงที่มาก่อความรำคาญ โดยการหยดลงบนผ้าหรือสำลี (บรรจุในหลอดสลิงหรือหลอดกาแฟ) 4-5 หยด (ถ้าใช้วิธีชุบจะสิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าปละไม่สามารถคำนวณปริมาณการใช้ที่เหมาะสมได้) แล้วนำไปเช็ดถูพื้น ขาโต๊ะ ตู้กับข้าว จานรองอาหาร ฯลฯ ที่มดและแมลงวันชอบมาไต่ตอม หรือทาผิวป้องกันยุงกัดได้เช่นกัน โดนที่กลิ่นของน้ำมันเข้มข้นเยง 4-5 หยดนี้ จะมีฤทธิ์ป้องกันและขับไล่แมลงได้นานไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง (น้ำมันผิวส้ม 1 ขวดเล็ก ปริมาณ 5 ซี.ซี. ต้นทุนรวมขวด 20 บาท และ 1 ซี.ซี. มีปริมาณ 40 หยด) การวิจัยในครั้งนี้มีอุปสรรคปัญหาบางประการ ได้แก่ 1. เจ้าของพื้นที่ (กำนัน) ตอบแบบสอบถามกลับมาค่อนข้างน้อย และการออกไปติดตามขอรับคืน ถึงในพื้นที่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จมากนัก เพราะกำนันเป็นเจ้าหน้าของรัฐ จึงมีภารกิจของทางราชการที่จะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งอาจเข้าใจว่าการไม่ตอบกลับเป็นการให้รับรู้เอาเองว่าไม่มีความรู้และประสบการณ์ในเรื่องที่ถาม หรือคำถามในแบบสอบถามอาจมีข้อบกพร่องทางภาษา อ่านแล้วไม่เข้าใจยากแก่การตอบก็เป็นไปได้จึงแก้ปัญหาโดยใช้วิธีกาสอบถามจากแหล่งข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติม 2. ข้อมูลทางด้านเอกสารที่เกี่ยวกับแหล่งภูมิปัญญาด้านการสกัดน้ำมันหอมระเหยยังมีน้อยและไม่ได้จัดทำเป็นหมวดหมู่อย่างมีระบบ จึงต้องใช้วิธีการสอบถามแบบลองผิดลองถูก ซึ่งกว่าจะทราบว่ามีการกลั่นน้ำมันหอมระเหยแบบพื้นบ้านอยู่ที่ใดบ้างก็ต้องเสียเวลาในการสืบค้นพอ สมควร 3. แล่งวัตถุดิบ (เปลือกส้ม) อยู่ห่างจากแหล่งผลิตค่อนข้างมาก (อุบล-กุดข้าวปุ้น) ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงตามไปด้วย วึ่งอาจแก้ไขโดยหน่วยราชการหรือสถานศึกษาที่พอจะมีงบประมาณสนับสนุนจัดสร้างเครื่องมือและสาธิตการกลั่น เพื่อจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ที่จะนำไปสู่การรวมกันเป็นกลุ่มเรียนรู้เศรษฐกิจชุมชนพึ่งตนเอง ให้กับหระชาชนในเมืองและต่างอำเภอที่สนใจ 4. ภาครัฐและเอกชนยังมีการสนับสนุนด้านภูมิปัญญาค่อนข้างน้อย ควรจัดสรรและจัดหากองทุนจากงบประมาณทั้งภายในและต่างประเทศมาสนับสนุนอย่างจริงจังและกว้างขวางรวมทั้งปรับปรุงระเบียบและวิธีการเบิกจ่ายให้เอื้อต่อการทำการวิจัยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย 5. ภูมิปัญญาพื้นบ้านทุกสาขาไม่ว่าจะเป็นทางด้านดารเกษตร สิ่งแวดล้อม ธุรกิจชุมชน การรักษาและป้องกันโรคหรือด้านการผลิตและการบริโภคมีการถ่ายทอดและอนุชนรุ่นหลังได้รับการถ่ายทอดน้อย จึงทำให้ชุมชนยุคปัจจุบันขาดความเข้มแข็ง เนื่องจากขาดการพึ่งตนเอง สมควรที่ทุกฝ่ายจะได้ร่วมกันพิจารณาดูว่าหลักสูตร ในเรื่องที่ว่าด้วยวิจัยในห้องเรียน (หรือในรายวิชาอื่นๆ) จะมีเรื่องภูมิปัญญาในสาขาต่าง ๆ เหล่านี้เข้าไปสอดแทรกอยู่ด้วยจะเหมาะสมหรือไม่ประการใด 6. การที่ชาวบ้านส่วนใหญ่มีรายได้น้อย มีคุณภาพชีวิตที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานเป็นส่วนใหญ่นั้น อาจเกิดจากการขาดการศึกษา ขาดความรู้ในการวิจัยขั้นพื้นฐาน ซึ่งสังเกตจาการปล่อยให้วัสดุเหลือใช้หรือที่ใช้แล้วสูญไปโดยเปล่าประโยชน์ ทั้ง ๆที่อาจสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ เช่น หลังคาสังกะสีรั่วก็ใช้ กาวที่ทำจากโฟมที่ทิ้งแล้วละลายน้ำมันเบนซินมาอุดรูรั่วหรือนำขยะที่ทิ้งแล้วมาแยกออก นำไปป่น หมักน้ำ ผสมด้วยผักตบชวา ใบไม้ และวัตถุที่จะเป็นตัวเชื่อม นำไปอัดเป็นก้อน อบด้วยไอความร้อนจากถังที่ใช้ภูมิปัญญาพื้นบ้านผลิตขึ้นมาใช้เอง ก็จะได้ถ่านจากขยะใช้แทนถ่านที่ได้มาจาการตัดไม้ทำลายป่า เป็นการประหยัด กำจัดขยะมูลฝอยและอนุรักษ์ธรรมชาติไปด้วย 8. ปัญหาที่จะตามมาเมื่อมีการผลิตเกินความต้องการที่จะใช้ในครัวเรือนแล้ว คือ ตลาดรองรับที่ยังแคบอยู่ รวมทั้งผู้คนส่วนใหญ่ยังนิยมใช้ยากันยุง ทั้งประเภทที่เป็นน้ำยาชนิดทาผิวและประเภทที่เป็นผงอัดแน่นเป็นแท่งใช้ไฟจุดเพื่อให่เกิดควันไล่ยุง ซึ่งยากันยุงประเภทนี้มีส่วนผสมของกำมะถันอยู่ด้วย ถ้าผู้ใช้สูดดมเข้าไปเป็นประจำ อาจทำให้เกิดอาการแพ้และเกิดโรคทางเดินหายใจเรื้อรังจึงควรทำความเข้าใจกับชาวบ้าน โดยผ่านทางการอบรม การเรียนการสอน หรือสื่อต่าง ๆ ที่มีในชุมชน ถึงข้อดีของการใช้น้ำมันหอมระเหยจากผิวส้มแทนยากันยุง (ราคาใกล้เคียงกัน มีประโยชน์สูงกว่าและที่สำคัญคือไม่มีสารพิษเจือปน)
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ภูมิปัญญาชาวบ้านเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต : กรณีการทำยาและน้ำยาไล่แมลงจากสมุนไพรใกล้ตัว
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
2547
การสำรวจแมลงที่ดินได้ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ การออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์สมุนไพร กรณีศึกษา : ชมรมอนุรักษ์สมุนไพรถ้ำเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ การศึกษาภูมิปัญญาท้องถิ่นในการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพของพืชสมุนไพรในป่าชุมชน : กรณีศึกษาวิถีชีวิตของชุมชนจังหวัดสุรินทร์ คุณภาพทางจุลชีววิทยาของผลิตภัณฑ์สมุนไพร รายการการวิจัยเรื่อง การศึกษาและพัฒนาการผลิตยาสมุนไพรของกลุ่มสมุนไพรบ้านพลำ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ รายงานวิจัยเรื่อง การศึกษาและพัฒนาการผลิตเครื่องสำอางสมุนไพรของกลุ่มบ้านเนินพัฒนา อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ โครงการบริหารจัดการเพื่อพัฒนากลุ่มอาชีพทำธูปสมุนไพรในอำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา การผลิตลูกหอมสมุนไพรไล่แมลงและขจัดกลิ่นอับ : รายงานการวิจัย วิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีเครื่องหั่นสมุนไพรสำหรับทำสมุนไพรอบผิว การพัฒนาผลิตภัณฑ์มี่สั้วเสริมสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก