สืบค้นงานวิจัย
ความสัมพันธ์ระหว่างปัญหากีบและขากับประสิทธิภาพระบบ สืบพันธุ์ในโคนมที่เลี้ยงในฟาร์มโคนมรายย่อย
นิธิศ สุขหงษ์ - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: ความสัมพันธ์ระหว่างปัญหากีบและขากับประสิทธิภาพระบบ สืบพันธุ์ในโคนมที่เลี้ยงในฟาร์มโคนมรายย่อย
ชื่อเรื่อง (EN): Relationship between hoof and leg problems and reproductiveperformance in dairy cows raise in small-holder farms
บทคัดย่อ: วัตถุประสงค์ของการศึกษาเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัญหากีบและขาเจ็บกับประสิทธิภาพระบบสืบพันธุ์ในโคนมที่เลี้ยงในฟาร์มเกษตรกรรายย่อย โดยรูปแบบการศึกษาเป็นแบบ case-control โดยทำการเก็บแบ่งกลุ่มฟาร์มโคนมออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่มีปัญหากีบและขาเจ็บสูง (ความชุกในระดับรายตัวของฝูงมากกว่า 30%) และกลุ่มที่มีปัญหากีบและขาเจ็บต่ำ (ความชุกในระดับรายตัวของฝูงน้อยกว่า 10%) กลุ่มละ 20 ฟาร์ม ทำการศึกษาข้อมูลของระบบสืบพันธุ์ของโคนมในฟาร์ม พบว่าในโคที่มีปัญหากีบและขาเจ็บในฟาร์มที่มีความชุกสูงและต่ำ เมื่อเทียบกับโคปกติในฟาร์มที่มีความชุกสูงและต่ำ จะพบช่วงระยะห่างระหว่างช่วงคลอดเท่ากับ 513?124 วัน 529?100 วัน 440?101 วันและ 441?84 วัน จำนวนครั้งของการผสมต่อการผสมติดเฉลี่ย เท่ากับ 2.98?2.4 ครั้ง 2.0?1.4 ครั้ง 2.06?1.5 ครั้งและ 1.65?1.2 ครั้ง จำนวนวันหลังคลอดถึงผสมครั้งแรก เท่ากับ 152?122 วัน 137?71วัน 97?78 วัน และ 102?54 วัน และอัตราการตั้งท้องในช่วงระยะเวลาการศึกษาเท่ากับ 21%, 44%, 41%, และ 60% ตามลำดับ ซึ่งจะมีค่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญในโคนมที่มีปัญหากีบและขาเจ็บและไม่มีปัญหากีบและขาเจ็บ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความชุกสูง (P < 0.001) ส่วนในโคนมที่มีปัญหากีบและขาเจ็บจะมีโอกาสที่ไม่ตั้งท้อง 3.5 เท่า เมื่อเทียบกับโคปกติ (OR=3.5, P=0.0001) และหากโคนมในกลุ่มที่มีปัญหากีบและขาเจ็บ สามารถที่จะกำจัดปัญหาดังกล่าวให้หมดไป จะทำให้การไม่ตั้งท้องลดลงถึง 70% สรุปผลของการศึกษาพบว่าปัญหากีบและขาเจ็บส่งผลให้ประสิทธิภาพของระบบสืบพันธุ์ในโคนมที่เลี้ยงในฟาร์มเกษตรกรรายย่อยลดต่ำลงวัตถุประสงค์ของการศึกษาเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัญหากีบและขาเจ็บกับประสิทธิภาพระบบสืบพันธุ์ในโคนมที่เลี้ยงในฟาร์มเกษตรกรรายย่อย โดยรูปแบบการศึกษาเป็นแบบ case-control โดยทำการเก็บแบ่งกลุ่มฟาร์มโคนมออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่มีปัญหากีบและขาเจ็บสูง (ความชุกในระดับรายตัวของฝูงมากกว่า 30%) และกลุ่มที่มีปัญหากีบและขาเจ็บต่ำ (ความชุกในระดับรายตัวของฝูงน้อยกว่า 10%) กลุ่มละ 20 ฟาร์ม ทำการศึกษาข้อมูลของระบบสืบพันธุ์ของโคนมในฟาร์ม พบว่าในโคที่มีปัญหากีบและขาเจ็บในฟาร์มที่มีความชุกสูงและต่ำ เมื่อเทียบกับโคปกติในฟาร์มที่มีความชุกสูงและต่ำ จะพบช่วงระยะห่างระหว่างช่วงคลอดเท่ากับ 513?124 วัน 529?100 วัน 440?101 วันและ 441?84 วัน จำนวนครั้งของการผสมต่อการผสมติดเฉลี่ย เท่ากับ 2.98?2.4 ครั้ง 2.0?1.4 ครั้ง 2.06?1.5 ครั้งและ 1.65?1.2 ครั้ง จำนวนวันหลังคลอดถึงผสมครั้งแรก เท่ากับ 152?122 วัน 137?71วัน 97?78 วัน และ 102?54 วัน และอัตราการตั้งท้องในช่วงระยะเวลาการศึกษาเท่ากับ 21%, 44%, 41%, และ 60% ตามลำดับ ซึ่งจะมีค่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญในโคนมที่มีปัญหากีบและขาเจ็บและไม่มีปัญหากีบและขาเจ็บ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความชุกสูง (P < 0.001) ส่วนในโคนมที่มีปัญหากีบและขาเจ็บจะมีโอกาสที่ไม่ตั้งท้อง 3.5 เท่า เมื่อเทียบกับโคปกติ (OR=3.5, P=0.0001) และหากโคนมในกลุ่มที่มีปัญหากีบและขาเจ็บ สามารถที่จะกำจัดปัญหาดังกล่าวให้หมดไป จะทำให้การไม่ตั้งท้องลดลงถึง 70% สรุปผลของการศึกษาพบว่าปัญหากีบและขาเจ็บส่งผลให้ประสิทธิภาพของระบบสืบพันธุ์ในโคนมที่เลี้ยงในฟาร์มเกษตรกรรายย่อยลดต่ำลง
บทคัดย่อ (EN): The objective of this study was to investigate the relationship between lameness and reproductive performance in dairy cows raised in small holder farms. The retrospective case control was conducted dividing into 2 groups; the high prevalence of lameness (>30%) and low prevalence of lameness (30%) and low prevalence of lameness (<10%) with 20 dairy farms in each group. Reproductive data from all cows were collected. The study found that lame cows in high and low prevalence herds compare to normal cows in each group had calving to calving interval were 513?124 days, 529?100 days, 440?101 days and 441?84 days, respectively. The services per conception were 2.98?2.4 times, 2.0?1.4 times, 2.06?1.5 times, and 1.65?1.2 times, respectively. The calving to first service were cows were 152?122 days, 137?71 days, 97?78 days, and 102?54 days, respectively. The pregnancy rates during study period were 21%, 44%, 41%, and 60% respectively. All reproductive parameters were strongly significant difference in lames cow and normal cows especially in high prevalence group. Cows classified as lame had 3.5 times greater odds of non-pregnant, compared with cows classified as nonlame (OR=3.5, P=0.0001). Attributable proportion analysis indicated that non pregnant in lame cows would be reduced by 70%, if lameness had been prevented. Our study shows that lameness had a detrimental effect on reproductive performance in dairy cows raised in small holder farms.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คำสำคัญ: ประสิทธิภาพ
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ความสัมพันธ์ระหว่างปัญหากีบและขากับประสิทธิภาพระบบ สืบพันธุ์ในโคนมที่เลี้ยงในฟาร์มโคนมรายย่อย
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
30 กันยายน 2552
การประเมินประสิทธิภาพการสืบพันธุ์ของโคนมโดยวิธีเรดิโออิมมูนโนแอสเซ การวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีการใช้มันสำปะหลังหมักเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยงโคนมของเกษตรกรรายย่อยผู้เลี้ยงโคนม การศึกษาการเสริมใบมันสำปะหลังแห้งต่อการลดไข่พยาธิในมูลและลดการผลิตแก๊ชมีเทน ประสิทธิภาพกระบวนการหมักในกระเพาะรูเมน การสังเคราะห์จุลินทรีย์โปรตีนและการย่อยได้ของโภชนะในโคนมที่ปล่อยเลี้ยงแทะเล็มแปลงหญ้า การศึกษาผลของวิธีการแปรรูปยอดมันสำปะหลังต่อคุณค่าทางโภชนะและประสิทธิภาพการผลิตน้ำนมของโคนม การใช้เทคโนโลยีในการจัดระดับโภชนะในอาหารโคนมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการอาหารและลดต้นทุนค่าอาหารโคนมเพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพน้ำนมโคของสหกรณ์เครือข่ายศูนย์ข้อมูลโคนมมหาวิทยาลัยขอนแก่น การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการอาหารและลดต้นทุนค่าอาหารโคนมเพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพน้ำนมโคของสหกรณ์เครือข่ายศูนย์ข้อมูลโคนมมหาวิทยาลัยขอนแก่น การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโคนมภายใต้สภาพภูมิอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย โครงการเพิ่มประสิทธิภาพจัดการอาหารและลดต้นทุนค่าอาหารโคนม เพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพน้ำนมโคของสหกรณ์เครือข่ายศูนย์ข้อมูลโคนมมหาวิทยาลัยขอนแก่น การศึกษาประสิทธิภาพของระบบ Lactoperoxidase ในการยับยั้งเชื้อที่ก่อโรคเต้านมอักเสบในพื้นที่จังหวัดชุมพร และระบบ Lactoperoxidase system ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติจากโคนมที่ได้รับใบมันสำปะหลังหมักเสริมในอ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก